'สัตว์ประหลาด' ที่ผุดขึ้นในยุค 'ทุนนิยมเสรีกำลังตาย' แต่ 'ฝ่ายซ้ายสร้างทางเลือกใหม่ไม่สำเร็จ'

กองบรรณาธิการ TCIJ 13 ต.ค. 2568 | อ่านแล้ว 46 ครั้ง


ระบบทุนนิยมเสรีบาดเจ็บสาหัสแต่ยังไม่ยอมตาย ขณะที่ฝ่ายซ้ายสร้างทางเลือกใหม่ไม่สำเร็จ ในช่องว่างนี้ "สัตว์ประหลาด" จึงเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสงคราม วิกฤตสภาพอากาศ ความหิวโหย การเนรเทศผู้อพยพ และการล่มสลายของกฎหมายระหว่างประเทศ | ที่มาภาพ: Wiki commons

คำกล่าวชื่อดังของอันโตนิโอ กรัมชี นักคิดมาร์กซิสต์ชาวอิตาลี สะท้อนสถานการณ์โลกปัจจุบัน "สิ่งเก่ากำลังตาย แต่สิ่งใหม่ยังไม่เกิด ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ สัตว์ประหลาดจึงปรากฏขึ้น" โลกกำลังเผชิญวิกฤตอารยธรรมครั้งใหญ่ ระบบทุนนิยมเสรีแม้จะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังคงบังคับใช้ตรรกะแบบล่าเหยื่อผ่านอำนาจการใช้กำลัง และแนวคิดฟาสซิสต์ที่กลับมาคืนชีพ ขณะที่ทางเลือกเพื่อการปลดปล่อยของฝ่ายซ้ายยังสร้างรากฐานไม่สำเร็จ

ทุนนิยมกำลังสลายตัวอย่างช้าๆ

นักคิดชาวบราซิล ลีโอนาร์โด บอฟฟ์ บอกว่าระบบทุนนิยมกำลังป่วยหนักมากว่าสิบปีแล้ว คนรวยกอบโกยทรัพย์สินจนเหลือเชื่อ ธนาคารและการเงินกินดอกเบี้ยสูงลิ่ว ภัยพิบัติเกิดทั่วโลก คนธรรมดาใช้ชีวิตลำบากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้ทำให้ระบบทุนนิยมกำลังจะล้ม แต่ก็ยังไม่ตายสนิท

ประเทศมหาอำนาจตะวันตกที่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม NATO บังคับให้ประเทศสมาชิกเอาเงินไปซื้ออาวุธมากขึ้น อเมริกาใช้มาตรการทางเศรษฐกิจกดดันจีน ยุโรปก็คว่ำบาตรรัสเซีย แม้จะไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังไม่ยอมถอย เห็นได้จากราคาสินค้าแพงขึ้นทั่วโลก ประเทศใหญ่กลับมาเผชิญหน้ากันแบบสมัยสงครามเย็น และกลุ่มฟาสซิสต์สมัยใหม่โผล่มาหลอกว่าจะแก้ปัญหาคนรวยคนจนห่างกันมากเกินไป

ฝ่ายซ้ายก็กำลังสะดุด

ทุนนิยมกำลังจะล้ม แต่ฝ่ายซ้ายก็ไม่มีแผนชัดเจนที่จะสร้างระบบใหม่ได้ รัฐบาลแนวก้าวหน้าในอเมริกาใต้ถูกอเมริกาและชาติตะวันตกกดดันทางเศรษฐกิจ ใช้ศาลฟ้องร้อง ทำให้เกิดความแตกแยกภายใน และประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายไม่ลงถนนต่อสู้ ส่วนพรรคซ้ายในยุโรปก็ยอมทำตามระบบเสรีนิยม ขณะที่กลุ่มต่อต้านทุนนิยมทั่วโลกยังไม่แข็งแรงพอ

ปัญหาอีกอย่างคือฝ่ายซ้ายแตกกระจาย ไม่มีแผนรับมือกับการครอบงำแบบใหม่ เช่น คนจนไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ บริษัทใหญ่ๆ ควบคุมรัฐบาล และบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างกูเกิล เฟซบุ๊กมีอำนาจมหาศาล ทำให้โอกาสสร้างโลกใบใหม่ยากขึ้น

สัตว์ประหลาดหลายตัวโผล่ขึ้นมา

 

ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านแบบนี้ ปัญหาต่างๆ กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สงครามและการยึดครองดินแดนแบบใหม่เกิดขึ้นในยูเครน ปาเลสไตน์ ซูดาน และแอฟริกาตะวันตก ประเทศมหาอำนาจบุกเข้าไปปล้นทรัพยากรแล้วอ้างว่ามา "ช่วยปกป้องประชาธิปไตย" หรือก็ปล่อยให้เกิดความวุ่นวายจนประเทศนั้นล่มสลาย

สิ่งแวดล้อมกำลังพังทลาย ระบบทุนนิยมมองธรรมชาติเป็นแค่สินค้าที่จะซื้อขายหากำไร ตอนนี้โลกเจอไฟป่าไหม้ น้ำท่วมใหญ่ และทะเลทรายขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ

คนรวยกับคนจนห่างกันมากขึ้นทุกวัน คนรวยแค่ 1% ครอบครองทรัพย์สินมากกว่าคนทั้งโลก 99% รวมกัน องค์การสหประชาชาติบอกว่ามีคน 735 ล้านคนหิวข้าวอยู่ทุกวัน แต่ในขณะเดียวกัน เศรษฐีพันล้านกลับรวยขึ้นทุกปี ยังได้รับการสนับสนุนจากสื่อและนักการเมืองอีกต่างหาก

กฎหมายระหว่างประเทศใช้ไม่ได้จริง ศาลอาญาระหว่างประเทศจับแต่ผู้นำแอฟริกันมาฟ้อง แต่ปล่อยให้อิสราเอลและอเมริกาทำอะไรก็ได้ ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงของ UN กลายเป็นที่ที่ประเทศมหาอำนาจใช้สิทธิยับยั้งกันไปมา ประเทศยากจนในโลกใต้เลยต้องการปฏิรูป UN ดังที่เห็นในการประชุมกลุ่ม BRICS ครั้งล่าสุดที่บราซิล

ผู้อพยพถูกปฏิบัติเหมือนอาชญากรมากขึ้น หกเดือนแรกที่ทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดี เขาออกมาต่อต้านผู้อพยพอย่างแรง โดยเฉพาะคนละตินอเมริกา ยกเลิกโครงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพิกถอนสถานะคุ้มครอง ส่งกลับประเทศเป็นหมู่คณะ แยกครอบครัว แม้แต่เด็กทารกก็ถูกแยกจากพ่อแม่ และสร้างระบบคุกสุดทันสมัยที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

แต่ไม่ใช่แค่ทรัมป์คนเดียวที่ทำแบบนี้ ผู้หญิงชาวเวเนซุเอลาชื่อ Gladys Caricote ที่ถูกส่งกลับบ้าน เธอเล่าว่าถูกขังในศูนย์ตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า 10 เดือน ซึ่งช่วงนั้นเป็นสมัยโจ ไบเดน ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ที่ก็เข้มงวดกับคนเวเนซุเอลาเช่นกัน

 

BRICS เป็นทางออกหรือไม่

การประชุมสุดยอด BRICS ที่บราซิล เมื่อ 6-7 กรกฎาคม เป็นเหตุการณ์สำคัญ เป็นการสร้างแกนอำนาจใหม่ที่ไม่ใช่ตะวันตก กลุ่มนี้รับสมาชิกใหม่ในปี 2023-2024 คือ อียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้ประเทศยากจนในโลกใต้มีตัวแทนมากขึ้น แม้จะมีปัญหาบ้าง เช่น บราซิลไม่ยอมให้เวเนซุเอลาเข้าร่วม

การประชุมครั้งนี้ประกาศ 126 ข้อ ทรัมป์โกรธทันที เพราะ BRICS เสนอจะลดการใช้เงินดอลลาร์ ให้ใช้เงินของประเทศตัวเองแทน และตั้งธนาคารพัฒนาใหม่ขึ้นมา ทรัมป์บอกว่านี่คือภัยคุกคามอเมริกา และขู่จะเพิ่มภาษีประเทศที่สนับสนุนแผนนี้

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือมีการตั้ง "สภาประชาชน BRICS" ขึ้นมา เริ่มต้นที่การประชุมปีที่แล้วในรัสเซีย เป็นเวทีให้องค์กรประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แม้ว่ายังไม่เป็นทางการในโครงสร้างการเมือง

João Pedro Stedile ผู้นำขบวนการชาวนาไร้ที่ดินบราซิลอ่านแถลงการณ์ว่า "การที่สภาประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะทุกคนเห็นพ้องว่า ปัญหาของประชาชนจะแก้ไม่ได้ถ้ารัฐบาลทำคนเดียว"

แต่ทุกคนก็รู้ว่ามันจะไม่ง่าย เพราะทุกปีมีประเทศหมุนเวียนกันเป็นประธาน ปีหน้าจะเป็นอินเดีย ซึ่งอาจมองเรื่ององค์กรประชาชนต่างจากบราซิล แต่สิ่งสำคัญคือองค์กรประชาชนตัดสินใจแล้วว่าจะติดตาม BRICS ไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางออกจากวิกฤตต่างๆ

นี่เป็นอีกวิธีที่ขบวนการประชาชนกำลังสู้กับ "สัตว์ประหลาด" ในยุคนี้ เหมือนกับที่พวกเขาลงถนนต่อต้านการโจมตีอิหร่าน ต่อต้านความรุนแรงของอิสราเอลในฉนวนกาซา ต่อต้านการจับผู้อพยพ และปกป้องเอกราชของประเทศในแอฟริกา

 

 

ผู้เขียนงานชิ้นนี้คือ Carmen Navas Reyes นักรัฐศาสตร์ชาวเวเนซุเอลา ปริญญาโทนิเวศวิทยาเพื่อการพัฒนามนุษย์ กำลังศึกษาปริญญาเอกด้านการศึกษาละตินอเมริกาที่มูลนิธิศูนย์ศึกษาละตินอเมริกา Rómulo Gallegos CELARG ในเวเนซุเอลา เป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาระหว่างประเทศของสถาบัน Tricontinental

 

ที่มา:
The monsters of the global crisis interregnum (Peoples Dispatch, Carmen Navas Reyes, 15 August 2025)

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: