Rocket Media Lab: สำรวจประสบการณ์ทางเพศของนักเรียนมัธยมทั่วประเทศ 3,678 คน

กองบรรณาธิการ TCIJ 14 ก.พ. 2567 | อ่านแล้ว 5681 ครั้ง


ในโอกาสวันวาเลนไทน์ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี Rocket Media Lab ร่วมกับ มูลนิธิแพธทูเฮลท์ (p2h) ทำการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจ และปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์/ความรัก/ความสัมพันธ์ ในกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษา (ม.1-6) และ ปวช. 1-3 ผ่านทางแบบสอบถามออนไลน์ 3,678 คน ระหว่างวันที่ 7-12 ก.พ. ที่ผ่านมา

เรื่องรักระหว่างเรียน: สำรวจประสบการณ์ทางเพศของนักเรียนมัธยมทั่วประเทศ 3,678 คน

Excerpt

  • นักเรียนที่ตอบว่าเคยมีเพศสัมพันธ์ 1,087 คน คิดเป็น 29.55% พบว่า เป็นเพศหญิง 715 คน คิดเป็น 65.78% เพศชาย 240 คน คิดเป็น 22.08% และ LGBTQ+ 102 คน คิดเป็น 9.38% เป็นนักเรียน ม.ต้น 153 คน คิดเป็น 14.08% ม.ปลาย 555 คน คิดเป็น 51.06% ปวช. 379 คน คิดเป็น 34.87% ซึ่งปัจจุบันมีความสัมพันธ์ในรูปแบบแฟนมากที่สุด รองลงมาก็คือโสด และคนคุย
  • สิ่งที่ทำให้เกิดการมีเซ็กส์ครั้งแรก พบว่า นักเรียนมีการตกลงกันทั้งสองฝ่ายมากที่สุด 716 คน คิดเป็น 65.87% ตามมาด้วยบรรยากาศพาไป 255 คน คิดเป็น 23.46% เมา 46 คน คิดเป็น 4.23% โดยทั้งระดับ ม.ต้น ม.ปลาย และปวช. เลือกคำตอบมีการตกลงทั้งสองฝ่ายมากที่สุด ตามมาด้วยบรรยากาศพาไป
  • สำหรับคำถามที่ว่าตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์ เคยคุมกำเนิดด้วยวิธีใดบ้าง ซึ่งสามารถตอบได้มากกว่า 1 ตัวเลือก พบว่าการใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีที่นักเรียนเลือกมากที่สุด 967 คน คิดเป็น 38.63% ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 436 คน หรือ 17.42% ตามมาด้วย การหลั่งนอก 393 คน คิดเป็น 15.70% ใช้ยาคุมกำเนิดรายเดือน 241 คน คิดเป็น 9.63% เลือกที่จะไม่คุมกำเนิด 118 คน คิดเป็น 4.71% นับวัน หน้า 7 หลัง 7 จำนวน 104 คน คิดเป็น 4.16% เพศสัมพันธ์ภายนอก (ถูไถ) 95 คน คิดเป็น 3.80% ฝังยาคุม 83 คน หรือ 3.32% ยาคุมแบบฉีด 42 คน คิดเป็น 1.68% อื่นๆ เช่น ถุงยางอนามัยสตรี ห่วงอนามัย ยาคุมแบบแปะ 24 คน คิดเป็น 0.96% 
  • พบว่านักเรียน ม.ต้น ม.ปลาย และ ปวช. ต่างตอบเหมือนกันว่าเคยคุมกำเนิดด้วยการใช้ถุงยางอนามัยมากที่สุด รองลงมาเป็นยาคุมฉุกเฉินและการหลั่งนอก 
  • หากสามารถรับอุปกรณ์คุมกำเนิดได้ฟรี อยากรับผ่านช่องทางไหน พบว่าสถานพยาบาล/ร้านขายยา โดยไม่ต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล มากที่สุด 2,122 คน คิดเป็น 57.69% รองลงมาคือ โรงเรียน 669 คน คิดเป็น 18.19% ช่องทางเดิมที่มีอยู่แล้ว 540 คน คิดเป็น 14.68%
  • คำถามที่ว่า หากคุณหรือคู่ของคุณตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ จะทำอย่างไร พบว่าเลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อ โดยเรียนต่อ มากที่สุด 1,807 คน คิดเป็น 49.13% พบว่าเพศที่ตอบในข้อนี้แบ่งเป็น หญิง 1,045 คน คิดเป็น 57.83% ของผู้ที่ตอบข้อนี้ ชาย 564 คน คิดเป็น 31.21% LGBTQ+ 163 คน คิดเป็น 9.02% และไม่ระบุเพศ 35 คน เป็น 1.94%

ในโอกาสวันวาเลนไทน์ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ร็อกเกต มีเดีย แล็บ ร่วมกับ มูลนิธิแพธทูเฮลท์ (p2h) ทำการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจ และปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์/ความรัก/ความสัมพันธ์ ในกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษา (ม.1-6) และ ปวช. 1-3 ผ่านทางแบบสอบถามออนไลน์ ระหว่างวันที่ 7-12 ก.พ. ที่ผ่านมา ผลการสำรวจมีดังนี้ 

จากผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 3,678 คน แบ่งเป็นเพศหญิง 2,181 คน หรือคิดเป็น 59.3% เพศชาย 1,073 คน หรือคิดเป็น 29.17% ตามด้วย LGBTQ+ 322 คน หรือคิดเป็น 8.75% และไม่ต้องการระบุ 102 คน คิดเป็น 2.77% โดยผู้ตอบมีอายุระหว่าง 11-20 ปี 

เมื่อแบ่งตามระดับการศึกษา แบ่งได้เป็นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จำนวน 1,667 คน หรือคิดเป็น 45.32% ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 1,532 คน หรือคิดเป็น 41.65% และ ปวช.1-3 จำนวน 479 คน หรือคิดเป็น 13.02%

เมื่อแยกพื้นที่ของนักเรียนที่ตอบแบบสอบถาม พบว่า อยู่ในภาคกลางมากที่สุด ที่ 1,352 คน หรือคิดเป็น 36.76% ตามด้วยภาคเหนือ 739 คน หรือคิดเป็น 20.09% ภาคตะวันออก 653 คน หรือ 17.75% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 596 คน หรือ 16.20% ภาคใต้ 271 คน หรือ 7.37% และ ภาคตะวันตก 67 คน หรือคิดเป็น 1.82% โดยผู้ตอบแบบสอบถามจากทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดที่ตอบมากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร 643 ราย หรือคิดเป็น 17.48% ตามด้วยระยอง 598 คน หรือ 16.26% และเชียงราย 560 คน หรือ 15.23% 

อยู่ในความสัมพันธ์แบบใด

เมื่อถามว่า ปัจจุบัน อยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบใด นักเรียนที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า เป็นโสดมากที่สุด 

1,980 คน หรือคิดเป็น 53.83% มีแฟน 1,258 คน หรือคิดเป็น 34.20% มีสถานะเป็นคนคุย 330 คน หรือคิดเป็น 8.97% Friends with benefits 50 คน หรือคิดเป็น 1.36% One-night stand 25 คน หรือคิดเป็น 0.68% และอื่นๆ 35 คน หรือ 0.95% เช่น อยู่ใน Friend zone ซื้อ-ขายบริการ และมือที่สาม 

จากคำตอบนี้ยังสามารถพิจารณาต่อไปได้ได้ว่านักเรียนที่ตอบว่าโสด 1,980 คน เป็นนักเรียน ม.ต้น 1,084 คน ม.ปลาย 769 คน ปวช. 127 คน ส่วนที่ตอบว่ามีแฟน 1,258 คน เป็นนักเรียน ม.ต้น 390 คน ม.ปลาย 596 คน ปวช. 272 คน หรือมีสถานะเป็นคนคุย 330 คน เป็นนักเรียน ม.ต้น 168 คน ม.ปลาย 121 คน ปวช. 41 คน

และที่น่าสนใจก็คือคำตอบFriends with benefits 50 คน เป็นนักเรียน ม.ต้น 11 คน ม.ปลาย 21 คน ปวช. 18 คน และ One-night stand 25 คน เป็นนักเรียน ม.ต้น 4 คน ม.ปลาย 9 คน ปวช. 12 คน

จากนั้นเมื่อถามนักเรียนที่ตอบแบบสอบถาม 1,717 คน ที่ไม่ได้ตอบว่า โสด ว่าเจอกับคู่ของตัวเองได้อย่างไร มีผู้ตอบว่า เจอกันที่โรงเรียน 814 คน หรือคิดเป็น 47.41% ผ่านทางเฟซบุ๊ก 311 คน หรือคิดเป็น 18.11% มีเพื่อนแนะนำ 135 คน คิดเป็น 7.86% เจอกันในที่สาธารณะ เช่น สวน ห้าง คอนเสิร์ต ฯลฯ 113 คน หรือคิดเป็น 6.58% ผ่านแอปหาคู่ 105 คน หรือคิดเป็น 6.12% อินสตาแกรม 96 คน หรือคิดเป็น 5.59% เกมออนไลน์/ร้านเกม 50 คน หรือ 2.91% ที่เรียนพิเศษ/ค่าย/กิจกรรมต่างโรงเรียน 25 คน หรือคิดเป็น 1.46% ผ่านทางดิสคอร์ด 18 คน หรือคิดเป็น 1.05% ทวิตเตอร์ (X) 10 คน หรือคิดเป็น 0.58% ติ๊กต็อก 8 คน หรือคิดเป็น 0.47% และ อื่นๆ เช่น คนละแวกบ้าน เจอจาก Omegle, Bigo live, Openchat จำนวน 32 คน คิดเป็น 1.86%

ความน่าสนใจของคำตอบในข้อนี้พบว่า เมื่อพิจารณาในส่วนที่ตอบว่า ผ่านทางเฟซบุ๊ก 311 คน พบว่าเป็นนักเรียน ม.ต้น 86 คน ม.ปลาย 128 คน ปวช. 97 คน เจอกันในที่สาธารณะ เช่น สวน ห้าง คอนเสิร์ต ฯลฯ 113 คน พบว่าเป็นนักเรียน ม.ต้น 32 คน ม.ปลาย 57 คน ปวช. 24 คน ผ่านแอปหาคู่ 105 คน พบว่าเป็นนักเรียน ม.ต้น 11 คน ม.ปลาย 56 คน และปวช. 38 คน 

คุณเคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่

จากคำถามที่ว่า คุณเคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ โดยในจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 3,678 คน ตอบว่าเคย 1,087 คน คิดเป็น 29.55% และไม่เคย 2,591 คน คิดเป็น 70.45%

เมื่อพิจารณาในกลุ่มที่ตอบว่าเคย พบว่า เป็นเพศหญิง 715 คน คิดเป็น 65.78% รองลงมาก็คือ เพศชาย 240 คน คิดเป็น 22.08% และ LGBTQ+ 102 คน คิดเป็น 9.38% และหากแยกเป็นระดับการศึกษาจะพบว่า เป็นนักเรียน ม.ต้น 153 คน คิดเป็น 14.08% ม.ปลาย 555 คน คิดเป็น 51.06% ปวช. 379 คน คิดเป็น 34.87% 

และเมื่อพิจารณาลงไปอีกว่า กลุ่มที่ตอบว่าเคยนั้น ปัจจุบันมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใด จะพบว่าเป็นแฟนมากที่สุด รองลงมาก็คือโสด และคนคุย นอกจากนี้ยังพบว่าในกลุ่มที่ตอบว่าเคยนั้นเจอคู่ของตัวเองได้อย่างไร พบว่า เจอจากโรงเรียนมากที่สุด รองลงมาก็คือเฟซบุ๊กและเพื่อนแนะนำ

อะไรที่ทำให้เกิดการมีเซ็กส์ครั้งแรก 

จากคำถามว่าอะไรที่ทำให้เกิดการมีเซ็กส์ครั้งแรก พบว่านักเรียนมีการตกลงกันทั้งสองฝ่ายมากที่สุด 716 คน คิดเป็น 65.87% ตามมาด้วยบรรยากาศพาไป 255 คน คิดเป็น 23.46% เมา 46 คน คิดเป็น 4.23% ถ้าไม่ให้ กลัวมีปัญหากับความสัมพันธ์ 29 คน คิดเป็น 2.67% ถูกบังคับ 27 คน คิดเป็น 2.48% อยากรู้อยากลอง 11 คน คิดเป็น 1.01% และอื่นๆ 3 คน คิดเป็น 0.28%

ในเรื่องของระดับชั้น พบว่าทั้งระดับ ม.ต้น ม.ปลาย และ ปวช. เลือกคำตอบมีการตกลงทั้งสองฝ่ายมากที่สุด ตามมาด้วยบรรยากาศพาไป

โดยนักเรียนที่ตอบว่าเพราะเมา เป็น ม.6 มากที่สุด 16 คน คิดเป็น 34.78% ตามด้วย ปวช.3 จำนวน 7 คน คิดเป็น 15.22% และ ปวช.2 และม.3 เท่ากันที่ 6 คน คิดเป็น 13.04% ขณะที่เรื่องของความอยากรู้อยากลองพบว่า ม.3 เป็นระดับชั้นที่ตอบมากที่สุด 4 คน คิดเป็น 36.36% ตามมาด้วย ม.6 3 คน คิดเป็น 27.27% และ ปวช.3 2 คน คิดเป็น 18.18% 

ตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์ เคยคุมกำเนิดด้วยวิธีใดบ้าง (ตอบได้มากกว่า 1) 

สำหรับคำถามที่ว่าตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์ เคยคุมกำเนิดด้วยวิธีใดบ้าง ซึ่งสามารถตอบได้มากกว่า 1 ตัวเลือก พบว่าการใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีที่นักเรียนเลือกมากที่สุด 967 คน คิดเป็น 38.63% ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 436 คน หรือ 17.42% ตามมาด้วย การหลั่งนอก 393 คน คิดเป็น 15.70% ใช้ยาคุมกำเนิดรายเดือน 241 คน คิดเป็น 9.63% เลือกที่จะไม่คุมกำเนิด 118 คน คิดเป็น 4.71% นับวัน หน้า 7 หลัง 7 104 คน คิดเป็น 4.16% เพศสัมพันธ์ภายนอก (ถูไถ) 95 คน คิดเป็น 3.80% ฝังยาคุม 83 คน หรือ 3.32% ยาคุมแบบฉีด 42 คน คิดเป็น 1.68% อื่นๆ เช่น ถุงยางอนามัยสตรี ห่วงอนามัย ยาคุมแบบแปะ 24 คน คิดเป็น 0.96% 

โดยพบว่านักเรียน ม.ต้น ม.ปลาย และ ปวช. ต่างตอบเหมือนกันว่าเคยคุมกำเนิดด้วยการใช้ถุงยางอนามัยมากที่สุด รองลงมาเป็นยาคุมฉุกเฉินและการหลั่งนอก 

ผู้ที่เลือกตอบข้อถุงยางอนามัย แบ่งเป็น กลุ่มนักเรียน ม.ปลาย มากที่สุด จำนวน 494 คน หรือคิดเป็น 51.09% ตามด้วย ปวช. 348 คน คิดเป็น 35.99% และม.ต้น 125 คน หรือ 12.93%

ขณะที่กลุ่มที่เลือกข้อยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากที่สุด คือ ม.ปลาย 212 คน คิดเป็น 48.62% ปวช. 168 คน หรือ 38.53% และม.ต้น 56 คน คิดเป็น 12.84%

ในส่วนของคำตอบเรื่องการหลั่งนอก พบว่าเป็นระดับม.ปลาย ตอบมากที่สุด 208 คน คิดเป็น 52.93% ตามมาด้วย ปวช. 143 คน คิดเป็น 36.39% และม.ต้น 42 คน คิดเป็น 10.69% 

และหากพิจารณาเรื่องการไม่คุมกำเนิดโดยแบ่งเป็นเพศ พบว่าเป็นเพศหญิงมากที่สุด 71 คน รองลงมาคือ เพศชาย 24 คน และ LGBTQ+ 19 คน

โดยปกติ คุมกำเนิดอย่างไร 

จากนั้น เมื่อถามว่าโดยปกติแล้ว คุมกำเนิดอย่างไร โดยสามารถเลือกคำตอบได้มากกว่า 1 ตัวเลือก พบว่าใช้ถุงยางอนามัยมากที่สุด 926 คน คิดเป็น 43.76% ตามมาด้วยการหลั่งนอก 351 คน คิดเป็น 16.59% ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 291 คน คิดเป็น 13.75% ยาคุมกำเนิดรายเดือน 218 คน 10.30% ฝังยาคุม 91 คน 4.3% ไม่คุมกำเนิด 73 คน คิดเป็น 3.45% นับวัน หน้า 7 หลัง 7 จำนวน 61 คน คิดเป็น 2.88% เพศสัมพันธ์ภายนอก (ถูไถ) 50 คน คิดเป็น 2.36% ยาคุมแบบฉีด 38 คน คิดเป็น 1.80% ถุงยางอนามัยสตรี 6 คน คิดเป็น 0.30% ห่วงอนามัย 5 คน คิดเป็น 0.25% อื่นๆ เช่น LGBTQ 4 คน คิดเป็น 0.20% และยาคุมแบบแปะ 2 คน คิดเป็น 0.10%

จากนั้นเมื่อพิจารณาผู้ที่ตอบข้อถุงยางอนามัยมากที่สุด 926 คน พบว่าเป็นเพศหญิงมากที่สุด 170 คน รองลงมาก็คือเพศชาย 31 คน LGBTQ+ 6 คน และไม่ต้องการระบุเพศ 11 คน ในจำนวนนี้เป็นนักเรียน ม.ต้น 123 คน ม.ปลาย 477 คน ปวช. 326 คน ในขณะที่กลุ่มที่ตอบว่าหลั่งนอก 351 คน นั้น พบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 238 คน รองลงมาก็คือเพศชาย 77 คน LGBTQ+ 27 คน และไม่ต้องการระบุเพศ 9 คน ในจำนวนนี้เป็นนักเรียน ม.ต้น 55 คน ม.ปลาย 177 คน ปวช. 119 คน และที่น่าสนใจก็คือกลุ่มที่ตอบว่า ไม่คุมกำเนิด 73 คน พบว่าเป็นเพศหญิงมากที่สุด 38 คน รองลงมาก็คือ LGBTQ+ 17 คน และในจำนวนนี้เป็นนักเรียน ม.ต้น 19 คน ม.ปลาย 33 คน ปวช. 21 คน 

ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างไร

จากคำถามที่ว่าป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างไร พบว่าใช้ถุงยางอนามัยมากที่สุด 1,026 คน คิดเป็น 84.03% ไม่ป้องกัน 82 คน คิดเป็น 6.72% ยาเพร็พ (PrEP) 40 คน คิดเป็น 3.28% ยาเป็ป (PEP) 29 คน คิดเป็น 2.38% และแผ่นยางอนามัย (dental dam) 23 คน คิดเป็น 1.88%

เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของกลุ่มที่ตอบว่าใช้ถุงยางอนามัย 1,026 คน พบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 676 คน รองลงมาก็คือเพศชาย 230 คน และ LGBTQ+ 91 คน และยังพบว่าเป็นนักเรียนในระดับชั้น ม.ปลายมากที่สุด 523 คน รองลงมาก็คือ ปวช. 363 คน ในขณะที่กลุ่มที่ตอบว่าไม่ป้องกัน 82 คน พบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 53 คน รองลงมาก็คือ LGBTQ+ 14 คน และเพศชาย 12 คน และยังพบว่าเป็นนักเรียนในระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 42 คน รองลงมาก็คือ ปวช. 23 คน

ใครเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอุปกรณ์คุมกำเนิด/ป้องกันโรค

คำถามที่ว่าใครเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอุปกรณ์คุมกำเนิด/ป้องกันโรค พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามตอบว่าคู่ของคุณมากที่สุด 339 คน คิดเป็น 31.19% รองลงมาคือ ตัวเอง 332 คน คิดเป็น 30.54% แล้วแต่โอกาส 183 คน คิดเป็น 16.84% หารกัน 130 คน คิดเป็น 11.96% ได้มาฟรี 52 คน คิดเป็น 4.78%ไม่คุมกำเนิด/ไม่ป้องกัน 32 คน คิดเป็น 2.94% และผู้ปกครอง 19 คน คิดเป็น 1.75%

เมื่อพิจารณาจากคำตอบคู่ของคุณมากที่สุด 339 คน พบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 297 คน รองลงมาก็คือ LGBTQ+ 27 คน และเพศชาย 8 คน และยังพบว่าเป็นนักเรียนในระดับชั้น ม.ปลายมากที่สุด 181 คน รองลงมาก็คือ ปวช. 113 คนในขณะที่กลุ่มที่ตอบว่าตัวเอง 332 คน พบว่า เป็นเพศชายมากที่สุด 168 คน รองลงมาก็คือเพศหญิง 128 คน และ LGBTQ+ 27 คน และยังพบว่าเป็นนักเรียนในระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 157 คน รองลงมาก็คือ ปวช. 134 คน

และในคำตอบที่น่าสนใจอย่างได้มาฟรี 52 คน นั้น พบว่าเป็นเพศหญิงมากที่สุด 33 คน รองลงมาก็คือเพศชาย 10 คน และ LGBTQ+ 7 คน และยังพบว่าเป็นนักเรียนในระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 24 คน รองลงมาก็คือ ปวช. 21 คน

เข้าถึงอุปกรณ์คุมกำเนิด/ป้องกันโรคจากช่องทางไหน

คำถามที่ว่า เข้าถึงอุปกรณ์คุมกำเนิด/ป้องกันโรคจากช่องทางไหน พบว่า ซื้อด้วยตัวเอง ผ่านร้านขายยา/ร้านสะดวกซื้อมากที่สุด 786 คน คิดเป็น 72.31% รองลงมาคือ ซื้อด้วยตัวเอง ผ่านทางออนไลน์ 167 คน คิดเป็น 15.36% รับฟรี ผ่านสถานพยาบาลรัฐ 68 คน คิดเป็น 6.26% ไม่คุมกำเนิด 40 คน คิดเป็น 3.68% ผู้ปกครองหาให้และอื่นๆ เท่ากันที่ 13 คน คิดเป็น 1.20% ได้จากเพื่อน 3 คน คิดเป็น 0.28% ได้จากแฟน 2 คน คิดเป็น 0.18%

จากนั้นเมื่อพิจารณาคำตอบซื้อด้วยตัวเอง ผ่านร้านขายยา/ร้านสะดวกซื้อมากที่สุด 786 คน จะพบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 522 คน รองลงมาเพศชาย 190 คน และยังพบว่าเป็นนักเรียนระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 392 คน รองลงมาคือ ปวช. 295 คน ส่วนซื้อด้วยตัวเอง ผ่านทางออนไลน์ 167 คน พบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 119 คน รองลงมาเพศชาย 23 คน และยังพบว่าเป็นนักเรียนระดับชั้น ม.ปลายมากที่สุด 93 คน รองลงมาคือ ปวช. 55 คน และรับฟรี ผ่านสถานพยาบาลรัฐ 68 คน เป็นเพศหญิงมากที่สุด 37 คน รองลงมาคือเพศชาย และ LGBTQ+ 14 คน และยังพบว่าเป็นนักเรียนระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 41 คน รองลงมาคือ ปวช. 14 คน

รู้หรือไม่ว่า สามารถรับถุงยางอนามัย/ยาคุม ได้ฟรี

ส่วนคำถามที่ว่ารู้หรือไม่ว่า สามารถรับถุงยางอนามัย/ยาคุม ได้ฟรี พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดตอบว่า รู้ 2,386 คน คิดเป็น 64.87% และไม่รู้ 1,292 คน คิดเป็น 35.13% 

และเมื่อพิจารณาในส่วนที่ตอบว่ารู้ 2,386 คน พบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 1,448 คน รองลงมาก็คือเพศชาย 642 คน และ LGBTQ+ 226 คน และยังพบว่าเป็นนักเรียนในระดับชั้น ม.ปลายมากที่สุด 1,099 คน รองลงมาก็คือ ม.ต้น 948 คน ในขณะที่กลุ่มที่ตอบว่าไม่รู้ 1,292 คน พบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 733 คน รองลงมาก็คือ เพศชาย 431 คน และ LGBTQ+ 96 คน และยังพบว่าเป็นนักเรียนในระดับชั้นม.ต้นมากที่สุด 719 คน รองลงมาก็คือ ม.ปลาย 433 คน

คิดอย่างไรกับการต้องให้เลขบัตรประชาชน 13 หลักเพื่อรับอุปกรณ์คุมกำเนิดฟรี

ในส่วนของคำถามที่ว่าคิดอย่างไรกับการต้องให้เลขบัตรประชาชน 13 หลักเพื่อรับอุปกรณ์คุมกำเนิดฟรี 

ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ตอบว่า เห็นด้วย 2,134 คน คิดเป็น 58.02% ไม่เห็นด้วย แต่ต้องให้เพราะต้องการอุปกรณ์คุมกำเนิดฟรี 800 คน คิดเป็น 21.75% และไม่เห็นด้วย ไม่ใช้ช่องทางนี้ 744 คน คิดเป็น 20.23%

นอกจากนี้ คนที่ตอบข้อเห็นด้วย แบ่งเป็นคนที่ตอบว่า ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ 1,561 คน หรือ 73.15% และเคยมีเพศสัมพันธ์ 573 คน หรือ 26.85%

จากนั้นเมื่อพิจารณาว่ากลุ่มที่ตอบคำถามว่าตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์ เคยคุมกำเนิดด้วยการใช้ถุงยางอนามัย 967 คน จะพบว่าตอบคำถามในข้อนี้ว่าเห็นด้วยมากที่สุด 513 คน รองลงมาคือไม่เห็นด้วย แต่ต้องให้เพราะต้องการอุปกรณ์คุมกำเนิดฟรี 249 คน

ส่วนกลุ่มที่ตอบคำถามว่าโดยปกติแล้วคุมกำเนิดด้วยการใช้ถุงยางอนามัย 926 คน จะพบว่าตอบคำถามในข้อนี้ว่าเห็นด้วยมากที่สุด 483 คน รองลงมาคือไม่เห็นด้วย แต่ต้องให้เพราะต้องการอุปกรณ์คุมกำเนิดฟรี 245 คน

ส่วนกลุ่มที่ตอบคำถามว่าป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย 1,026 คน จะพบว่าตอบคำถามในข้อนี้ว่าเห็นด้วยมากที่สุด 483 คน รองลงมาคือ ไม่เห็นด้วย แต่ต้องให้เพราะต้องการอุปกรณ์คุมกำเนิดฟรี 245 คน

หากสามารถรับอุปกรณ์คุมกำเนิดได้ฟรี อยากรับผ่านช่องทางไหน

ในส่วนของคำถามที่ว่าหากสามารถรับอุปกรณ์คุมกำเนิดได้ฟรี อยากรับผ่านช่องทางไหน พบว่า

สถานพยาบาล/ร้านขายยา โดยไม่ต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล มากที่สุด 2,122 คน คิดเป็น 57.69% 

รองลงมาคือ โรงเรียน 669 คน คิดเป็น 18.19% ช่องทางเดิมที่มีอยู่แล้ว 540 คน คิดเป็น 14.68%

สถานที่สาธารณะ เช่น ห้องน้ำสาธารณะ 251 คน คิดเป็น 6.82% ออนไลน์/พัสดุ 37 คน คิดเป็น 1.01% อื่นๆ เช่น สถานที่ซื้อขายบริการ ตู้ใส่ของเฉพาะอุปกรณ์คุมกำเนิด 24 คน คิดเป็น 0.65% ไม่อยากรับ 13 คน คิดเป็น 0.35% ทุกที่ 7 คน คิดเป็น 0.19% สถานพยาบาล/ร้านขายยา/โรงเรียน 7 คน คิดเป็น 0.19% (ไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงเรื่องการให้ข้อมูลส่วนบุคคล) ไม่รู้ 6 คน คิดเป็น 0.16% และสถานพยาบาล/ร้านขายยา โดยให้ข้อมูลส่วนตัว 2 คน คิดเป็น 0.05%

ในส่วนของคำตอบในข้อนี้จะพบว่า แม้จะมีผู้ตอบว่าอยากรับผ่านสถานพยาบาล/ร้านขายยา โดยไม่ต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล มากที่สุด 2,122 คน แต่กลับเป็นคำตอบที่ขัดแย้งกับคำตอบส่วนใหญ่ในคำถามข้อก่อนหน้าที่ถามว่า คิดอย่างไรกับการต้องให้เลขบัตรประชาชน 13 หลักเพื่อรับอุปกรณ์คุมกำเนิดฟรี 

ซึ่งมีผู้ตอบว่า เห็นด้วย 2,134 คน ซึ่งอาจจะเกิดจากความไม่เข้าใจว่าเลขบัตรประชาชนก็คือข้อมูลส่วนบุคคล 

หากคุณหรือคู่ของคุณตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ จะทำอย่างไร

ส่วนคำถามที่ว่า หากคุณหรือคู่ของคุณตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ จะทำอย่างไร พบว่า

  1. เลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อ โดยเรียนต่อ 1,807 คน คิดเป็น 49.13% 
  2. เลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์ 1,095 คน คิดเป็น 29.77%
  3. เลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อ โดยลาออกจากโรงเรียน 537 คน คิดเป็น 14.60%
  4. ไม่รู้ ไม่แน่ใจ ไม่ตอบ 63 คน คิดเป็น 1.71%
  5. ปรึกษาผู้ปกครอง 44 คน คิดเป็น 1.20%
  6. เป็น LGBTQ+ 28 คน คิดเป็น 0.76
  7. ดูความพร้อม 22 คน คิดเป็น 0.60%
  8. เลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อ โดยพักการเรียนชั่วคราว 18 คน คิดเป็น 0.49%
  9. อื่นๆ เช่น ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น แล้วแต่ฝ่ายที่ตั้งครรภ์ 64 คน คิดเป็น 1.74 %

ความน่าสนใจของคำตอบในข้อ เลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อ โดยเรียนต่อมา พบว่าเพศที่ตอบในข้อนี้แบ่งเป็น หญิง 1,045 คน คิดเป็น 57.83% ของผู้ที่ตอบข้อนี้ ชาย 564 คน คิดเป็น 31.21% LGBTQ+ 163 คน คิดเป็น 9.02% และไม่ระบุเพศ 35 คน เป็น 1.94%

ข้อที่มีผู้เลือกมากเป็นอันดับสอง คือ เลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์ ผู้ตอบเป็นเพศหญิงมากที่สุด 744 คน หรือคิดเป็น 67.95% ของผู้ที่ตอบข้อนี้ ตามด้วยเพศชาย 217 คน หรือ 19.82% LGBTQ+ 92 คน หรือ 8.40% ไม่ต้องการระบุ 42 คน หรือ 3.84% 

ส่วนอันดับสาม คือ เลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อ โดยลาออกจากโรงเรียน มีผู้เลือกคำตอบนี้ 537 คน แบ่งเป็นเพศหญิง 290 คน หรือคิดเป็น 54% ของผู้ที่เลือกคำตอบนี้ ตามด้วยเพศชาย 204 คน หรือ 37.99% LGBTQ+ 31 คน หรือ 5.77% และไม่ต้องการระบุเพศ 12 คน หรือ 2.23%

รู้หรือไม่ว่า กฎกระทรวงห้ามสถานศึกษาไล่นักเรียนที่ตั้งครรภ์ออก

ส่วนคำถามที่ว่ารู้หรือไม่ว่า กฎกระทรวงห้ามสถานศึกษาไล่นักเรียนที่ตั้งครรภ์ออก พบว่าตอบว่า รู้ 2,007 คน คิดเป็น 54.57% และไม่รู้ 1,671 คน คิดเป็น 45.43%

จากนั้นเมื่อพิจารณาในส่วนของคำตอบที่ว่า รู้ 2,007 คน จะพบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 1,216 คน รองลงมาก็คือ เพศชาย 534 คน และอยู่ในระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 958 คน รองลงมาก็คือม.ต้น 771 คน ส่วนคำตอบที่ว่า ไม่รู้ 1,671 คนพบว่าเป็นเพศหญิงมากที่สุด 956 คน รองลงมาก็คือ เพศชาย 537 คน และอยู่ในระดับชั้นม.ต้นมากที่สุด 895 คน รองลงมาก็คือ ม.ปลาย 573 คน

เคยพบเห็นนักเรียนคนอื่นที่ตั้งครรภ์และยังเรียนต่อหรือไม่

คำถามที่ว่าเคยพบเห็นนักเรียนคนอื่นที่ตั้งครรภ์และยังเรียนต่อหรือไม่ พบว่าตอบว่า ไม่เคย 1,859 คน คิดเป็น 50.54% และตอบว่า เคย 1,819 คน คิดเป็น 49.46%

จากนั้นเมื่อพิจารณาในส่วนของคำตอบที่ว่า ไม่เคย 1,859 คน จะพบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 972 คน รองลงมาก็คือ เพศชาย 685 คน และอยู่ในระดับชั้นม.ต้น มากที่สุด 1,008 คน รองลงมาก็คือ ม.ปลาย 724 คน ส่วนคำตอบที่ว่า เคย 1,819 คน พบว่าเป็นเพศหญิงมากที่สุด 1,209 คน รองลงมาก็คือ เพศชาย 388 คน และอยู่ในระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 808 คน รองลงมาก็คือ ม.ต้น 659 คน

รู้สึกอย่างไรกับคนที่ตั้งครรภ์แล้วยังมาเรียน (คำถามปลายเปิด)

ในส่วนของคำถามที่ว่า รู้สึกอย่างไรกับคนที่ตั้งครรภ์แล้วยังมาเรียน ซึ่งเป็นคำถามปลายเปิด เมื่อนำมาวิเคราะห์และจำแนกเป็นกลุ่มต่างๆ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึก

  1. เฉยๆ เป็นกลาง มากที่สุด 1,584 คน คิดเป็น 43.07% 
  2. ชื่นชม เช่น เขาต้องแกร่งมากเพราะต้องสู้กับสายตาที่มองเขา รู้จัก รับผิดชอบชีวิตของตัวเอง 1,171 คน คิดเป็น 31.84% 
  3. ไม่มีความเห็น เช่น ไม่รู้สึกอะไรเพราะคนเราผิดพลาดกันได้ 348 คน คิดเป็น 9.46% 
  4. เห็นใจสงสาร เช่น รู้สึกสงสารคนๆ นั้นที่ต้องอุ้มเด็กมาเรียนทุกวัน ซึ่งเด็กในท้องนั้นอาจจะมีโดยไม่ได้ประสงค์ 268 คน คิดเป็น 7.29%
  5. ประณาม ไม่ควรมา เช่น น่าไม่อาย 161 คน คิดเป็น 4.38% 
  6. แปลก ตกใจ เช่น คงรู้สึกแปลกเพราะส่วนใหญ่มักจะลาออก 83 คน คิดเป็น 2.26%
  7. กังวล เช่น กลัวว่าถ้ามาโรงเรียนแล้วจะแท้งแบบไม่รู้ตัว 30 คน คิดเป็น 0.76%
  8. เข้าใจ เช่น ส่วนตัวต้องเข้าใจเขานะเพราะมันอาจจะผิดพลาดจริงๆเราไม่ควรมองเขาด้วยสายตารังเกียจ 10 คน คิดเป็น 0.27%
  9. อื่นๆ เช่น รู้สึกว่าเราต้องป้องกันไม่ไห้เกิดขึ้นกับเรา 25 คน คิดเป็น 0.68% นอกจากนี้ยังมีคนที่เขียนเล่าเรื่องในโรงเรียนด้วยว่า “ขอพูดตรงๆ นะคะ คือเพื่อนมาโรงเรียน แต่ว่า คุณครูไล่ออกแบบเงียบๆ ค่ะ เลือกออก1คน ไม่หญิงก็ชายค่ะ”

รู้หรือไม่ว่า สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้อย่างถูกกฎหมายโดยบุคลากรทางการแพทย์ หากอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ 

ในส่วนของคำถามที่ว่า รู้หรือไม่ว่า สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้อย่างถูกกฎหมายโดยบุคลากรทางการแพทย์ หากอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ พบว่า ตอบว่า รู้ 2,263 คน คิดเป็น 61.53% และตอบว่า ไม่รู้ 1,415 คน คิดเป็น 38.47%

จากนั้นเมื่อพิจารณาในส่วนของคำตอบที่ว่า รู้ 2,263 คน จะพบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 1,509 คน รองลงมาก็คือเพศชาย 454 คน และอยู่ในระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 1,105 คน รองลงมาก็คือ ม.ต้น 809 คน ส่วนคำตอบที่ว่า ไม่รู้ 1,415 คนพบว่าเป็นเพศหญิงมากที่สุด 672 คน รองลงมาก็คือ เพศชาย 619 คน และอยู่ในระดับชั้นม.ต้นมากที่สุด 859 คน รองลงมาก็คือ ม.ปลาย 427 คน

เมื่อเกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ เลือกปรึกษาใคร

ในส่วนของคำถามที่ว่า เมื่อเกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ เลือกปรึกษาใคร พบว่าผู้ปกครอง 1,480 คน คิดเป็น 40.24% รองลงมาคือ เพื่อน/รุ่นพี่/รุ่นน้องที่สนิท 900 คน คิดเป็น 24.47% คู่ของคุณ 529 คน คิดเป็น 14.38% ไม่ปรึกษา 247 คน คิดเป็น 6.72% นักจิตวิทยา/แพทย์ 208 คน คิดเป็น 5.66% องค์กรที่ทำงานด้านนี้โดยตรง 109 คน คิดเป็น 2.96% ครู 84 คน คิดเป็น 2.28% ครูแนะแนว 64 คน คิดเป็น 1.74% คนในโซเชียลมีเดีย 31 คน คิดเป็น 0.84% อื่นๆ 26 คน คิดเป็น 0.71% เช่น Google หมอสูตินารี คนในโซเชียลมีเดียที่ไม่รู้จักและจะไม่ได้เจอกันอีก

จากนั้นเมื่อพิจารณาในส่วนของคำตอบที่ว่าเลือกปรึกษาผู้ปกครอง 1,480 คน จะพบว่า เป็นเพศหญิงมากที่สุด 862 คน รองลงมาก็คือเพศชาย 505 คน และอยู่ในระดับชั้นม.ต้น มากที่สุด 800 คน รองลงมาก็คือม.ปลาย 506 คน ส่วนคำตอบ เพื่อน/รุ่นพี่/รุ่นน้องที่สนิท 900 คน พบว่าเป็นเพศหญิงมากที่สุด 613 คน รองลงมาก็คือเพศชาย 146 คน และอยู่ในระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 441 คน รองลงมาก็คือ ม.ต้น 344 คน และคำตอบคู่ของคุณ 529 คน พบว่า พบว่าเป็นเพศหญิงมากที่สุด 326 คน รองลงมาก็คือเพศชาย 152 คน และอยู่ในระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 279 คน รองลงมาก็คือม.ต้น 131 คน 

คุณได้เรียนเรื่องเพศศึกษาหรือไม่

คำถามที่ว่า คุณได้เรียนเรื่องเพศศึกษาหรือไม่ พบว่าตอบว่า เรียนในวิชาสุขศึกษา 2,633 คน คิดเป็น 71.59% เรียนในวิชาเพศศึกษา 938 คน คิดเป็น 25.50% และไม่ได้เรียน 107 คน คิดเป็น 2.91%

ในส่วนของผู้ที่ตอบว่าเรียนในวิชาสุขศึกษา 2,633 คน พบว่าเป็นนักเรียนระดับชั้นม.ต้นมากที่สุด 1,301 คน รองลงมาก็คือม.ปลาย 1,120 คน และส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลางมากที่สุด รองลงมาก็คือภาคเหนือส่วนที่ตอบว่า เรียนในวิชาเพศศึกษา 938 คน พบว่าเป็นนักเรียนระดับชั้นม.ปลายมากที่สุด 365 คน รองลงมาก็คือม.ต้น 315 คน และส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลางมากที่สุด รองลงมาก็คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือและส่วนที่ตอบว่า ไม่ได้เรียน 107 คน พบว่า เป็นนักเรียนระดับชั้นม.ต้นมากที่สุด 51 คน รองลงมาก็คือ ม.ปลาย 47 คน และส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลางมากที่สุด รอลงมาก็คือตะวันออกเฉียงเหนือ

คุณได้เรียนอะไรบ้าง (เลือกได้มากกว่า 1)

สำหรับคำถามที่ว่า คุณได้เรียนอะไรบ้าง ซึ่งสามารถเลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ พบว่า เรื่องที่เรียนคือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการป้องกัน มากที่สุด 19.69% รองลงมาก็คือ การป้องกันการตั้งครรภ์ 19.57% การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย 18.93% ความหลากหลายทางเพศ 16.09% ทักษะในการจัดการความสัมพันธ์ เช่น การต่อรอง การปฏิเสธ การสื่อสาร 15.42% การเข้าถึงบริการสาธารณสุข 9.86% ไม่ได้เรียน 0.44%

เรื่องอะไรที่อยากให้สังคมเข้าใจในเรื่องเซ็กส์/ความรัก/ความสัมพันธ์ของวัยรุ่น (คำถามปลายเปิด) 

ความเห็นที่น่าสนใจ อาทิ

ผู้หญิง ปวช.ปี 2 ภาคเหนือ “เรื่องพกถุงยางค่ะอยากให้ผปค.เข้าใจส่วนใหญ่ก็จะยังไม่ยอมรับและยังมองเป็นเรื่องน่าเกียจอยู่ที่เด็กพกถุงยางโดยเฉพาะเด็กผญ.ก็จะโดนหาว่าเป็นเด็กเกเรเด็กใจแตกมีผัวก่อนวัยอันควร”

ชาย ม.6 อายุ 19 ปี ภาคเหนือ “คนสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องคบแค่เพศตรงข้าม เราสามารถคบกับเพศเดียวกันได้ เรารักคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุขดีกว่า”

หญิง ม.1 อายุ 13 ปี ภาคตะวันออก “ความรักในวัยเรียนไม่ได้แปลว่าเราไม่มีความสนใจด้านการศึกษาค่ะอย่างน้อยก็ไม่ใช่ทุกคน เราหลายๆคนสามารถแยกแยะได้ค่ะ บางคนเขาอาจจะมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่และสามารถแก้ปัญหาต่างๆจัดแจงได้ค่ะ อยากให้สังคมอย่าพึ่งตัดสินอะไรกับสิ่งที่พึ่งได้เห็นเพียงผ่านๆค่ะ”

หญิง อายุ 18 ปี ปวช.ปี 3 ภาคตะวันตก เด็กที่ออกมาลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่จำเป็นจะต้องท้องก่อนทุกคนและไม่จำเป็นเลยที่จะต้องแต่งงานก่อนถึงจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้

ชาย ม.4 อายุ 15 ปี ตะวันออกเฉียงเหนือ “ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย แต่ต้องรู้จักป้องกันต้องเข้าใจก่อนมีวัยรุ่นมีความยับยั้งชั่งใจน้อยต้องคิดให้รอบคอบก่อน”

ขาย ม.4 อายุ 15 ปี ภาคใต้ “ควรสอนให้ป้องกันมากกว่าห้าม”

LGBTQ+ ม.3 กรุงเทพฯ อายุ 16 ปี “เป็นเรื่องธรรมชาติและปกติมากๆ เพียงแค่ป้องกัน”

อยากได้การสนับสนุนเรื่องใดมากที่สุดในเรื่องเซ็กส์/ความรัก/ความสัมพันธ์ของวัยรุ่น (คำถามปลายเปิด) 

ความเห็นที่น่าสนใจ อาทิ

หญิง 18 ปี ปวช. ปี 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “แจกถุงยางอนามัย อาจจะไม่ได้เป็นการสนับสนุนแต่ให้คิดว่าเป็นการป้องกัน”

หญิง 17 ปี ปวช. ปี 1 ภาคตะวันออก “อยากให้มีการพูดคุยเปิดใจและรับฟังวัยรุ่นในเรื่องนี้ ว่าเรื่องเซ็กส์ ความรัก คสพ.ของวัยรุ่น เป็นเรื่องธรรมชาติ อยากให้ผู้ใหญ่คอยสนับสนุนสนุน ไม่ซ้ำเติมหรือพูดทำร้ายจิตใจเด็ก และมีการสอนเด็กให้ป้องกัน”

LGBTQ+ อายุ 16 ปี ม.4 ภาคเหนือ “ความรักแบบไม่จำกัดเพศ”

LGBTQ+ อายุ 17 ปี ม. 4 ภาคใต้ “อยากให้โรงเรียนมีการแนะแนวและให้ความรู้ในการเลือกขนาดถุงยางอนามัยแบบ เป็นการอบรม และแจกถุงยาง”

ชาย อายุ 20 ปี ปวช.ปี 3 ภาคกลาง “การเข้าถึงความรู้หรือการให้คำปรึกษาแบบทั่วถึงทุกๆ ที่ในโรงเรียนและสถานศึกษาทั่วทั้งประเทศ”

ดูข้อมูลที่ https://rocketmedialab.co/database-student-q2-2024/ 

 
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: