งานศึกษาพบ รพ.เอกชน ปรับปรุงการใช้ยาอย่างสมเหตุผลอย่างต่อเนื่อง แม้ยังพบข้อจำกัดในหลายด้าน

กองบรรณาธิการ TCIJ 21 ก.ค. 2568 | อ่านแล้ว 38 ครั้ง

การศึกษาใหม่เผยให้เห็นภาพการดำเนินงานด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลของโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศไทยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยพบว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ยังพบข้อจำกัดในหลายด้าน

โรงพยาบาลเอกชนให้ความร่วมมือเพิ่มขึ้นทุกปี

จากการศึกษาเรื่อง 'สถานการณ์และปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลของโรงพยาบาลเอกชน' โดย รังสิมา ไชยาสุ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาสถานพยาบาล กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ทำการการศึกษาข้อมูลแบบสอบถามของโรงพยาบาลเอกชนในช่วงปี พ.ศ. 2564-2567 พบว่า โรงพยาบาลเอกชนให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามเพิ่มขึ้นทุกปี จากร้อยละ 27.8 ในปี 2564 เป็นร้อยละ 49.3 ในปี 2567

การศึกษานี้ครอบคลุมโรงพยาบาลเอกชนกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลเฉพาะทาง และโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย ซึ่งมีจำนวนรวมกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ

เมื่อพิจารณาตามขนาดของโรงพยาบาล พบว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ให้ความร่วมมือมากที่สุด โดยในปี 2567 มีอัตราตอบแบบสอบถามร้อยละ 53.9 ซึ่งอาจเนื่องจากมีความพร้อมด้านบุคลากร งบประมาณ และระบบสนับสนุนมากกว่าโรงพยาบาลขนาดเล็กและกลาง

คะแนนการดำเนินงานตามแนวทาง PLEASE เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผลการประเมินการดำเนินงานด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลตามแนวทางของโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (แนวทาง PLEASE) แสดงให้เห็นการปรับปรุงที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 65.7 ในปี 2564 เป็นร้อยละ 74.2 ในปี 2567

แนวทาง PLEASE ประกอบด้วย 6 หัวข้อหลัก คือ การสร้างความเข้มแข็งของคณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัด (P) การจัดทำฉลากยา ฉลากยาเสริมและข้อมูลยาสู่ประชาชน (L) การจัดทำหรือจัดหาเครื่องมือจำเป็นที่ช่วยให้เกิดการสั่งใช้ยาอย่างสมเหตุผล (E) การสร้างความตระหนักรู้ของบุคลากรทางการแพทย์และผู้รับบริการต่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (A) การดูแลด้านยาเพื่อความปลอดภัยของประชากรกลุ่มพิเศษ (S) และการส่งเสริมจริยธรรมและจรรยาบรรณทางการแพทย์ในการสั่งใช้ยา (E)

หัวข้อที่โรงพยาบาลเอกชนดำเนินการได้ดีที่สุดคือ การจัดทำฉลากยา ฉลากยาเสริมและข้อมูลยาสู่ประชาชน ซึ่งมีคะแนนอยู่ในช่วงร้อยละ 83.0-93.7 ทั้งนี้อาจเนื่องจากการจัดทำฉลากยาถูกบังคับด้วยกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565

ประเด็นที่ยังต้องพัฒนา เครื่องมือสนับสนุนและการสร้างความตระหนักรู้

ในทางกลับกัน หัวข้อที่โรงพยาบาลเอกชนดำเนินการได้น้อยที่สุด 2 ประเด็น คือ การจัดทำหรือจัดหาเครื่องมือจำเป็นที่ช่วยให้เกิดการสั่งใช้ยาอย่างสมเหตุผล (ร้อยละ 57.9-68.4) และการสร้างความตระหนักรู้ของบุคลากรทางการแพทย์และผู้รับบริการต่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (ร้อยละ 65.1-70.2)

สำหรับการจัดทำหรือจัดหาเครื่องมือจำเป็น โรงพยาบาลเอกชนดำเนินการได้ดีที่สุดในเรื่องการแสดงการแพ้ยามากกว่าร้อยละ 95 แต่ดำเนินการได้น้อยที่สุดในเรื่องการมีระบบรายงานข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อดื้อยาต่อกรมควบคุมโรค ซึ่งอยู่ในช่วงร้อยละ 43.1-61.8

ในส่วนของการสร้างความตระหนักรู้ โรงพยาบาลเอกชนดำเนินการได้มากที่สุดในเรื่องการสนับสนุนให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์มีการพัฒนาองค์ความรู้ที่ทันสมัยผ่านการศึกษาต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ มากกว่าร้อยละ 90 ในขณะที่ผลการดำเนินงานการให้ความรู้เรื่องการใช้ยาอย่างสมเหตุผลแก่ผู้รับบริการผ่านช่องทางต่างๆ น้อยกว่าร้อยละ 60

ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินงาน

การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามปลายเปิดในปี 2567 ที่มีผู้ตอบจำนวน 181 แห่ง เผยให้เห็นปัจจัยสำคัญ 5 ประเด็นหลักที่มีผลต่อการดำเนินงานด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลของโรงพยาบาลเอกชน

ประเด็นแรกที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด คือ บุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม การสื่อสารและเชื่อมโยงข้อมูลของสหวิชาชีพ ซึ่งมีจำนวนครั้งในการให้ความเห็น 226 ครั้ง รองลงมาคือ ผู้บริหารโรงพยาบาล (124 ครั้ง) เครื่องมือ อุปกรณ์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง (46 ครั้ง) ผู้ป่วย (32 ครั้ง) และหน่วยงานภาครัฐและอื่นๆ (16 ครั้ง)

สำหรับด้านบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ตอบแบบสอบถามเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารที่ดีภายในองค์กร ความร่วมมือระหว่างสหวิชาชีพ การส่งต่อข้อมูลการใช้ยา และการมีส่วนร่วมของแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และบุคลากรอื่นๆ ในการดูแลผู้ป่วยร่วมกัน

ในด้านผู้บริหารโรงพยาบาล ปัจจัยที่สำคัญได้แก่ การกำหนดนโยบายและการสื่อสารนโยบายสู่ผู้ปฏิบัติ การกำหนดให้มีคณะกรรมการหรือผู้รับผิดชอบเพื่อกำหนดระบบและแนวทางปฏิบัติ รวมถึงความรู้ ความเข้าใจ และการสนับสนุนจากผู้บริหารโรงพยาบาล

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการดำเนินงาน เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วยในการแจ้งเตือนและลดภาระงาน ทัศนคติและความร่วมมือของผู้ป่วย ตลอดจนนโยบายและการควบคุมกำกับจากหน่วยงานส่วนกลาง

การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าแม้โรงพยาบาลเอกชนจะมีการพัฒนาการดำเนินงานด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลอย่างต่อเนื่อง แต่ยังต้องการการสนับสนุนในหลายด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาระบบเทคโนโลยี การสร้างความตระหนักรู้ และการเสริมสร้างการทำงานร่วมกันของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้การใช้ยาอย่างสมเหตุผลเกิดขึ้นอย่างแท้จริงและยั่งยืนในระยะยาว

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: