ผู้เขียนได้เข้าร่วมในเวทีถอดบทเรียน 10 ปี รางวัลเกียรติยศนวัตกรรมประชาธิปไตย ณ รัฐสภา เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ซึ่งการต่อสู้ของพี่น้องชาวจะนะ จังหวัดสงขลา ได้ถูกยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่ทรงคุณค่า นี่ไม่ใช่แค่เรื่องราวของชัยชนะเหนือโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ แต่คือบทเรียนที่แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลและความร่วมมือของชุมชนสามารถเปลี่ยนอนาคตได้จริง
ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นได้ลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดจากโครงการจะนะเมืองอุตสาหกรรม การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้ใช้เพียงแค่ความรู้สึก แต่ใช้ "ข้อมูลชุมชน" ที่พวกเขาลงมือจัดทำด้วยตนเองอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องยอมถอย และนำไปสู่การจัดทำ การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย
จาก "ปลาแป้น" สู่มหาสมุทรแห่งความจริง
จุดเริ่มต้นของการทำข้อมูลที่ทรงพลังนี้มาจากเหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2555 เมื่อหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งอ้างว่าทะเลจะนะมีเพียง "ปลาแป้นกับปลาหลังเขียว" เพื่อให้เหตุผลว่าทะเลนี้ไม่สมบูรณ์และเหมาะกับการสร้างท่าเรือน้ำลึก การกล่าวอ้างดังกล่าวทำให้ชุมชนตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถพึ่งพาข้อมูลจากภาครัฐได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาสำรวจและรวบรวมข้อมูลของตนเอง
ด้วยการสนับสนุนจากสำนักงานสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ชาวบ้านได้ร่วมกันทำแผนที่ทรัพยากรทางทะเล สำรวจชนิดพันธุ์สัตว์น้ำในแต่ละเดือน และใช้เครื่องซาวน์เดอร์เพื่อระบุแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำอย่างแม่นยำ พวกเขายังเก็บข้อมูลเศรษฐกิจชุมชนอย่างละเอียด ตั้งแต่รายได้ของชาวประมงไปจนถึงเครือข่ายแม่ค้าและผู้ประกอบการแปรรูปสัตว์น้ำ ทั้งหมดนี้ถูกบันทึกไว้เป็นเอกสารสำคัญอย่างหนังสือ "ทะเลคือชีวิต" และ "จะนะมีดีนะจ๊ะ"
บทเรียนสำคัญที่เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นได้เรียนรู้คือ การขับเคลื่อนงานของชุมชนต้องเปลี่ยนจากการใช้อารมณ์มาเป็นการใช้เหตุผลและข้อมูลที่แม่นยำ การทำข้อมูลชุมชนยังขยายจากพื้นที่ทะเลไปสู่ ควน ป่า นา และนกเขา สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพและเศรษฐกิจของพื้นที่อย่างครอบคลุม ซึ่งนำไปสู่การเสนอ "ยุทธศาสตร์จะนะยั่งยืน" โดยชุมชน เพื่อชุมชนอย่างแท้จริง
SEA สงขลา-ปัตตานี: หมุดหมายใหม่ของการพัฒนาที่ยั่งยืน
การต่อสู้ของชาวจะนะไม่เพียงแต่ปกป้องพื้นที่ของตนเอง แต่ยังได้สร้างแบบอย่างใหม่ให้กับการพัฒนาประเทศ นั่นคือการจัดทำ SEA (Strategic Environmental Assessment) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างสมดุล ทั้งในด้านคุณค่าและมูลค่า
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ได้จัดประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการ SEA สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี โดยมีผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมกว่า 800 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ผลการศึกษาของ SEA กำหนดเป้าหมายการพัฒนา 2 จังหวัดให้เป็น "ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน บนฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางวัฒนธรรม" โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต และจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ความสำเร็จนี้เกิดจาก:
* การสร้างพื้นที่รับฟังความคิดเห็น: จัดเวทีประชาคมกว่า 70 เวที ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบ
* การสร้างกลไกติดตามตรวจสอบร่วมกัน: จัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน
* การทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่น: สร้างความร่วมมือกับภาคประชาสังคมและนักวิชาการ
* การแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม: พัฒนากลไกการแบ่งปันผลประโยชน์สู่ชุมชนท้องถิ่น
บทเรียนจากจะนะเป็นมากกว่าแค่การต่อสู้เพื่อชัยชนะของคนกลุ่มหนึ่ง แต่คือการสร้างหมุดหมายใหม่ของการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นธรรม ซึ่งควรเป็นแบบอย่างให้กับทุกพื้นที่ในประเทศไทย เพราะท้ายที่สุดแล้ว การพัฒนาที่แท้จริงต้องเริ่มต้นจากเสียงของคนในพื้นที่และให้พวกเขาได้ร่วมกำหนดอนาคตของตนเอง
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ