สส.เชียงใหม่ เปิดเผยปัญหาบ้านจัดสรรขนาดเล็ก 9 แปลง ที่ไม่อยู่ในขอบข่ายกฎหมาย สร้างปัญหาให้ผู้ซื้อ เช่น ไม่มีทางเข้า ไฟฟ้าไม่พอ ไม่มีถนน สร้างภาระให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรียกร้องหาเกณฑ์ขั้นต่ำกำกับผู้ประกอบการ
นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคประชาชน เปิดเผยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจาก "บ้านจัดสรรที่ไม่จัดสรร" หรือบ้านจัดสรรขนาดเล็กที่มีจำนวน 9 แปลง ไม่เกิน 10 แปลง ซึ่งไม่อยู่ในขอบข่ายของพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน จากงานเสวนาในหัวข้อ "จัดสรรที่ไม่จัดสรร" เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2568
ตามที่นายณัฐพลอธิบายในงานเสวนาดังกล่าว "บ้านจัดสรรที่ไม่จัดสรร" หมายถึง โครงการที่มีแปลงที่ดินไม่ถึง 10 แปลง จึงไม่ถือเป็นที่ดินจัดสรรตามกฎหมาย และไม่มีข้อกำหนดให้จัดทำสาธารณูปโภค ถนนหนทาง หรือมีผู้ดูแล
สส.เชียงใหม่ระบุว่า เดิมทีกฎหมายเว้นช่องว่างนี้ไว้เพื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็ก เพิ่มโอกาสการเปลี่ยนที่นาเป็นพื้นที่สร้างรายได้ และเปิดโอกาสให้เมืองขยายตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในอำเภอรอบเชียงใหม่ เช่น ดอยสะเก็ด สันทราย สันกำแพง พบปัญหาหลายกรณีจากการที่ไม่มีกฎหมายระบุเกณฑ์ขั้นต่ำที่ผู้จัดสรรหรือผู้รับเหมารายเล็กต้องปฏิบัติ
นายณัฐพลยกตัวอย่างปัญหาที่พบ ได้แก่ การสร้างบ้านขายกลางนาแต่ไม่จัดทำทางเข้าที่ถูกต้อง ไม่ซื้อที่ดินรอบๆ ไม่ขอภาระจำยอม และไม่ปรับสภาพทางเข้าให้ผู้ซื้อ
นอกจากนี้ยังมีกรณีการต่อไฟฟ้าแบบมิเตอร์ปกติโดยไม่ขยายเฟส เมื่อลูกค้าพบปัญหาก็ปัดความรับผิดชอบ บางกรณีไม่สร้างถนนหน้าบ้านตามที่โฆษณา ทำให้ลูกค้าต้องฟ้องด้วยคดีโฆษณาเกินจริง
ปัญหาอื่นๆ ยังรวมถึงการไม่ดูแลระบบประปาภายใน ไม่ใส่ใจเรื่องน้ำเสียที่ปล่อยทิ้ง ปล่อยให้เป็นภาระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กถึงกลาง มีงบลงทุนจำกัด
สส.เชียงใหม่ มองว่า ท้องถิ่นหลายแห่งประสบปัญหานี้มากขึ้น จึงต้องริเริ่มหาทางกำกับดูแล "บ้านจัดสรรที่ไม่จัดสรร"
จากการพูดคุยในงานเสวนาครั้งนี้ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ต้องหา "เกณฑ์ขั้นต่ำที่สุดที่ผู้จัดสรรหรือผู้รับเหมารายเล็กพึงกระทำ เพื่อไม่ให้กระทบลูกค้าที่ซื้อ ไม่ส่งผลเสียต่อเรื่องสาธารณะรอบพื้นที่ และไม่เป็นภาระเกินไปสำหรับผู้ประกอบการ"
นายณัฐพลระบุว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกณฑ์ดังกล่าวควรประกอบด้วยอะไรบ้าง จึงขอฝากผู้เกี่ยวข้องทั้งท้องถิ่น ผู้ประกอบการ และผู้ซื้อบ้านช่วยกันหาข้อสรุป
เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จะรับฟังความคิดเห็นและผลักดันให้เกิดการกำกับดูแล โดยอาจเริ่มจากระดับท้องถิ่น หรือระดับจังหวัดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด หากปัญหานี้พบในหลายจังหวัด จะค่อยผลักดันให้เป็นกฎหมายในระดับชาติต่อไป
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ