อนาคตรายงาน กมธ. สันติภาพ: ความหวังที่ฝากไว้กับ 'ประชาสังคม'

อับดุสุโก ดินอะ 24 ก.ย. 2568 | อ่านแล้ว 419 ครั้ง


สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ทศวรรษ กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เมื่อรายงานฉบับสมบูรณ์ของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กมธ.สันติภาพชายแดนใต้) ซึ่งใช้เวลาทำงานกว่า 2 ปี ได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว คำถามที่หลายคนจับตามองในขณะนี้คือ รายงานฉบับนี้จะถูกผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรทันอายุของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีเวลาเพียง 4 เดือนหรือไม่

เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ในงานเสวนาเนื่องในวันสันติภาพสากล ณ จังหวัดปัตตานี นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธาน กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ ได้เปิดเผยข้อสรุปและข้อค้นพบจากการศึกษา โดยเน้นย้ำว่าปัญหาในพื้นที่ชายแดนใต้เป็น “ปัญหาการเมืองที่ต้องแก้ด้วยการเมือง” อย่างไรก็ตาม ความกังวลได้ถูกหยิบยกขึ้นมาในงานเสวนาว่า หากรายงานฉบับนี้ไม่ได้รับการพิจารณาในสภาฯ ก่อนรัฐบาลหมดวาระ ความพยายามและความทุ่มเทกว่า 2 ปีในการรวบรวมข้อมูลและพูดคุยกับผู้คนในทุกภาคส่วนจะสูญเปล่าทันที

นายจาตุรนต์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้รายงานจะเข้าวาระทันเวลา ก็ยังไม่แน่ว่าจะได้รับการยอมรับจาก ส.ส. ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากพื้นที่ชายแดนใต้ ทำให้บทบาทของ ภาคประชาสังคมในพื้นที่ กลายเป็นกุญแจสำคัญต่ออนาคตของรายงานฉบับนี้ ในการสร้างความเข้าใจและแรงผลักดันในวงกว้าง

รายงาน กมธ. เสนอ 9 ประเด็นสำคัญ พลิกโฉมการแก้ปัญหา

รายงานของ กมธ. สันติภาพชายแดนใต้ได้สรุปข้อเสนอเชิงนโยบาย 9 ประเด็นเพื่อพลิกโฉมแนวทางการแก้ปัญหาในพื้นที่ให้ยั่งยืน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะเปลี่ยนแนวทางจากมิติความมั่นคงไปสู่ “มิติการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน” มากขึ้น ข้อเสนอที่น่าสนใจ ได้แก่:
* สร้างเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน: เสนอให้นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งให้ยุทธศาสตร์การสร้างสันติภาพเป็นหลักในการแก้ปัญหา
* รับรองอัตลักษณ์และวัฒนธรรม: ส่งเสริมให้รัฐบาลรับรองความหลากหลายทางอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของคนในพื้นที่
* ปรับโครงสร้างกลไกการทำงาน: จัดตั้งศูนย์และคณะกรรมการเพื่อกำกับทิศทางกระบวนการสันติภาพ พร้อมลดบทบาทของหน่วยงานความมั่นคงอย่าง สมช. และ กอ.รมน. ในด้านเศรษฐกิจและสังคม
* เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบาย, เปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็น และตั้งคณะกรรมการอิสระสืบหาข้อเท็จจริงในเหตุการณ์รุนแรงที่กระทบความรู้สึกของสังคม
* ปรับเปลี่ยนการใช้กฎหมาย: เสนอให้เปลี่ยนจากการใช้กฎหมายความมั่นคงไปสู่กฎหมายปกติ พร้อมจัดตั้งคณะทำงานติดตามการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม
* กระจายอำนาจ: ตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการกระจายอำนาจและรูปแบบการปกครองที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของพื้นที่

ข้อเสนอเหล่านี้คือความหวังใหม่ในการสร้างสันติภาพในพื้นที่ หากรายงานฉบับนี้ไม่ได้รับการพิจารณา ความหวังในการผลักดันข้อเสนอเหล่านี้ก็อาจต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทำให้การเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคมในเวลานี้กลายเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนเพื่ออนาคตของสันติภาพในชายแดนใต้

บทบาทของรัฐสภาและภาคประชาสังคม

แม้รัฐสภาจะแสดงบทบาทอย่างต่อเนื่องในการเป็นผู้ออกกฎหมายและเวทีถกเถียงปัญหา แต่บทบาทดังกล่าวยังมีอย่างจำกัดเมื่อเทียบกับพลวัตของการแก้ปัญหาในปัจจุบัน การแก้ปัญหาด้วยการเมืองผ่านกระบวนการสันติภาพต้องการการติดตาม ตรวจสอบ และร่วมผลักดันในจังหวะที่เหมาะสม สถานะของรัฐสภามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจทิศทางของมาตรการทางการเมืองเพื่อแก้ปัญหา และมีเรื่องที่รัฐสภาสามารถดำเนินการได้อีกมากในฐานะตัวแทนที่ชอบธรรมของประชาชน เช่น การออกกฎหมายที่เอื้อต่อการสร้างสันติภาพ หรือการตรวจสอบการดำเนินนโยบายต่างๆ

ในขณะเดียวกัน การคลี่คลายความขัดแย้งที่ยืดเยื้อนี้คือความท้าทายของสังคมไทยทั้งสังคม ปัญหาในชายแดนใต้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นปัญหาที่สะท้อนถึงการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนที่มีอัตลักษณ์เฉพาะกับรัฐ ซึ่งหากแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน จะเป็นการวางรากฐานองค์ความรู้ให้กับสังคมไทยในการรับมือความขัดแย้งที่เกี่ยวเนื่องกับคนกลุ่มน้อยในอนาคต

ความเข้าใจและความสนใจของสังคมต่อธรรมชาติและพลวัตของความขัดแย้ง ตลอดจนทางเลือกต่างๆ ในการแก้ปัญหาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะเป็น เสียงสนับสนุนมาตรการแก้ปัญหาในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งจะกลายเป็นองค์ความรู้สำหรับการสร้างสันติภาพในสังคมไทยต่อไปในอนาคต

ในสถานการณ์ที่เวลาการพิจารณาของสภาฯ มีจำกัดและไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์ได้ บทบาทของภาคประชาสังคมในการสร้างความตระหนักรู้และผลักดันให้รายงาน กมธ. นี้ได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง จึงเป็นความหวังสำคัญสูงสุดต่อการสร้างสันติภาพในพื้นที่ชายแดนใต้ คุณคิดว่าภาคประชาสังคมควรจะดำเนินการอย่างไรเพื่อเพิ่มแรงผลักดันในเรื่องนี้?

*หมายเหตุ: ผู้เขียนได้ร่วมเวทีสันติภาพชายแดนใต้ เดอะซี่รี่ย์ EP. 3 เรื่อง ล้อมวงเสวนากับ กมธ.สันติภาพฯ ว่าด้วย "อนาคตสันติภาพชายแดนใต้/ปาตานี และทางออกในสถานการณ์ที่ท้าทาย"

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: