ความขัดแย้งระหว่างประเทศ วิเคราะห์สถานการณ์และผลกระทบปี 2024-2025

The Glocal - ท้องถิ่นเคลื่อนโลก 11 ส.ค. 2568 | อ่านแล้ว 447 ครั้ง

 บทวิเคราะห์ The Glocal ชี้ปี 2024-2025 โลกเผชิญความขัดแย้งระหว่างประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 61 แห่ง มี 11 สงครามเต็มรูปแบบ พลเรือนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 31% สงครามรัสเซีย-ยูเครนคร่าชีวิต 76,000 คน ความขัดแย้งกาซา-อิสราเอลทำให้เสียชีวิตกว่า 59,000 คน ไทย-กัมพูชาปะทะชายแดน ผู้พลัดถิ่น 300,000 คน แม้หยุดยิงแต่ยังเปราะบาง วิกฤตมนุษยธรรมรุนแรงทั่วโลก ผู้พลัดถิ่นนับสิบล้านคน สันติภาพที่แท้จริงยังอีกไกล

โลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง

เมื่อมองไปรอบโลกในช่วงปี 2024-2025 สิ่งที่เราเห็นคือภาพของความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าวิตก ข้อมูลจากโครงการข้อมูลความขัดแย้ง Uppsala Conflict Data Program (UCDP) เผยให้เห็นตัวเลขที่น่าตกใจว่าในปี 2024 มีความขัดแย้งที่รัฐเป็นคู่กรณีถึง 61 ครั้ง นับเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว

ที่น่ากังวลยิ่งไปกว่านั้น มีความขัดแย้งถึง 11 แห่งที่ถูกจัดว่าเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายความว่ามีผู้เสียชีวิตจากการสู้รบมากกว่าหนึ่งพันคนต่อปี แม้จำนวนผู้เสียชีวิตโดยรวมจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2022 แต่ปี 2024 ยังคงเป็นปีที่มีความรุนแรงมากที่สุดเป็นอันดับสี่นับตั้งแต่เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาเมื่อปี 1994

สิ่งที่น่าสะเทือนใจคือความรุนแรงที่มุ่งเป้าไปยังพลเรือนกลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีพลเรือนเสียชีวิต 13,900 ราย เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 31 จากปีก่อนหน้า สถานการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าโลกของเรากำลังเผชิญกับวิกฤตความขัดแย้งที่ซับซ้อนและต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ตารางสรุปความขัดแย้งระหว่างประเทศที่สำคัญ (อัพเดท สิงหาคม 2025)

ลำดับ

คู่กรณี

ประเภทความขัดแย้ง

สถานะปัจจุบัน

ผู้เสียชีวิต (โดยประมาณ)

ผู้พลัดถิ่น

ระดับความรุนแรง

1

รัสเซีย-ยูเครน

การรุกราน/ยึดครองดินแดน (IAC)

สู้รบต่อเนื่อง

76,000+ (ปี 2024)

3.7 ล้าน (IDPs), 6.9 ล้าน (ผู้ลี้ภัย)

สูงสุด

2

อิสราเอล-ปาเลสไตน์ (กาซา)

การยึดครอง/วิกฤตมนุษยธรรม (IAC)

สู้รบต่อเนื่อง

50,000+ (ต.ค. 2023 - ส.ค. 2025)

762,593 (มี.ค. 2025)

สูงสุด

3

อิสราเอล-เลบานอน (เฮซบอลเลาะห์)

ความขัดแย้งข้ามพรมแดน (IAC)

หยุดยิงเปราะบาง (พ.ย. 2024)

3,961 (ต.ค. 2023 - พ.ย. 2024)

1.2 ล้าน (875,000 ยังพลัดถิ่น)

สูงมาก

4

ไทย-กัมพูชา

ข้อพิพาทชายแดน (IAC)

หยุดยิง (28 ก.ค. 2025) / กำลังเจรจา

43+ (24-28 ก.ค. 2025)

300,000+

สูง

5

อาร์เมเนีย-อาเซอร์ไบจาน

ข้อพิพาทดินแดนนากอร์โน-คาราบัค

ข้อตกลงสันติภาพ (ส.ค. 2025)

99 (ก.ย. 2022), 7,000+ (สงคราม 2020)

100,000+ (หลัง ก.ย. 2023)

ปานกลาง-สูง

6

อินเดีย-ปากีสถาน

ข้อพิพาทแคชเมียร์ (IAC)

ความตึงเครียดสูง/ปะทะชายแดน

26 พลเรือน (เม.ย. 2025)

ไม่มีข้อมูลชัดเจน

ปานกลาง-สูง

7

อินเดีย-จีน

ข้อพิพาทชายแดน (IAC)

ข้อตกลงลดความตึงเครียด (ต.ค. 2024)

ไม่มีในปี 2024-2025

ไม่มีข้อมูล

ปานกลาง

8

เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้

ความตึงเครียดทางการเมือง

ตัดความสัมพันธ์/ความเสี่ยงสูง

ไม่มี (ปี 2025)

ไม่มีข้อมูล

ปานกลาง (ความเสี่ยงสูง)

หมายเหตุ: IAC = International Armed Conflict (ความขัดแย้งติดอาวุธระหว่างประเทศ) IDPs = Internally Displaced Persons (ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ) ข้อมูลอัพเดท ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2025 ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้พลัดถิ่นเป็นการประมาณการและอาจมีการเปลี่ยนแปลง

แหล่งข้อมูล: Uppsala Conflict Data Program (UCDP), Armed Conflict Location & Event Data Project (ACLED), International Crisis Group, Geneva Academy of International Humanitarian Law, UN Office for the Coordination of Humanitarian Affairs (OCHA), รายงานข่าวจาก CNN, Al Jazeera, Reuters, AP Wikipedia และ Britannica (สำหรับข้อมูลประวัติศาสตร์)

การประเมินระดับความรุนแรงของความขัดแย้ง

เพื่อให้เข้าใจถึงระดับความรุนแรงของความขัดแย้งต่างๆ ได้ดีขึ้น เราจำเป็นต้องพิจารณาจากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความรุนแรงที่ชัดเจนที่สุด การพลัดถิ่นของประชากรที่ต้องอพยพหนีภัยทั้งภายในประเทศและข้ามพรมแดน ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่รวมถึงความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟู วิกฤตมนุษยธรรมที่เกิดจากการขาดแคลนอาหาร น้ำ ยา และการเข้าถึงความช่วยเหลือ รวมถึงแนวโน้มของความขัดแย้งว่ากำลังทวีความรุนแรง คงที่ หรือกำลังคลี่คลายลง

สงครามในยุคปัจจุบันมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก พลเรือนกลายเป็นเหยื่อหลักของความขัดแย้ง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือในสงครามกาซา มีเพียงร้อยละ 2 ของผู้เสียชีวิตที่สามารถระบุได้ว่าเป็นนักรบ ในขณะที่ร้อยละ 48 เป็นพลเรือน และที่เหลือไม่สามารถระบุตัวตนได้ การแยกแยะระหว่างพลเรือนและนักรบกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้อาวุธที่ไม่เลือกเป้าหมาย อย่างการทิ้งระเบิดในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น สิ่งนี้ทำให้การประเมินความเสียหายที่แท้จริงของสงครามเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้น

สงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในปัจจุบัน


ที่มาภาพ: Houses of the Oireachtas

สงครามที่เริ่มต้นจากการรุกรานของรัสเซียในปี 2022 ยังคงเป็นความขัดแย้งที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในโลก ในปี 2024 มีผู้เสียชีวิตจากการสู้รบประมาณ 76,000 คน ผู้คนกว่า 3.7 ล้านคนต้องพลัดถิ่นภายในประเทศ ขณะที่อีก 6.9 ล้านคนกลายเป็นผู้ลี้ภัยทั่วโลก ประชากรถึง 12.7 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงเด็กเกือบสองล้านคน บ้านเรือนกว่า 2.5 ล้านหลังถูกทำลายหรือได้รับความเสียหาย

ในด้านเศรษฐกิจ ยูเครนกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก เศรษฐกิจหดตัวเหลือการเติบโตเพียงร้อยละ 2.9 ในปี 2024 และคาดว่าจะลดลงเหลือร้อยละ 2 ในปี 2025 ประเทศต้องการเงินทุนฟื้นฟูถึง 524,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอีกสิบปีข้างหน้า อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึงร้อยละ 12 ในปลายปี 2024 จากการที่ค่าพลังงานสูงขึ้น ค่าเงินอ่อนค่าลง และผลผลิตทางการเกษตรลดลง อัตราความยากจนเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจจากร้อยละ 20.6 ก่อนสงคราม มาเป็นร้อยละ 35.5

การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของพลเรือนยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ในเดือนเมษายน 2025 การโจมตีด้วยขีปนาวุธในเมือง Kryvyi Rih และ Sumy ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 54 ราย และบาดเจ็บอีก 192 ราย สิ่งที่น่าสนใจคือเศรษฐกิจยูเครนกำลังอยู่ในสภาวะที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่าสมดุลในยามสงคราม โดยพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศปีละ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากความช่วยเหลือนี้หยุดลง หรือสงครามยืดเยื้อนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงตามมา

ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์และเลบานอน วิกฤตมนุษยธรรมที่รุนแรง


ที่มาภาพ: UNRWA/Mohammed Hinnawi

ความขัดแย้งในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมากตั้งแต่ตุลาคม 2023 โดยเฉพาะในฉนวนกาซาและเลบานอน ในกาซา มีผู้เสียชีวิต 59,219 ราย และผู้บาดเจ็บ 143,045 ราย ตั้งแต่ตุลาคม 2023 ถึงกรกฎาคม 2025 ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีเด็ก 17,921 คน ผู้หญิง 9,497 คน ผู้ชาย 26,655 คน และผู้สูงอายุ 4,307 คน พื้นที่ร้อยละ 88 ของกาซาอยู่ภายใต้การควบคุมทางทหารหรือคำสั่งอพยพ มีผู้พลัดถิ่นกว่า 762,000 คนหลังการหยุดยิงล่มสลายในเดือนมีนาคม 2025

ในเลบานอน ตั้งแต่ตุลาคม 2023 ถึงการหยุดยิงในพฤศจิกายน 2024 มีผู้เสียชีวิต 3,961 ราย รวมถึงเด็ก 248 คน ผู้หญิง 736 ราย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและกู้ภัย 222 ราย ผู้พลัดถิ่นมีมากกว่า 1.2 ล้านคน และประมาณ 4.1 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในปี 2025 ภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยร้อยละ 95 ของครัวเรือนเกษตรกรต้องพลัดถิ่น

วิกฤตมนุษยธรรมในกาซาทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาวะทุพโภชนาการในเด็กอายุต่ำกว่าห้าปีเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าในช่วงมีนาคมถึงมิถุนายน 2025 องค์การ UNRWA ไม่สามารถนำยาและเวชภัณฑ์เข้าไปในกาซาได้นานถึง 4.5 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2025 สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ความขัดแย้ง

ความขัดแย้งอาร์เมเนีย-อาเซอร์ไบจาน การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์

ความขัดแย้งเรื่องดินแดนนากอร์โน-คาราบัคที่ดำเนินมานานเกือบ 40 ปี มีพัฒนาการสำคัญในปี 2025 เมื่อทั้งสองประเทศลงนามข้อตกลงสันติภาพที่ทำเนียบขาว โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นเจ้าภาพในเดือนสิงหาคม 2025

ความขัดแย้งนี้มีผลกระทบรุนแรงตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา สงครามในปี 2020 มีผู้เสียชีวิตกว่า 5,200 คน รวมถึงทหารอาร์เมเนีย 2,425 นาย ทหารอาเซอร์ไบจาน 2,783 นาย และพลเรือนอีกหลายสิบคน หลังจากการรุกทางทหารของอาเซอร์ไบจานในปี 2023 ชาวอาร์เมเนียกว่า 100,000 คน ซึ่งเป็นเกือบทั้งหมดของประชากรในนากอร์โน-คาราบัค ต้องลี้ภัยไปยังอาร์เมเนียภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์

แม้จะมีข้อตกลงสันติภาพแล้ว แต่การตีความเกี่ยวกับการถอนทหารยังคงเป็นประเด็นที่ซับซ้อน อาเซอร์ไบจานยืนยันว่าทหารอาร์เมเนียควรถอนออกจากนากอร์โน-คาราบัคทั้งหมด ในขณะที่อาร์เมเนียแย้งว่าข้อตกลงนี้ใช้กับเฉพาะดินแดนรอบนอกที่ส่งมอบไปแล้วเท่านั้น รัสเซียยังคงมีบทบาทสำคัญในการรักษาสันติภาพผ่านกองกำลังรักษาสันติภาพในภูมิภาค

ความตึงเครียดอินเดีย-ปากีสถาน วงจรความรุนแรงที่ไม่สิ้นสุด

ความขัดแย้งเรื่องแคชเมียร์ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 1947 ปะทุขึ้นอีกครั้งในเดือนเมษายน 2025 หลังจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายใกล้เมืองปาฮาลแกมในรัฐชัมมูและแคชเมียร์ของอินเดีย ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 26 ราย อินเดียตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศและขีปนาวุธภายใต้ปฏิบัติการสินธู โดยมุ่งเป้าไปที่เก้าแห่งในแคชเมียร์ที่ปากีสถานปกครองและจังหวัดปัญจาบของปากีสถาน

อินเดียอ้างว่าการโจมตีมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มก่อการร้าย อย่าง Lashkar-e-Taiba และ Jaish-e-Mohammed แต่ปากีสถานยืนยันว่าการโจมตีได้กระทบพื้นที่พลเรือน รวมถึงมัสยิด และมีพลเรือนเสียชีวิต หลังจากนั้นมีการปะทะกันตามแนวชายแดนและการโจมตีด้วยโดรนระหว่างสองประเทศ

สิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือทั้งสองประเทศมีอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้ความขัดแย้งใดๆ มีความเสี่ยงที่จะบานปลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ การขาดกลไกจัดการความขัดแย้งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้แม้เหตุการณ์เล็กๆ ก็อาจนำไปสู่การปะทะครั้งใหญ่ได้ ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าทั้งสองประเทศเคยทำสงครามกันมาแล้วสามครั้งในปี 1947, 1965 และ 1999

ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ความขัดแย้งยาวนานที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข


ที่มาภาพ: ประชาไท

ในเดือนสิงหาคม 2025 เกิดการสู้รบตามแนวชายแดนนานห้าวัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 43 ราย และผู้พลัดถิ่น 300,000 คน ความขัดแย้งนี้เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทเหนือซากปรักหักพังของวัดที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน ซึ่งทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของ

แม้จะมีการตกลงหยุดยิงโดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นคนกลาง แต่ยังมีการกล่าวหาว่ามีการละเมิดข้อตกลงอยู่บ่อยครั้ง รัฐบาลไทยกล่าวหาว่ากัมพูชาละเมิดการหยุดยิงหลายครั้ง ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญจาก Crisis Group ชี้ให้เห็นว่าปัญหาหลักคือไม่มีกลไกตรวจสอบที่เป็นอิสระและยั่งยืน

กัมพูชาได้ประกาศว่าจะเริ่มเกณฑ์ทหารในปี 2026 เนื่องจากความขัดแย้งกับไทยยังคงดำเนินอยู่ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการหยุดยิงในปัจจุบันเป็นเพียงการหยุดพักชั่วคราวมากกว่าการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง และประชากรที่พลัดถิ่นยังคงตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง

ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ความเสี่ยงจากการคำนวณผิดพลาด

เกาหลีเหนือได้เปลี่ยนนโยบายอย่างสิ้นเชิงในปี 2024 โดยผู้นำคิม จองอึน ประกาศให้เกาหลีใต้เป็นศัตรูหลักและละทิ้งเป้าหมายการรวมชาติอย่างสันติ ทั้งสองประเทศได้ยกเลิกข้อตกลงลดความตึงเครียดต่างๆ และตัดช่องทางการสื่อสารเกือบทั้งหมด

ในเดือนเมษายน 2025 เกิดเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของสถานการณ์ เมื่อทหารเกาหลีเหนือประมาณสิบนายข้ามพรมแดนโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เกาหลีใต้ต้องยิงเตือน กองทัพเกาหลีใต้ประเมินว่าทหารเกาหลีเหนือไม่ได้เจตนาบุกรุก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าที่ป้ายเขตแดนไม่ชัดเจน แม้เหตุการณ์นี้จะไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่การที่ไม่มีช่องทางการสื่อสารทำให้เหตุการณ์เล็กๆ อาจบานปลายได้ง่าย

สิ่งที่น่ากังวลยิ่งขึ้นคือเกาหลีเหนือได้ส่งทหารหลายพันนายไปช่วยรัสเซียในยูเครน และมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับเทคโนโลยีขีปนาวุธตอบแทน นอกจากนี้ คิม จองอึน ยังได้ให้สัตยาบันข้อตกลงป้องกันร่วมกับมอสโก ทำให้สมดุลอำนาจในภูมิภาคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ การเชื่อมโยงระหว่างสงครามในยุโรปกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีสร้างความซับซ้อนให้กับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น

ข้อพิพาทชายแดนอินเดีย-จีน การจัดการความขัดแย้งที่ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด

ข้อพิพาทดินแดนระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียมีรากฐานมาจากข้อตกลงชายแดนในยุคอาณานิคมของอังกฤษ โดยเฉพาะเส้น McMahon Line ในภาคตะวันออกและพื้นที่ Aksai Chin ในภาคตะวันตก ความขัดแย้งนี้มีพัฒนาการในเชิงบวกเมื่อทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงลดความตึงเครียดในเดือนตุลาคม 2024 หลังจากการปะทะในหุบเขากัลวานปี 2020 ที่ทำให้ทหารอินเดีย 20 นายเสียชีวิต ซึ่งเป็นเหตุการณ์แรกในรอบ 45 ปี

ข้อตกลงนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อคลี่คลายความแตกต่างที่เกิดขึ้นมาสี่ปี สร้างเขตกันชนระหว่างประเทศ และลดการเผชิญหน้าในจุดเสียดทานที่สำคัญ การตกลงได้ฟื้นฟูสิทธิการลาดตระเวนในที่ราบ Depsang และภูมิภาค Demchok อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเทศยังคงเสริมกำลังทหารและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ แสดงให้เห็นว่าเป็นเพียงการจัดการความขัดแย้งมากกว่าการแก้ไขความขัดแย้งอย่างแท้จริง

แนวโน้มและความท้าทายในอนาคต

สงครามสมัยใหม่กำลังเปลี่ยนจากสงครามแบบดั้งเดิมที่มีการสู้รบระหว่างกองทัพ ไปสู่ภาวะความขัดแย้งเรื้อรังที่มีความรุนแรงดำเนินต่อเนื่องแม้จะมีความผันผวน พลเรือนกลายเป็นเป้าหมายหลักมากขึ้น และการพึ่งพาการหยุดยิงชั่วคราวมากกว่าสันติภาพที่ยั่งยืนกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ สังคมและเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มปรับตัวเข้ากับสภาวะสงครามเรื้อรัง

การที่พลเรือนตกเป็นเหยื่อมากขึ้นเป็นประเด็นที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน จำเป็นต้องมีการปรับปรุงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศให้ทันสมัย พัฒนากลไกการคุ้มครองพลเรือนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างความรับผิดชอบสำหรับการละเมิดกฎหมายสงคราม

บทบาทของมหาอำนาจยังคงส่งผลต่อความขัดแย้งในหลายพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ สหรัฐอเมริกาพยายามเข้ามามีบทบาทในการไกล่เกลี่ย ดังเห็นได้จากกรณีอาร์เมเนีย-อาเซอร์ไบจาน รัสเซียใช้ความขัดแย้งเพื่อขยายอิทธิพล โดยเฉพาะการร่วมมือกับเกาหลีเหนือ ขณะที่จีนมีบทบาทสำคัญในเอเชีย โดยเฉพาะความขัดแย้งกับอินเดีย การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจเหล่านี้ทำให้ความขัดแย้งในระดับภูมิภาคมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

ผลกระทบระยะยาวของความขัดแย้งเหล่านี้จะยังคงอยู่ต่อไปอีกหลายทศวรรษ ในด้านเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูมีมูลค่ามหาศาล อย่างกรณียูเครนที่ต้องการเงินทุน 524,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลกส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และความยากจนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศที่เกิดความขัดแย้ง

ในด้านสังคม ผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัยหลายสิบล้านคนทั่วโลกต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในอนาคต เด็กนับล้านขาดโอกาสทางการศึกษา สร้างปัญหาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว ปัญหาสุขภาพจิตในวงกว้างจากประสบการณ์สงครามจะส่งผลต่อสังคมไปอีกหลายรุ่น

ด้านมนุษยธรรม วิกฤตอาหารและน้ำในหลายพื้นที่กำลังทวีความรุนแรง ระบบสาธารณสุขในประเทศที่เกิดความขัดแย้งล่มสลายหรือใกล้จะล่มสลาย การเข้าถึงความช่วยเหลือถูกจำกัดด้วยการปิดล้อมและการโจมตีเส้นทางขนส่ง ทำให้ประชากรนับล้านต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่อง

ความหวังท่ามกลางความมืดมน

แม้สถานการณ์ความขัดแย้งทั่วโลกจะดูน่าหดหู่ แต่เรายังคงเห็นความพยายามในการสร้างสันติภาพอยู่เสมอ ข้อตกลงลดความตึงเครียดระหว่างอินเดีย-จีน และข้อตกลงสันติภาพอาร์เมเนีย-อาเซอร์ไบจาน แสดงให้เห็นว่าการทูตยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขความขัดแย้ง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม

ประชาคมโลกต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อเสริมสร้างกลไกการป้องกันความขัดแย้ง โดยแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุก่อนจะลุกลามเป็นสงคราม ต้องปฏิรูปองค์การระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพในการจัดการความขัดแย้งมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองพลเรือนและบังคับใช้กฎหมายมนุษยธรรมอย่างจริงจัง สนับสนุนการฟื้นฟูหลังความขัดแย้งอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่หยุดการสู้รบ แต่ต้องสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน และส่งเสริมการสื่อสารและความเข้าใจระหว่างประเทศและวัฒนธรรมต่างๆ

ความขัดแย้งระหว่างประเทศในปัจจุบันสอนให้เราตระหนักว่า สันติภาพไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องสร้างและดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่โลกเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนมากขึ้น การทำความเข้าใจถึงธรรมชาติของความขัดแย้งเหล่านี้เป็นก้าวแรกสู่การแก้ไขปัญหา

ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าปี 2024-2025 จะเต็มไปด้วยความขัดแย้งและความรุนแรง แต่ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติได้พิสูจน์แล้วว่าเราสามารถผ่านพ้นวิกฤตและสร้างอนาคตที่ดีกว่าได้เสมอ สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่ยอมแพ้ต่อความสิ้นหวัง ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด และร่วมมือกันเพื่อสร้างโลกที่สงบสุขให้กับคนรุ่นต่อไป ความหวังอาจดูริบหรี่ในยามนี้ แต่มันยังคงส่องแสงอยู่เสมอสำหรับผู้ที่พร้อมจะมองหาและต่อสู้เพื่อมัน

ที่มาข้อมูล

  1. Uppsala Conflict Data Program (UCDP). (2025). UCDP: Sharp increase in conflicts and wars. Uppsala University. https://www.uu.se/en/news/2025/2025-06-11-ucdp-sharp-increase-in-conflicts-and-wars
  2. The Geneva Academy of International Humanitarian Law and Human Rights. (2025). Today's Armed Conflicts. https://geneva-academy.ch/galleries/today-s-armed-conflicts
  3. Our World in Data. (2025). Deaths in interstate conflicts based on where they occurred. https://ourworldindata.org/grapher/deaths-in-interstate-conflicts
  4. (2025). Ukraine: Crisis, conflict, refugees, and aid efforts. https://www.acaps.org/en/countries/ukraine
  5. USA for UNHCR. (2025). Ukraine Refugee Crisis: Aid, Statistics and News. https://www.unrefugees.org/emergencies/ukraine/
  6. The World Bank. (2025). Ukraine Macro Poverty Outlook. https://thedocs.worldbank.org/en/doc/d5f32ef28464d01f195827b7e020a3e8-0500022021/related/mpo-ukr.pdf
  7. The World Bank. (2025). Ukraine Overview: Development news, research, data. https://www.worldbank.org/en/country/ukraine/overview
  8. (2025). Situation Report #181 on the Humanitarian Crisis in the Gaza Strip and the West Bank, including East Jerusalem. https://www.unrwa.org/resources/reports/unrwa-situation-report-181-situation-gaza-strip-and-west-bank-including-east-jerusalem
  9. United Nations. (2025). UNRWA Situation Report #180 on the Humanitarian Crisis in the Gaza Strip and the West Bank, including East Jerusalem. https://www.un.org/unispal/document/unrwa-situation-report-180-on-the-humanitarian-crisis-in-the-gaza-strip-and-the-west-bank-including-east-jerusalem/
  10. (2025). Lebanon. https://www.acaps.org/en/countries/lebanon
  11. International Crisis Group. (2025). 10 Conflicts to Watch in 2025. https://www.crisisgroup.org/global/10-conflicts-watch-2025
  12. International Crisis Group. (2025). On Our Radar. https://www.crisisgroup.org/global/our-radar
  13. Human Rights Watch. (2025). World Report 2025: Lebanon. https://www.hrw.org/world-report/2025/country-chapters/lebanon
  14. Council on Foreign Relations. (2025). Tensions Between Armenia and Azerbaijan | Global Conflict Tracker. https://www.cfr.org/global-conflict-tracker/conflict/nagorno-karabakh-conflict
  15. (2025). US-Brokered Armenia-Azerbaijan Peace Agreement. https://www.specialeurasia.com/2025/08/09/us-armenia-azerbaijan-peace-deal/
  16. (2025). 2025 India-Pakistan conflict. https://en.wikipedia.org/wiki/2025_India%E2%80%93Pakistan_conflict
  17. (2025). South Korea fires warning shots as about 10 North Korean soldiers cross border. https://www.pbs.org/newshour/world/south-korea-fires-warning-shots-as-about-10-north-korean-soldiers-cross-border
  18. (2025). India-Pakistan conflict | Overview, History, Kashmir, Timeline, & Wars. https://www.britannica.com/topic/India-Pakistan-conflict
  19. (2025). Korean DMZ Conflict. https://en.wikipedia.org/wiki/Korean_DMZ_Conflict
  20. (2025). Sino-Indian border dispute. https://en.wikipedia.org/wiki/Sino-Indian_border_dispute
  21. (2025). 2024 India-China Border Patrol Agreement. https://en.wikipedia.org/wiki/2024_India-China_Border_Patrol_Agreement

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: