ร่างกายใต้อำนาจควบคุม: วิพากษ์วินัย ในระบบศึกษา และการต่อต้านแบบเฟมินิสต์

มัจฉา พรอินทร์ l ลาว เลสเบี้ยน เฟมินิสต์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน 3 ธ.ค. 2568 | อ่านแล้ว 405 ครั้ง


กรณีครูยึดเสื้อกันหนาวนักเรียน ผ่านกรอบคิดอำนาจชีวภาพและเฟมินิสต์

จากเหตุการณ์ที่มีครูในจังหวัดแพร่ได้ยึดเสื้อกันหนาวของนักเรียนเพียงเพราะเสื้อกันหนาวนั้น ไม่ตรงตามระเบียบเครื่องแบบที่โรงเรียนกำหนดทั้งที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส เป็นสิ่งที่ต้องสะท้อนให้เห็นว่านี่คือเหตุการณ์ที่มากกว่าแค่ปัญหาวินัยในโรงเรียน แต่เป็นภาพจำลองของโครงสร้างอำนาจที่ฝังลึกในระบบการศึกษาไทย ที่ควบคุมร่างกายนักเรียน โดยใช้กฎ ระเบียบ และการบังคับเชิงสถาบัน จนกลายเป็นเรื่องปกติ

เหตุการณ์นี้จึงควรทำความเข้าใจผ่านกรอบคิด อำนาจชีวภาพ (Biopower) ของฟูโกต์ และการวิพากษ์จากมุมมอง สตรีนิยม เพื่อชี้ให้เห็นการกดทับร่างกาย อัตลักษณ์ และสิทธิของนักเรียนในสถาบันการศึกษาซึ่งให้คุณค่ากับ “ความเป็นระเบียบ” เหนือ “สิทธิบนเนื้อตัวร่างกายและความปลอดภัยของนักเรียน”

Biopower: ร่างกายใต้การควบคุมและการวิพากษ์ของเฟมินิสต์

ฟูโกต์ชี้ว่าโรงเรียนคือสถาบันที่ผลิต “ร่างกายที่เชื่องและจัดการได้” (docile bodies) ผ่านระบบ “ระเบียบวินัย” (disciplinary power) เช่น เครื่องแบบ การจัดแถว ตารางเรียน การตรวจผม ไปจนถึงบทลงโทษ สิ่งเหล่านี้ทำให้ร่างกายของนักเรียนถูกทำให้เป็นวัตถุที่ต้องควบคุม มากกว่าจะถูกมองว่าเป็นมนุษย์ที่รู้ร้อน หนาว ที่สามารถจัดการตัวเองได้ ซึ่งนี่ คือภาพชัดเจนของการทำงานเชิงอำนาจ เพราะแม้ภาวะอากาศหนาวจัด อาจกระทบต่อสุขภาพของเด็กโดยตรง แต่การรักษาระเบียบเครื่องแบบกลับถูกให้ความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์เหนือสิ่งอื่นใด

สตรีนิยมวิพากษ์ว่า การควบคุมร่างกายของนักเรียนคือผลผลิตของโครงสร้าง ปิตาธิปไตย (Patriarchy) ซึ่งให้อำนาจผู้ควบคุม (ครูและกฎระเบียบเชิงสถาบัน) กำหนดว่าร่างกายของนักเรียนควรเป็นอย่างไร และการบังคับให้เด็กต้องอยู่ในระบบเครื่องแบบแบบ ทวิเพศ (binary) ทำให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศอยู่ในสภาวะถูกกดขี่และไร้ตัวตน
การยึดเสื้อกันหนาวนักเรียน จึงมิใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นตัวอย่างของการใช้อำนาจเชิงสถาบันที่สามารถพรากความต้องการขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ คือ การรู้ร้อนรู้หนาวและความสามารถในการจัดการกับเนื้อตัวร่างกายของตนเองได้ออกไป

ร่างกาย: พื้นที่ของการกำกับและการต่อต้าน
เมื่อร่างกายถูกใช้เป็นพื้นที่ของการครอบงำ มันก็ย่อมเป็นพื้นที่ของการต่อต้านด้วย การเรียกร้องให้ยกเลิกเครื่องแบบนักเรียนจึงไม่ใช่การเรียกร้องเล็กน้อย แต่คือการสั่นคลอนโครงสร้างอำนาจที่ผูกขาดสิทธิในการตัดสินว่า “ร่างกายเด็กนักเรียน ควรเป็นแบบใด”

จากรายงานของ UNESCO/UNDP ที่ทบทวน “violence and bullying on the basis of sexual orientation and gender identity / expression (SOGIE)” กล่าวถึงบริบทการศึกษาไทยว่า “นักเรียนที่เป็น หรือ ถูกมองว่าเป็น คนข้ามเพศ หรือ มีรสนิยมทางเพศที่ไม่อยู่ในรูปแบบรักต่างเพศ เป็นเป้าหมายของการใช้ความรุนแรงทางร่างกาย ทางเพศ หรือ ทางจิตใจ” ในโรงเรียน

ดังนั้น การเคารพ เนื้อตัวร่างกาย (Bodily Autonomy) จึงมิได้เป็นเพียงการยอมรับว่านักเรียนมีสิทธิขั้นพื้นฐานในการตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายตนเอง เช่น การจะใส่เสื้อกันหนาว สี แบบใดก็ได้ ในวันที่หนาวจัดเท่านั้น แต่รวมถึงนักเรียนต้องสามารถเลือกการแต่งกายที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย เป็นตัวของตัวเองและสอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศของตนได้ด้วย

ในสังคมไทย ระเบียบในโรงเรียนยังทำงานแบบกดทับความแตกต่างหลากหลายของเด็ก โดยเฉพาะ ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่หลายสถานศึกษายังคงลิดรอนสิทธิและเสรีภาพในแต่งกายตามเพศสภาพ ขณะเดียวกันเด็กผู้หญิงอาจถูกตรวจว่าใส่เสื้อในแล้วมีเสื้อซับหรือไม่ รวมถึงการถูกควบคุมทรงผมนักเรียนอย่างเคร่งครัด และเด็กหลายคนยังคงต้องทนความเมื่อยล้าหรือเจ็บปวดเพราะถูกบังคับให้อยู่ในระเบียบแบบทหาร สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่สะท้อนสังคมที่ยัดเยียดความรุนแรงเชิงโครงสร้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อ เนื้อตัว ร่างกาย จิตใจ และเพศอย่างเป็นระบบ

การบังคับผ่านเครื่องแบบจึงมิได้ทำให้นักเรียนดูเหมือนกันเพียงภายนอก แต่ยังลบเลือนความแตกต่างและหลากหลายของร่างกาย วัฒนธรรม เชื้อชาติ ความพิการ และเพศสภาพ อีกทั้งยังสะท้อนความพยายามของรัฐภายใต้โครงสร้างปิตาธิปไตยและทหารนิยมในระบบการศึกษา ที่ใช้อำนาจผ่านกฎระเบียบเหนือร่างกายของนักเรียนจนเป็นเรื่องปกติ

การสะท้อนโอบรับ (embrace) ความหลากหลายในโรงเรียน โดยการยกเลิกกฎระเบียบและข้อบังคับที่ละเมิดสิทธิบนเนื้อตัวร่างกายเด็กทุกคน จึงนับเป็นการต่อสู้ เพื่อยืนยันว่าเด็กมีสิทธิขั้นพื้นฐาน มีอำนาจเหนือเนื้อตัวร่างกายและอัตลักษณ์ของตน ที่มีความแตกต่างหลากหลายและงดงาม ที่ต้องถูกมองเห็น ยอมรับและควรค่าต่อการเฉลิมฉลอง

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: