ไลบีเรียปฏิวัติการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 'จ่ายเงินสดตรงให้ชาวบ้าน เพื่อปกป้องป่าไม้'

กองบรรณาธิการ TCIJ 6 ต.ค. 2568 | อ่านแล้ว 373 ครั้ง

แม้ต้องเผชิญกับการตัดไม้ผิดกฎหมายและคอร์รัปชันที่ระบาด ไลบีเรียกำลังทดลองกลยุทธ์ใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมการอนุรักษ์ป่าไม้ทั่วโลกด้วยการ "จ่ายเงินตรงให้ชุมชนที่ยอมปกป้องป่า" | ที่มาภาพ: Flore de Preneuf

ไลบีเรียกำลังสูญเสียป่าไม้อย่างรวดเร็ว ประเทศเล็กๆ แห่งนี้เป็นเจ้าของป่าเขตร้อนเกือบครึ่งหนึ่งของแอฟริกาตะวันตกที่เหลืออยู่ แต่กำลังเผชิญกับปัญหาหนักหน่วง ทั้งการตัดไม้เถื่อน เจ้าหน้าที่รัฐที่คอร์รัปต์ และเกษตรกรโกโก้จากไอวอรี่โคสต์ที่บุกรุกเข้ามาตัดป่าปลูกพืชผล ที่ผ่านมา โครงการขายเครดิตคาร์บอนพยายามจูงใจให้คนปกป้องป่า แต่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่ตอนนี้มีความหวังใหม่ เกิดจากแนวคิดที่เรียบง่ายอย่างน่าประหลาดใจ นั่นคือการจ่ายเงินสดล่วงหน้าให้ชาวบ้าน หากพวกเขายอมไล่นักตัดไม้ออกไปและปกป้องต้นไม้

ทำไมแผนนี้ถึงสำคัญ

เดวิด โรเธ่ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและอดีตที่ปรึกษารัฐบาลอังกฤษกล่าวว่า "แผนนี้ทำลายกำแพงอุปสรรคที่ขวางกั้นการอนุรักษ์และการปฏิรูปที่ดินในไลบีเรียมานานหลายสิบปี" ขณะที่ซาสเกีย โอซิงกา จากองค์กรเฟิร์น (Fern) ด้านป่าไม้แห่งยุโรปเสริมว่า "นี่คือแผนที่มีความหวังที่สุดที่ผมเคยเห็น"

หากประสบความสำเร็จ แผนนี้อาจกลายเป็นต้นแบบสำหรับประเทศอื่นๆ ที่กำลังสูญเสียป่าไม้ และอาจเป็นแนวทางใหม่ในการปกป้องแหล่งเก็บกักคาร์บอนที่สำคัญที่สุดของโลก

ป่าไม้ของไลบีเรีย สมบัติที่ถูกทำลาย

ไลบีเรียก่อตั้งขึ้นในปี 1822 เป็นรัฐสำหรับทาสอเมริกันที่ได้รับอิสรภาพ และเป็นประเทศแอฟริกันไม่กี่แห่งที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของยุโรป ป่าไม้ที่นี่เป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพสุดท้ายของแอฟริกาตะวันตก เป็นบ้านของลิงชิมแปนซีที่ใกล้สูญพันธุ์ ลิงไดอานา และฮิปโปแคระที่เหลือรอดในป่าเพียง 2,500 ตัวทั่วโลก

ตามทฤษฎี ไลบีเรียควรมีเศรษฐกิจสีเขียวที่เฟื่องฟูจากป่าไม้ ทั้งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การเก็บผลไม้อย่างยั่งยืน และเงินทุนอนุรักษ์จากต่างประเทศ แต่ความจริงตรงกันข้าม หลังสงครามกลางเมืองที่ทำลายล้างเมื่อ 20 ปีก่อน แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากต่างชาติมากมาย ป่าไม้ก็ยังอยู่ในสภาพย่ำแย่ อุตสาหกรรมไม้ถูกจัดการอย่างห่วยแหลม คอร์รัปชันอยู่ทุกหนทุกแห่ง และประชาชนยากจนอันดับ 177 จาก 193 ประเทศ ตามดัชนีการพัฒนามนุษย์ของสหประชาชาติ

รายงานของสหภาพยุโรปในปี 2022 เปิดโปงว่า หน่วยงานป่าไม้ของไลบีเรีย (FDA) มีเพียงหน้ากากของธรรมาภิบาลที่ดี แต่ข้างในเต็มไปด้วยคอร์รัปชัน เกรกอรี โคลแมน อดีตและปัจจุบันผู้ตรวจการทั่วไปตำรวจแห่งชาติไลบีเรีย กล่าวว่า "องค์ประกอบของรัฐที่ผู้บริจาคต่างชาติใช้เงินหลายล้านสร้างขึ้นมา กลับถูกนำไปใช้เพื่อการฉ้อโกง"

แม้แต่โครงการติดบาร์โค้ดไม้เพื่อติดตามจากป่าถึงท่าส่งออกของสหภาพยุโรป ก็ถูกบิดเบือนอย่างหนัก ตามรายงานของรัฐบาลอังกฤษพบว่า การส่งออกไม้ถึง 70% ทำนอกสมุดบัญชี

ป่าชุมชนถูกหลอก - ภัยใหม่ โกโก้บุกป่า

ตั้งแต่สงครามกลางเมืองสิ้นสุดในปี 2003 รัฐบาลไลบีเรียพยายามปฏิรูป โดยตราเป็นกฎหมายรับรองสิทธิชุมชนในการเป็นเจ้าของป่า ปัจจุบันป่าไม้ 68% อยู่ภายใต้การควบคุมของชุมชน แต่ระบบนี้ถูก "จี้โดยบริษัทตัดไม้ที่โลภมาก" เดวิด ยัง ที่ปรึกษาด้านธรรมาภิบาลป่าไม้เดิมจากองค์กร Global Witness บอกว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่สมรู้ร่วมคิดหลอกผู้นำชุมชนให้เซ็นสัญญาโดยไม่รู้เนื้อหา ส่งผลให้สิทธิการตัดไม้ตกไปอยู่กับบริษัท
ไม้ส่วนใหญ่ที่ผลิตวันนี้มาจากป่าชุมชน แต่งานและเงินค่าภาคหลวงที่สัญญาไว้ไม่เคยมาถึงชาวบ้าน

ปัญหาใหม่ที่กำลังบานปลายคือเกษตรกรโกโก้ยากจนจากไอวอรี่โคสต์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตโกโก้ใหญ่สุดในโลก หลายคนถูกไล่ออกจากป่าสงวนในประเทศตัวเอง จึงข้ามพรมแดนมาไลบีเรีย รายงานสื่อประมาณว่ามีเกษตรกรโกโก้มากถึง 25,000 คนบุกเข้ามาตั้งแต่ปี 2018 พวกเขาเช่าที่ดินจากชุมชนไลบีเรียที่ยากจน ตัดป่าปลูกโกโก้ แล้วส่งเมล็ดกลับไปขายในไอวอรี่โคสต์ แม้แต่ในห่วงโซ่อุปทานที่อ้างว่าปลอดการตัดป่า

รัฐบาลไลบีเรียตอบสนองช้า เพราะกลัวชาวบ้านพื้นเมืองบริเวณชายแดนจะไม่พอใจ ต้นปีนี้ชาวบ้านที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่ล่วงล้ำดินแดนของตน ถึงกับจับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเป็นตัวประกัน นักอนุรักษ์หวังว่า การจ่ายเงินให้ชุมชนปกป้องป่าจะทดแทนรายได้จากการให้เช่าที่ดินปลูกโกโก้ได้ แต่ความเสี่ยงสูงมาก บาการี เทราเร ผู้อำนวยการองค์กร IDEF เตือนว่า "การค้าโกโก้อาจทำซ้ำการตัดป่าครั้งใหญ่ที่เกือบจะกวาดล้างป่าไปหมดในไอวอรี่โคสต์"

REDD ล้มเหลว 20 ปี

โครงการที่พยายามมาก่อนหน้านี้คือการขายเครดิตคาร์บอน ผ่านระบบ REDD (ลดการปล่อยก๊าซจากการตัดไม้ทำลายป่า) ของสหประชาชาติ แต่โครงการเหล่านี้ต้องการระบบตรวจสอบ รายงาน และยืนยันผลที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง อาร์เธอร์ บลันเดลล์ จากบริษัทที่ปรึกษา Natural Capital Advisors กล่าวว่า "เงินที่เหลือให้คนท้องถิ่นน้อยมาก"

ไลบีเรียพยายามมา 20 ปีแต่ไม่สำเร็จ ปี 2010 มีนักธุรกิจอังกฤษที่ไม่มีประสบการณ์ด้านป่าไม้มาหลอกรัฐบาลเซ็นสัญญาให้สิทธิขายเครดิตคาร์บอนจากป่าไม้จำนวนมหาศาล รายงานต่อมาพบว่าข้อตกลงนี้อาจทำให้รัฐบาลไลบีเรียล้มละลาย ประธานาธิบดีจึงยกเลิกในที่สุด ปี 2023 รัฐบาลลงนามบันทึกข้อตกลงลับกับ Blue Carbon บริษัทของเชคดูไบ อีกครั้งให้สิทธิพิเศษขายเครดิตคาร์บอนจากป่ามากกว่า 10% ของประเทศ ผู้บริจาคต่างชาติเตือนว่าข้อตกลงขัดรัฐธรรมนูญและละเมิดสิทธิชุมชน โครงการจึงยังไม่เดินหน้า

แผนใหม่ จ่ายตรงไม่ซับซ้อน

ไซลาส ไซอากอร์ นักกิจกรรมสิ่งแวดล้อมชื่อดังของไลบีเรียกล่าวว่า "เราเตรียมพร้อมสำหรับ REDD มา 20 ปี แต่มันไม่เวิร์ค เราต้องการแนวทางใหม่เพื่อปลดล็อกโอกาสมหาศาลที่ป่าเหล่านี้มี" ไซอากอร์เคยได้รับรางวัลโกลด์แมนในปี 2006 จากการเปิดโปงว่าการค้าไม้เถื่อนให้เงินทุนสงครามกลางเมือง เขาก่อตั้งสถาบันพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีชื่อเสียง และปัจจุบันบริหารองค์กร IDL (Integrated Development and Learning)

แผนของเขาชื่อ "Payment for Stewardship" หรือการจ่ายเงินเพื่อการดูแลป่า หลักการง่ายมาก นั่นคือการข้ามขั้นตอนการตรวจสอบคาร์บอนที่ซับซ้อน แล้วจ่ายเงินสดล่วงหน้าตรงให้ชุมชนที่ตกลงปกป้องป่าจากการเกษตร การตัดไม้ และการขุดแร่

โครงการจ่าย 60 เซ็นต์ต่อเอเคอร์ต่อปี ฟังดูน้อย แต่แข่งขันได้กับค่าตัดไม้ เพราะสัญญาเชิงพาณิชย์ปกติจ่ายเพียง 30 เซ็นต์ต่อเอเคอร์ เงินจะแบ่งให้ทั้งชุมชน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือสร้างโรงเรียน คลินิก ถนน ไซอากอร์อธิบายว่า "เพราะที่ดินเป็นของชุมชนร่วมกัน ต้องให้ทั้งชุมชนได้ประโยชน์ ไม่ใช่แค่คนที่ใช้ป่าโดยตรง"

เดวิด ยัง ที่ปรึกษาโครงการบอกว่า "เงื่อนไขคือต้องรักษาป่าให้ยืนต้น แต่นอกจากนั้นแทบไม่มีข้อผูกพัน โครงการเน้นเสริมพลังชุมชนให้จัดการป่าและรายได้ของตัวเอง ไม่เสียเงินกับการบัญชีคาร์บอนหรือที่ปรึกษาต่างชาติ และที่สำคัญคือทุกคนเข้าใจง่าย"

เริ่มจริงแล้วในเดือนกรกฎาคม 2025

ไม่ใช่แค่แผนบนกระดาษ โครงการกำลังจ่ายเงินจริง ระยะนำร่องเริ่มจ่ายเงินในเดือนกรกฎาคม 2025 ด้วยงบประมาณ 300,000 ดอลลาร์จาก Irish Aid สำหรับ 2 ปีแรก ครอบคลุม 28 หมู่บ้าน ใน 125,000 เอเคอร์ของป่าหนาทึบคุณค่าอนุรักษ์สูงในเคาน์ตี้ซิโน ทางตะวันออกเฉียงใต้ ใกล้อุทยานแห่งชาติซาโป ซึ่งมีฮิปโปแคระมากที่สุดในโลก โครงการร่วมมือกับ GiveDirectly องค์กรสหรัฐฯ ที่เชี่ยวชาญการโอนเงินสดให้ชุมชนยากจน

โครงการเปิดตัวต้นเดือนนี้โดย IDL และหน่วยงานป่าไม้ไลบีเรีย ภายใต้ผู้อำนวยการคนใหม่ รูดอล์ฟ เมราบ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำแผนที่ป่าชุมชนและฝึกหน่วยลาดตระเวนชุมชน

ด้วยเงินทุนเพิ่มเติมที่กำลังเข้ามา ไซอากอร์ตั้งเป้าว่าภายในปี 2027 จะขยายเป็น 500,000 เอเคอร์ หรือเพิ่มเป็น 4 เท่า และหวังว่าจะเพิ่มอีก 2.5 ล้านเอเคอร์เมื่อใบอนุญาตตัดไม้เดิมหมดอายุ เขากล่าวว่า "มีศักยภาพขยายผลได้เร็ว ถ้าเราหาเงินทุนได้"

ต้นแบบระดับโลก?

แนวคิดนี้กำลังได้รับความสนใจจากรัฐบาลและองค์กรต่างๆ ที่เบื่อหน่ายกับโครงการคาร์บอนออฟเซ็ตที่ล้มเหลวบ่อยครั้ง การปกป้องป่าแบบไม่ผ่านตลาดได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่แล้วภายใต้ข้อตกลงปารีส 2015 และบราซิลกำลังเสนอแผนคล้ายๆ กันในระดับโลก

ประธานาธิบดี ลูลา ดา ซิลวา ต้องการให้ชุมชนระหว่างประเทศสร้าง Tropical Forest Forever Facility (TFFF) หรือกองทุนถาวร 125 พันล้านดอลลาร์ ที่จะจ่าย 1.60 ดอลลาร์ต่อเอเคอร์ต่อปีให้ประเทศป่าเขตร้อนที่ปกป้องป่า โดยหนึ่งในห้าของเงินอาจไปถึงชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น เดวิด ยัง กล่าวว่า "TFFF ของบราซิลอาจเป็นเหมือน Payment for Stewardship ในระดับโลก"

แผนนี้จะถูกหยิบยกขึ้นในการประชุมสภาพภูมิอากาศโลกที่เมืองเบเลนในอเมซอนปลายปีนี้

แม้จะมีความหวัง แต่ยังมีคำถามใหญ่ๆ เช่น ป่าไม้ทุกแห่งควรได้รับเงินหรือเฉพาะป่าหนาทึบ จะลงโทษอย่างไรถ้ายังมีการตัดป่าต่อ เงินจำนวนเท่าไหร่จะถึงมือชุมชนจริงๆ และจะกลายเป็นการทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมในป่าผิดกฎหมายหรือไม่

แต่ขณะที่ TFFF ยังติดอยู่ในการเจรจาระหว่างรัฐบาล เงินของไซอากอร์กำลังไปถึงบัญชีธนาคารของชาวบ้านไลบีเรียอยู่แล้ว


ที่มา:
Paying the People: Liberia’s Novel Plan to Save Its Forests (Yale Environment 360, Fred Pearce, 21 July 2025)

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: