ชาวเคนยาใช้ AI ช่วยในการประท้วงได้อย่างไร?

กองบรรณาธิการ TCIJ 18 ส.ค. 2568 | อ่านแล้ว 25 ครั้ง


จากถนนไนโรบีสู่โลกออนไลน์ การประท้วงในเคนยาปี 2024-2025 เผยพลัง AI ในการช่วยแปลกฎหมายซับซ้อน ผลักดันแฮชแท็ก แฉข้อมูลนักการเมือง และสื่อสารหลากภาษาฝ่าเซ็นเซอร์ดิจิทัล แม้เผชิญการปราบปรามและข่าวปลอมจากฝ่ายรัฐ | ที่มาภาพ: Akofa Bruce/Flickr (CC BY-ND 4.0 Deed)

 ตลอดปีที่ผ่านมา กลุมผู้เคลื่อนไหวชาวเคนยาได้เปลี่ยนแปลงบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากเทคโนโลยีใหม่ที่ยังอยู่ในขั้นทดลองให้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของประชาชน ซึ่งใช้เพื่อทำให้ข้อมูลต่างๆ เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ขยายเสียงของคนที่ถูกละเลย และสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งแม้จะเผชิญกับแรงกดดัน

ในเดือนมิถุนายน 2024 ขณะที่แก๊สน้ำตาและเสียงตะโกนเต็มไปหมดถนนหนทางในกรุงไนโรบี การประท้วงที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยได้แพร่กระจายไปทั่วแพลตฟอร์มต่างๆ อย่าง WhatsApp, Telegram, TikTok Spaces และ X Live Streams โดยเทคโนโลยีนี้ช่วยแปลกฎหมายที่ซับซ้อนให้เป็นข้อมูลที่คนทั่วไปเข้าใจได้และนำไปใช้จริงได้ จนส่งผลต่อการอภิปรายในสังคม การเคลื่อนไหวครั้งนี้นำโดยกลุ่มผู้ประท้วงเจเนอเรชัน Z และมิลเลนเนียลที่รวมตัวกันทางออนไลน์ก่อนจะออกมาประท้วงบนท้องถนน ในประเทศที่การเข้าถึงข้อมูลที่เชื่อถือได้ขึ้นอยู่กับทักษะการใช้เทคโนโลยีและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต กลยุทธ์ที่ใช้เทคโนโลยี AI เหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นทั้งการเสริมพลังให้ประชาชนและสร้างความไม่สงบในเวลาเดียวกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การเดินขบวนประท้วงบนถนนธรรมดา แต่คือการปฏิวัติทางดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์และนำโดยคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดีย และปัจจุบันขณะที่ประเทศกำลังบังคับใช้ร่างกฎหมายการเงินที่เป็นที่ถกเถียงซึ่งผ่านความเห็นชอบเมื่อมิถุนายน 2025 ในช่วงครบรอบหนึ่งปีของการลุกฮือครั้งสำคัญนี้ เทคโนโลยี AI เหล่านี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความเข้าใจของสาธารณชนต่อการเมืองด้านการคลัง

 แรงกดดันทางดิจิทัล

เมื่อร่างกฎหมายการเงินเข้าสู่การถกเถียงสาธารณะในเดือนมิถุนายน 2024 อาสาสมัครระดับรากหญ้าได้จัดตั้ง "สายส่งรีทวีต" บน X (เดิมชื่อ Twitter) และในกลุ่ม WhatsApp เพื่อผลักดันแฮชแท็กต่อต้านอย่าง #RejectFinanceBill2024 และ #OccupyParliament ให้ติดเทรนด์ทั่วประเทศ การวิเคราะห์ของ NENDO ต่อโพสต์เกี่ยวกับการประท้วงกว่า 25 ล้านโพสต์พบว่า มีเพียง 2.8% เท่านั้นที่เป็นทวีตต้นฉบับ ขณะที่เกือบ 90% เป็นการรีทวีต แสดงให้เห็นว่าข้อความจากกลุ่มเล็กๆ ถูกขยายซ้ำจนแพร่หลายโดยผู้สนับสนุนที่ทำงานประสานกัน

นักวิจัยยังพบเครือข่ายที่มีการประสานงานกันของบัญชีต้องสงสัยหรือบัญชีที่จ้างมาเพื่อดันแฮชแท็กฝั่งสนับสนุนรัฐบาล โดยมักโพสต์ข้อความเหมือนกันและภาพที่สร้างด้วย AI ภายในไม่กี่นาทีเพื่อกลบเสียงของฝั่งต่อต้านร่างกฎหมาย

เมื่อแรงขับเคลื่อนเพิ่มขึ้น ผู้ประสานงานถึงขั้นเผยหมายเลขโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของสมาชิกรัฐสภาบนโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดสิ่งที่ Nation Media ของเคนยาเรียกว่า "สัปดาห์แห่งความสยอง" สำหรับสมาชิกรัฐสภาที่โทรศัพท์ถูก "ถล่มด้วยสายเรียกเข้าและข้อความ" จนบางเครื่องแบตเตอรี่หมดภายในไม่ถึง 15 นาที สมาชิกรัฐสภาบางคนยอมรับว่าได้รับข้อความ SMS และข้อความ WhatsApp ที่มีเนื้อหาเหมือนกันนับพันข้อความเพื่อกดดันให้คัดค้านร่างกฎหมาย ทำให้แคมเปญส่งข้อความตรงเหล่านี้กลายเป็นเสมือนการยื่นคำร้องทางดิจิทัลที่มีพลัง ความเป็นระบบของแคมเปญเหล่านี้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและกลุ่มชายขอบ ได้มีส่วนร่วมในระดับเดียวกับสื่อกระแสหลัก

นอกจากนี้ นักเคลื่อนไหวยังใช้ ChatGPT และแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อื่นๆ เพื่อสร้างกระทู้ถาม-ตอบที่เข้าใจง่าย แปลภาษากฎหมายที่ซับซ้อนให้กระชับและชัดเจน พร้อมกระจายต่อทาง WhatsApp และ SMS จำนวนมากอย่างรวดเร็ว

แชตบอต AI ในฐานะเครื่องมือพลเมือง

นอกเหนือจากบอตพื้นฐาน นักพัฒนาเคนยายังได้ปล่อยแชตบอตขั้นสูงที่สร้างบนเฟรมเวิร์ก (framework) แบบจำลองภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์ซเพื่ออธิบายร่างกฎหมายการเงินแบบเรียลไทม์ กลางเดือนมิถุนายน 2024 "Finance Bill GPT" ปรากฏบน Telegram และ X สามารถตอบคำถามเป็นข้อๆ เช่น "การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จะกระทบราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างไร" และยังดึงข้อมูลการติดต่อของสมาชิกรัฐสภาเพื่อให้ส่งข้อคิดเห็นได้โดยตรง ผู้พัฒนาหลัก @Ndemokelvin อธิบายบน X ว่า

"การอ่าน 300 หน้าเป็นงานหนัก ผมได้อัปเดต Finance Bill GPT ด้วยรายงานของคณะกรรมาธิการด้านการเงินและการวางแผนแห่งชาติ มันจะให้คำตอบต่อคำถามของคุณ พร้อมข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการนั้น #RejectFinanceBill2024"

ขั้นตอนแบบทีละขั้นนี้เปลี่ยนข้อความกฎหมายที่ซับซ้อนให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกและข้อเสนอแนะที่ชัดเจนในชั่วข้ามคืน โดยใช้เฟรมเวิร์กเดียวกัน GPT อีกตัวหนึ่งชื่อ "Corrupt Politicians GPT" ก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ด้านความโปร่งใส เพียงพิมพ์ชื่อเจ้าหน้าที่ ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลข้อกล่าวหาการทุจริตที่ถูกรวบรวมไว้ตั้งแต่เอกสารศาล รายงานผู้สอบบัญชี ไปจนถึงข่าวจากแหล่งน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ประท้วงมีข้อมูลพร้อมใช้อ้างอิงทั้งในการชุมนุมและการถกเถียงออนไลน์

การสื่อสารที่ปรับตัวได้

นอกเหนือจากบอตและสคริปต์อัตโนมัติ อาสาสมัครเคนยายังสรุปเนื้อหาของร่างกฎหมายการเงินทีละมาตราเป็นวิดีโอ TikTok ในภาษาท้องถิ่นต่างๆ โดยเน้นไปที่บทบัญญัติที่กระทบค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ภาษีน้ำมันและภาษีเงินได้ เคนยามีภาษาที่ได้รับการยอมรับ 68 ภาษา โดยภาษาท้องถิ่นที่ไม่ค่อยมีคนใช้มักถูกละเลยในแคมเปญเผยแพร่ข้อมูล

นอกจากนี้ยังมีวิดีโอแปลภาษามือ (sign language) ที่ทำโดยล่ามอาสาสมัครและส่งต่อใน WhatsApp และ Telegram รวมถึงแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อสรุปประเด็นสำคัญของร่างกฎหมายให้ชัดเจนในเวลาจริง ทั้งในเมือง ชนบท และกลุ่มที่มีทักษะการอ่านเขียนต่ำ

แม้จะถูกจำกัดความเร็วอินเทอร์เน็ตรอบรัฐสภา ผู้ประท้วงก็หันไปใช้แอปแบบ over-the-top ที่ทนทาน เมื่อข้อมูลมือถือไม่เสถียร ผู้จัดงานได้ตั้งช่อง Zello ส่วนตัว ซึ่งทำงานเหมือนวิทยุสื่อสารดิจิทัลเพื่อรายงานสดตำแหน่งการยิงแก๊สน้ำตาและเส้นทางปลอดภัย เสียงของ Zello ใช้แบนด์วิดท์ต่ำ จึงสามารถส่งข้อมูลสำคัญได้แม้การเชื่อมต่อถูกจำกัด

อำนาจ การต่อต้าน และข่าวปลอม

วันที่ 25 มิถุนายน 2024 เพียงหนึ่งวันหลังจากสำนักงานสื่อสารแห่งเคนยา (CA) ให้คำมั่นบน X ว่าจะไม่จำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในระหว่างการประท้วง #RejectFinanceBill2024 ความเร็วข้อมูลมือถือในไนโรบี มอมบาซา และคิซูมูลดลงเกือบ 40% ส่งผลให้การไลฟ์สตรีมและช่องทางเข้ารหัส (encrypted channels) ติดขัด เผยให้เห็นการกลับคำมั่นอย่างชัดเจน

นอกจากข้อจำกัดทางดิจิทัลแล้ว กองกำลังความมั่นคงยังเพิ่มการปราบปรามผู้วิจารณ์ออนไลน์ โดยจับกุมและในบางกรณีทรมานผู้เห็นต่างทางออนไลน์ เดือนพฤษภาคม 2025 นักศึกษา Billy Mwangi ถูกลักพาตัวและทรมานเพราะโพสต์ภาพเสียดสีประธานาธิบดี William Ruto ที่สร้างด้วยปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอย่างน้อย 82 กรณีที่ผู้สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนบันทึกไว้ ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ปลอมภาพการประท้วงให้มีธงต่างชาติ และใช้เทคนิค deepfake เปลี่ยนใบหน้าเพื่อลดความน่าเชื่อถือของผู้นำฝ่ายค้าน

แม้จะมีการปราบปรามทั้งทางดิจิทัลและทางกายภาพ แรงกดดันจากสาธารณะก็ยังคงทำให้ผู้มีอำนาจต้องระวัง การประท้วงเมื่อปีที่แล้วซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 50 คน ยังทำให้ Ruto ต้องยกเลิกแผนขึ้นภาษีมูลค่า 346 พันล้านชิลลิงเคนยา (ประมาณ 2.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นสัญญาณชัดเจนว่าความไม่พอใจของสาธารณะสามารถหยุดมาตรการทางการคลังได้ และในปี 2025 คณะกรรมาธิการการเงินของรัฐสภาก็ปฏิเสธข้อเสนอที่จะให้กรมสรรพากรเคนยาเข้าถึงข้อมูลผู้เสียภาษีโดยไม่ต้องมีหมายศาล โดยให้เหตุผลด้านความเป็นส่วนตัว

มองไปข้างหน้า

แม้ปีนี้จะไม่มีการประท้วงร่างกฎหมายการเงิน แต่ความตึงเครียดก็ปะทุในเดือนมิถุนายน 2025 เมื่อบล็อกเกอร์ Albert Ojwang เสียชีวิตระหว่างการคุมตัวโดยตำรวจ จุดชนวนให้เกิดการประท้วงใหม่ในไนโรบี ในขณะที่หลายพันคนรวมตัวกันเพื่อรำลึกครบรอบหนึ่งปีการประท้วงปี 2024 เพียงไม่กี่วันต่อมา นักพัฒนาเคนยารายหนึ่งก็เปิดตัวเครื่องมือ "ปุ่มฉุกเฉิน" ออนไลน์ที่ให้ผู้ประท้วงแชร์ตำแหน่งปัจจุบันกับผู้ติดต่อที่ไว้ใจได้เพียงแตะครั้งเดียว ผู้ใช้ยกย่องว่าเป็น "ตัวเปลี่ยนเกมส์" ในการต่อต้านการลักพาตัวและความรุนแรงจากตำรวจ พร้อมเรียกร้องให้ผู้สร้างเปิดซอร์สโค้ดบน GitHub ขณะเดียวกัน อีกคนหนึ่งสร้างตัวติดตามการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ โดยอธิบายบน X ว่า "ถ้าถูกจับ ให้แชร์แผนที่ แล้วเราจะติดตาม ('แม้จะถูกพาไปไหนเราก็จะรู้ว่าคุณอยู่ไหน')" เชิญชวนผู้ถูกควบคุมตัวให้ปักหมุดเพื่อให้อาสาสมัครติดตาม

ในเวลาเดียวกัน วิศวกรซอฟต์แวร์ Rose Njeri ถูกตั้งข้อหาตามกฎหมายอาชญากรรมไซเบอร์ (cybercrime law) จากการสร้างเครื่องมือส่งอีเมลคัดค้านอัตโนมัติถึงคณะกรรมาธิการการเงินของรัฐสภา จุดประกายการถกเถียงเรื่องสิทธิทางดิจิทัลและการคุ้มครองทางกฎหมายสำหรับนักเทคโนโลยีพลเมือง

ขณะนี้ยังมีความพยายามด้านการแปลให้ปัญญาประดิษฐ์เข้าใจภาษาท้องถิ่น โครงการ Masakhane กำลังฝึกแบบจำลองประมวลผลภาษาธรรมชาติแบบโอเพ่นซอร์ซในภาษาสวาฮีลีและภาษาถิ่นในภูมิภาคเพื่อให้คำอธิบายและการแจ้งเตือนเข้าถึงทั้งชุมชนชนบทและเมืองในภาษาที่พวกเขาเชื่อถือ ด้านนโยบาย องค์กร KICTANet, MindHYVE.ai และ DV8 Infosystems ได้เผยร่างข้อเสนอ "นโยบายปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ" เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2025 เรียกร้องให้มี "กรอบปัญญาประดิษฐ์แบบอธิปไตยที่ยึดสิทธิมนุษยชน" ที่บังคับใช้ความโปร่งใสของบอตเพื่อสาธารณะ ตรวจสอบเนื้อหาอัตโนมัติด้วยมนุษย์ และมีระบบยินยอมข้อมูลที่เข้มแข็ง ขณะที่กลุ่มภาคประชาสังคมอย่าง CIPESA ก็กำลังกดดันให้มีกฎจริยธรรมเพื่อจัดการกับการเก็บข้อมูลเมทาดาทา (metadata) การยินยอมของผู้ใช้สำหรับบอตในแชทกลุ่ม และกลไกรับผิดชอบต่อการสร้าง deepfake

เมื่อรวมกันแล้ว ความพยายามเหล่านี้อาจพลิกสมดุลของการต่อสู้ทางดิจิทัลไปสู่ความโปร่งใสและการเสริมพลังแก่ประชาชน หากสามารถตราเป็นกฎหมายก่อนที่ร่างกฎหมายฉบับต่อไปของชาวเคนยาจะเข้าสู่การลงมติ

 

ที่มา:
How Kenyans are using AI during protests (Cecilia Maundu, Global Voices, 12 July 2025)

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: