อีกหนึ่งโมเดลนวัตกรรมประชาธิปไตยชายแดนใต้: เพื่อนรักต่างศาสนากับการพัฒนาที่ยั่งยืนจากชุมชนฐานราก

อับดุลสุโก ดินอะ 6 ส.ค. 2568 | อ่านแล้ว 189 ครั้ง


ปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประเด็นที่ซับซ้อนและเรื้อรังมานานหลายทศวรรษ ความแตกต่างทางศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม มักถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยกและไม่ไว้วางใจระหว่างผู้คน โครงการ "เพื่อนรักต่างศาสนา" จึงถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์อันเปราะบางนี้ เพื่อเป็นแสงสว่างแห่งความหวังในการฟื้นฟูสันติภาพและความปรองดองจากระดับรากหญ้า

1. เหตุผลความจำเป็นของโครงการ: สะพานเชื่อมรอยร้าว

โครงการ "เพื่อนรักต่างศาสนา" เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2561 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้คนต่างศาสนาได้มาทำความรู้จักและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อย่างไรก็ตาม โครงการต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญในช่วงต้นปี พ.ศ. 2562 จากเหตุการณ์มรณกรรมของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ ซึ่งยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงรอยร้าวที่ฝังลึกในสังคม โครงการจึงได้ปรับปรุงแนวคิดใหม่ โดยใช้หลักการสร้างเพื่อนรัก "Buddy" ระหว่างชาวพุทธและมุสลิม โดยไม่จำกัดเพศหรือวัย เริ่มต้นจากการสร้างความสัมพันธ์ในกลุ่มผู้นำศาสนาก่อน ก่อนจะขยายไปสู่กลุ่มคนในวัยอื่นๆ และขยายพื้นที่ดำเนินงานไปทั่วทั้งภูมิภาค
จากจุดเริ่มต้นที่มีผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่คนในปี พ.ศ. 2561 ปัจจุบันโครงการได้เติบโตและขยายเครือข่ายอย่างกว้างขวาง โดยได้ทำงานภาคสนามไปแล้วกว่า 40 พื้นที่ มีองค์กรเครือข่ายเข้าร่วมกว่า 35 องค์กร และมีพื้นที่ปฏิบัติการชุมชนเพื่อนรักต่างศาสนาใน 4 จังหวัดหลักของชายแดนใต้ รวมถึงได้ขยายเครือข่ายไปยังจังหวัดใกล้เคียงอย่างตรังและสตูลอีกด้วย

2. เพื่อนรักต่างศาสนา: นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตย

2.1 ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และวิธีแก้ไขปัญหา
โครงการนี้มีความโดดเด่นในการใช้นวัตกรรมทางสังคม โดยใช้ "สุขภาพเป็นกุญแจ" ในการเปิดประตูสู่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำศาสนา ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้ทำกิจกรรมร่วมกันที่เน้นเรื่องสุขภาพ เช่น การตรวจสุขภาพ การออกกำลังกาย หรือการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมและพูดคุยกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ วิธีนี้ช่วยลดความตึงเครียดและความหวาดระแวง และสร้างความรู้สึกไว้วางใจก่อนที่จะขยายไปสู่การสร้างความเข้าใจในประเด็นทางศาสนาและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

2.2 ผลกระทบต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประชาธิปไตย

โครงการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกกระบวนการ โดยสนับสนุนให้ชุมชนได้ กำหนดความต้องการของตนเอง ผ่านการตั้งคำถามเชิงไตร่ตรองว่า "ขุมทรัพย์แห่งสันติภาพและความปรองดอง" ในชุมชนของพวกเขานั้นอยู่ที่ไหน กระบวนการนี้ช่วยกระตุ้นให้ชุมชนได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง และออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกฝนให้ชุมชนได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความแตกแยกผ่านกลไกการสานเสวนาและการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยมีมหาวิทยาลัยมหิดลทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและสนับสนุนด้านองค์ความรู้และทรัพยากร ทำให้เกิดเป็นเครือข่ายที่แข็งแกร่งและนำพามิตรภาพกลับคืนสู่ชุมชนอีกครั้ง

3. องค์ความรู้ด้านประชาธิปไตยที่เกิดขึ้น

โครงการ "เพื่อนรักต่างศาสนา" ไม่ได้สร้างแค่เพียงมิตรภาพ แต่ยังสร้างองค์ความรู้และทักษะด้านประชาธิปไตยที่สำคัญให้กับชุมชน
* เชิงกระบวนการ: ชุมชนได้เรียนรู้กระบวนการทำงานร่วมกัน การระดมความคิดเห็น การตัดสินใจร่วมกัน และการบริหารจัดการโครงการด้วยตนเองอย่างเป็นระบบ
* เชิงคุณภาพ: เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในประเด็นความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรม ทำให้เกิดทัศนคติที่เปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายมากขึ้น
* การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน: โครงการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น เยาวชน ผู้หญิง หรือผู้สูงอายุ ได้มีโอกาสเข้ามาแสดงความคิดเห็นและมีบทบาทในการขับเคลื่อนชุมชนอย่างเท่าเทียมกัน

4. ความยั่งยืนของโครงการ

ความสำเร็จของโครงการไม่ได้วัดจากจำนวนผู้เข้าร่วมเพียงอย่างเดียว แต่ยังวัดจากความยั่งยืนที่เกิดขึ้นในระยะยาว โครงการได้มีการขยายผลและนำแนวคิดไปปรับใช้ใน โรงเรียน เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกแห่งความเข้าใจและความปรองดองให้กับเด็กและเยาวชนตั้งแต่ในวัยเรียน นอกจากนี้ โครงการยังมีการสร้าง สื่อหลากหลายชนิด ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เพื่อให้ชุมชนสามารถนำไปใช้ในการเรียนรู้และทบทวนกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งใช้ช่องทางออนไลน์อย่างกลุ่มไลน์ เฟซบุ๊ก และเว็บไซต์เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ข้อมูลและติดต่อสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ ทำให้โครงการ "เพื่อนรักต่างศาสนา" ไม่ได้เป็นแค่เพียงโครงการระยะสั้น แต่ได้กลายเป็น ต้นแบบ ของการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน ซึ่งเริ่มต้นจากการสร้างความเข้าใจในหัวใจของผู้คนและถักทอสายใยมิตรภาพให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในสังคมพหุวัฒนธรรมนี้

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: