คำนำผู้จัดพิมพ์
เราคิดว่า ประเทศไทยของเรากำลังมีปัญหาอะไร? การจัดอันดับคุณภาพการศึกษานานาชาติ บ่งชี้ว่าประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์รั้งท้ายอาเซียน ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันทุกปี ประเทศไทยได้คะแนนตํ่ากว่าครึ่ง ช่องว่างคนรวย-จนของเรามากเป็นอันดับ 3 ของโลกในขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของเราว่ายวนอยู่ในตัวเลข 1-2 จุดกว่า ๆ มาหลายปี โดยเฉพาะภายหลังรัฐประหาร 2557
เราคิดว่า ประเทศไทยมีปัญหาอะไร? ในห้วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา เราพูดกันว่าเพราะคนไทยแตกความสามัคคี แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นเหลือง-แดง เพราะเรามีนักการเมืองเลวและมี ‘ทักษิณ’ เพราะทุนสามานย์ เพราะนโยบายประชานิยม เพราะคนไทยยังไม่เข้าใจประชาธิปไตย ฯลฯ คำอธิบายง่ายๆ เหล่านี้ มีส่วนไม่มากก็น้อยที่ทำให้เรามองไม่เห็น หรือไม่ยอมรับความจริงว่า ต้องมีอะไรผิดพลาดไปในระบบการเมืองและนโยบายพัฒนา และอาจรวมถึงสถาบันสำคัญของชาติ ขณะที่โลกเสรีก้าวไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิตอล เรายังสาละวนอยูกั่บค่านิยม 12 ประการ เพื่อรักษา ‘ความเป็นไทย’ ไว้ในที่เดิม เราพร้อมจะเชื่อว่าประเทศไทยกำลังมีอนาคต เพราะเรากำลังปฏิรูป เพราะเรามี ‘ทหาร’ และ ‘คนดี’ บริหารบ้านเมือง
หรือแท้จริง ปัญหาลึกสุดของประเทศไทยก็คือ โลกทัศน์เชื่องๆ ที่เกิดจากการปลูกฝังสั่งสมมานับชั่วคน กลายเป็นการเมืองแบบไทย ๆ ประชาธิปไตยไทย ๆ วัฒนธรรมไทย ๆ ระบบคิดแบบไทย ๆ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรามีปัญหาเชิงโครงสร้างและ ‘มายาคติ’ ที่ครอบงำเราอยู่ ซึ่งกำลังถูกกระแสลมแห่งความเปลี่ยนแปลงพัดกระหนํ่า ทำให้ในวันนี้มองเห็นได้ว่า ชุดความคิดความเชื่อแบบเดิม ๆ หรือนั่งร้านที่คํ้าจุนอาคารประเทศไทยกำลังสั่นคลอน บางส่วนพังทลายและทำให้สิ่งเก่าอาคารเก่าเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ที่ไม่แน่ว่าเราจะสามารถเปลี่ยนผ่าน สร้างใหม่ได้โดยสันติ ด้วยว่าทุกๆ การเปลี่ยนแปลงย่อมจะมีแรงต้านหรือความต้องการยื้อยุดสภาวะเดิม เพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ให้ดำรงอยู่ต่อไป
TCIJ ในฐานะสื่อเสรี ที่เชื่อในความเปลี่ยนแปลงและพลังของการเรียนรู้จึงนอกเหนือจากบทบาทของสื่อออนไลน์อย่าง www.tcijthai.com ที่นำเสนอข่าวเชิงลึก – รายงานพิเศษในแนว Investigative Journalism มาเป็นปีที่ 6 แล้ว TCIJ ยังได้ดำเนินโครงการ TCIJ School มาแล้ว 3 รุ่น ในรูปแบบการเรียนรู้ในชั้นเรียนและการฝึกปฏิบัติผสมผสานกัน ด้วยเนื้อหา 2 ส่วน คือ Journalist Skill และหลักสูตร ‘ถอดรื้อมายาคติ’ หรือ Deconstruct โดยมีเป้าหมายอยากเห็นคนรุ่นใหม่มีความรู้ความเข้าใจในพลังของการสื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลงมีทักษะการเขียนและการทำงานสื่อเพื่อสังคม มีกระบวนการคิดเชิงวิเคราะห์และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศไทย พอที่จะถอดรื้อกลุ่มเชือกที่พันกันยุ่ง ๆ หาต้นสายปลายเชือกให้เจอได้ด้วยความรู้และสติปัญญา
TCIJ School # season 3 หรือรุ่นที่ 3 เปิดให้เรียนรู้ระหว่างวันที่ 1-30 มิถุนายน 2559 โดยมีวิทยากรที่เป็นนักวิชาการจากหลากหลายสถาบันในบรรยากาศของการบรรยายความรู้แบบผู้ใหญ่ คือมีการถกเถียงอภิปรายมีการฝึกปฏิบัติและการวิเคราะห์วิจารณ์ผลงาน ผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าเรียนรู้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เนื่องจาก TCIJ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากมูลนิธิ ฟรีดริค แอร์แบร์ท ทั้งนี้ หลักสูตร Deconstruct จะมีการออกแบบจัดวางประเด็นใหม่ หัวข้อใหม่ และจัดเชิญวิทยากรใหม่ทุก ๆ รุ่น
ในส่วนของ TCIJ School # season 3 นี้ TCIJ ได้ทำการถอดเทป เรียบเรียงและจัดพิมพ์เป็นหนังสือขนาดพ็อกเก็ตบุ๊ก ที่เรียกว่า DECONSTRUCT 2 ในชื่อ ถอดรื้อมายาคติ: ประเทศไทยในกระแสเปลี่ยนผ่าน ‘รวมบทบรรยายแหวกกรอบ คนดี สังคม เศรษฐกิจ การเมือง’ ซึ่งประกอบไปดว้ยหัวข้อการเรียนรู้และวิทยากร ดังนี้
• สังคมไทยในความเปลี่ยนแปลง รศ.ดร.อภิชาต สถิตนิรามัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
• ถอดรื้อ ‘ศาสนา-ศีลธรรม-คนดี’ อ.สุรพศ ทวีศักดิ์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนดุสิต ศูนย์การศึกษาหัวหิน อ.คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตทับแก้ว
• ถอดรื้อระบบการศึกษาไทย นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านจิตวิทยาเด็ก โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ดร.ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก (World Bank) ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• ถอดรื้อกระบวนการยุติธรรม-ศาล-รัฐธรรมนูญ ผศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เวทมนตร์แห่งเศรษฐศาสตร์-ทุนนิยม-เสรีนิยม ดร.เดชรัต สุขกำเนิด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
• มายาคติอธิปไตย, สิทธิมนุษยชน, การเมืองระหว่างประเทศและความเป็นไทย รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• วิทย์-ศาสตร์ ไม่เที่ยง ผศ.ดร.จักรกริช สังขมณี อาจารย์ประจำและรองคณบดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• Ideology & Re-define สื่อทางเลือก ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บรรณาธิการเว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com บุญลาภ ภูสุวรรณ บรรณาธิการเว็บไซต์ Thai Publica www.thaipublica.org อรรคณัฐ วันธนะสมบัติ สมาชิก TCIJ School รุ่น 1
จะเห็นได้ว่าประเด็นของเนื้อหาทั้งหมด สะท้อนถึงแนวคิดนอกกรอบที่มีต่อความรู้และความเชื่อชุดต่างๆ ที่หล่อหลอมสังคมไทยมาช้านาน โดยนักวิชาการรุ่นใหม่ที่ทำงานวิจัยแสวงหาความรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง บางท่านทำกิจกรรมเพื่อสังคม และมีผลงานเขียนปรากฏตามสื่ออย่างสมํ่าเสมอ เรามีความศรัทธาร่วมกันว่า ทุกคนมีความสามารถที่จะเรียนรู้ ในบรรยากาศที่ไม่มีการปิดกั้นความจริง ข่าวสารข้อมูลและกระแสโลกที่แวดล้อมคนรุ่นใหม่อยู่ในเวลานี้ ย่อมนำคำถามและความเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมไทยไม่ช้าก็เร็ว มีแต่การเรียนรู้และความเข้าใจถ่องแท้ จึงจะสร้างความสามารถในการรู้เท่าทันและรับ ปรับ เปลี่ยน ได้อย่างสันติสุข
อย่างที่ รศ.ดร.อภิชาต สถิตนิรามัย ผู้เป็นองค์ปาฐกใน TCIJ School รุ่นที่ 3 ได้เสนอไว้ในปาฐกถา ‘สังคมไทยในความเปลี่ยนแปลง’ โดยฉายภาพแผนพัฒนาฯ จาก พ.ศ. 2500 ที่ทำให้คนจนลดลง ในขณะที่ความเหลื่อมลํ้ากลับถ่างกว้างขึ้นคนไทยก้าวออกจากภาคการเกษตรกลายเปน็ กลุม่ ชนชั้นกลางใหม่ปัญหาก็คือกลุ่มชนชั้นกลางเก่ากำลังถูกทิ้งระยะห่างจากข้างบนและถูกไล่กวดขึ้นมาจากด้านล่าง ที่อาจารย์อภิชาตตั้งข้อสังเกตว่า หากศึกษาในทางการเมืองกลุ่มชนชั้นกลางบนก็คือกลุม่ คนเสื้อเหลืองจำนวนมาก และกลุ่มชนชั้นกลางล่างหรือกลุ่มชนชั้นกลางใหม่ ก็คือคนเสื้อแดงจำนวนมาก ซํ้ายังฟันธงไว้ว่า “ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อกันมาสิบกว่าปี จึงสามารถตีความได้ว่า เป็นความขัดแย้งของคนสองกลุ่ม หรือสองชนชั้นในเมืองไทย ไม่นับความขัดแย้งของชนชั้นบนสุดสองชนชั้น คือ กลางบนกับกลางล่าง รัฐประหารทั้งสองครั้งที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2549 ก็คือการต่อสู้ระหว่างคนสองกลุ่มที่มีอำนาจการต่อรองทางการเมืองที่ไม่เหมือนกัน กลายเป็นการตั้งคำถามว่า อะไรเป็นกติกาพื้นฐานสำหรับการเมืองไทย”
ซึ่งดูเหมือนว่า รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ จะเป็นผู้ตอบคำถามนี้โดยมิได้นัดหมาย เมื่อพูดถึงความใฝ่ฝันทางการเมืองคนละชุดและมายาคติที่มีต่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน “พูดถึงประชาธิปไตย ทุกคนก็จะบอกว่าชอบบอกว่าเราเป็นประชาธิปไตย ต้องการให้รัฐและคนอื่นเคารพในสิทธิเสรีภาพของเรา... แต่เมื่อประชาธิปไตยของไทยถูกตรวจสอบท้าทายด้วยสถานการณ์ความรุนแรงบางอย่างที่เกิดขึ้นจริง มันกลับมีความขัดแย้งกันเองที่แสดงให้เห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่ไปกันไม่ได้ดำรงอยู่ในสังคมนี้เกิดความสับสนระหว่างคุณค่าทางสังคมที่มีอยู่แต่เดิม กับคุณค่าใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา”
เช่นกันกับที่อาจารย์คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ชี้ให้เห็นเบื้องหลังปัญหาที่กระทบกันเป็นลูกโซ่ว่า คือการล่มสลายของทุกสถาบันในสังคมไทย ที่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรจะเหนี่ยวรั้งไว้ได้อีกต่อไป “ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา ถ้ามองในแง่ดีคือ เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านแตไม่สามารถบอกได้ว่าเปลี่ยนผ่านไปสู่อะไร”
โดยนัยก็คือ วิธีคิดแบบแยกส่วนปัญหา ทำให้เราไม่มีจินตภาพที่เป็นจริงต่ออนาคตประเทศไทย เราจึงมีรัฐบาลที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินคนจน และมองเห็นทางออกแต่เพียงการทำให้คนไทยทุกคนเป็นคนดี ซึ่งอาจารย์สุรพศ ทวีศักดิ์ นักคิดนักเขียนด้านพุทธศาสนา ได้ชี้ชวนให้เรามองปรากฏการณ์ทางสังคมหลายอย่างว่ามีความสัมพันธ์กับการเมือง แม้แต่ศาสนาก็เป็นการเมือง การอ้างศีลธรรมทางพุทธศาสนาก็เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับสิ่งที่ผิดกฎหมายและผิดหลักการประชาธิปไตย... “ศาสนาที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง จึงสร้างมายาคติอย่างหนึ่งขึ้นมา คือทำให้สิ่งที่เรียกว่าศีลธรรมหรือคนดี มีความสำคัญเหนือหลักกติกา การทำสิ่งต่างๆ ในนามของคนดี สามารถทำได้โดยไม่ต้องเคารพกติกา มีความชอบธรรม โดยอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่”
อะไร? ทำให้เราไม่รู้เท่าทันปัญหาวิกฤตการณ์หลายต่อหลายครั้ง เรามักเพ่งเล็งกันว่าเพราะการศึกษาของเราล้มเหลวในการสร้างประชากรคุณภาพเราจึงเรียกร้องให้ปฏิรูปการศึกษามาแล้วหลายระลอก แต่ดูเหมือนเราไม่ได้ก้าวเท้าขึ้นจากหล่มปัญหาเดิม เพราะการมุ่งเน้นปฏิรูปแต่เพียงระบบโรงเรียนที่ผูกติดกับระบบราชการ โดยมองไม่เห็นการเรียนรู้ที่มีอยู่นอกโรงเรียน นักการศึกษาในวงเสวนา ‘ถอดรื้อระบบการศึกษาไทย’ จึงบอกว่า การศึกษาก็มีปัญหาในตัวเองที่จะต้องรื้อ-สร้าง เริ่มจากการเลิกคิดเสียก่อนว่า การศึกษาคือการลงทุนเป็นเครื่องมือในการเพิ่มแต้มต่อ แต่การศึกษาเป็นการลงทุนเพื่อการฟูมฟักสมาชิกใหม่ให้แก่สังคม เป็นพลเมืองและพลโลก ทำอย่างไรให้การศึกษาเป็นเครื่องมือหนึ่งในการลดความเหลื่อมลํ้าของคนในสังคม อย่างที่ ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล พูดไว้ “โจทย์ที่ยากและท้าทายมากๆ นั่นคือ จะทำอย่างไรให้คนอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งสูง... ฉะนั้นปัญหาใหญ่ตอนนี้ คือต้องหาเป้าหมายของการศึกษาให้เจอ เราจะพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้เป็นความหวังในการสร้างสังคมอย่างไร เราจะสร้างพลเมืองแบบไหนที่จะมาสร้างสังคมไทย” TCIJ School และหนังสือ Deconstruct เล่มนี้ ไม่มีคำตอบสำเร็จรูปสำหรับใคร แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการ ‘เขย่า’ ความคิดความเชื่อที่เป็นปัญหาอยู่เดิม ให้เกิดการตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบต่อ ๆ ไป จนกว่าจะเติบโตพัฒนาไปสู่การถอด-รื้อ-สร้างใหม่ได้ในที่สุด
สุชาดา จักรพิสุทธิ์
ผู้อำนวยการ TCIJ School และ
ผู้อำนวยการ www.tcijthai.com
1 ธันวาคม 2559
ดาวน์โหลด PDF จาก tcijthai.com
ดาวน์โหลด PDF และอ่านในสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตที่ ebooks.in.th
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ