อย่าผลักให้พวกเขา ปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมไทยอีกเลย และโอกาสรัฐบาลแพทองธาร

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) รองประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ 1 ต.ค. 2567 | อ่านแล้ว 1316 ครั้ง


เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2567 เวลา 21.50 น. เกิดเหตุคาร์บอมบ์ บริเวณสามแยก ใกล้กับบ้านพักของ นายอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส ตรงข้ามกับกองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 5 อำเภอตากใบ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 2 คน โดยหลายคนพยายามเชื่อมโยงกับคดีตากใบ ซึ่งผู้เขียนมีทัศนะว่า ไม่คงรจะพยายามไปเชื่อมโยงกับคดีตากใบเพราะในทางกลับกันจะยิ่งลดทอนความชอบธรรมของชาวบ้านที่ใช้กระบวนการยุติธรรมออกมาฟ้องคนของรัฐและรัฐบาล

คดีตากใบ สำคัญกระบวนการยุติธรรมไทย ในคดีหมายเลขดำที่ อ.578/2567 ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส ศาลจังหวัดนราธิวาสได้ไต่สวนมูลฟ้องคดีตากใบเสร็จสิ้นแล้วและรับฟ้องคดีจำเลย 7 คน จำเลยทั้ง 7 มีมูลความผิดในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 83, 288 ประกอบมาตรา 80, 83 และมาตรา 310 วรรคสองประกอบมาตรา 290, 83 คดีนี้ที่ผู้เสียหายได้แก่ ครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ตากใบเป็นโจทก์ 48 คน ฟ้องคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 คดีนี้เมื่อจำเลยที่ศาลออกหมายเรียกไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุ

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2567 ศาลนราธิวาสออกหมายจับดังกล่าวและให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลยทั้ง 7 คน ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดนัดวันสืบพยานกับติดตามผลการจับกุมจำเลยที่ 3-6 และ 8-9 ตามหมายจับ หมายเลข 163-198/2567 และฟังผลการขออนุญาตจับกุมจำเลยที่ 1 ต่อสภาฯ ในวันที่ 15 ต.ค. 2567 เวลา 9.00 น.จำเลยทั้ง 7 คนในดคี ได้แก่ จำเลยที่ 1 พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ในขณะนั้น จำเลยที่ 3 พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการพล.ร. 5 ในขณะนั้น จำเลยที่ 4 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้าในขณะนั้น จำเลยที่ 5 พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ในขณะนั้น จำเลยที่ 6 พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกุล อดีตผู้กำกับ สภอ. ตากใบในขณะนั้น จำเลยที่ 8 นายศิวะ แสงมณี รองผอ.สสส.จชต. หรือกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้และเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น และจำเลยที่ ๙ นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสในขณะเกิดเหตุ

จากข้อมูลที่ได้รับดังกล่าว เครือข่ายคนทำงานภาคประชาสังคม มีข้อห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าคดีนี้จะหมดอายุความโดยจำเลยที่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 7 คนจะไม่มาศาลตามนัดและทำให้คดีสำคัญนี้หมดอายุความ และนอกจากนี้ยังมีข่าวด้วยว่าอาจมีจำเลยบางคนที่เดินทางออกไปนอกประเทศไทยแล้ว

​ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ภาคประชาสังคม (เช่นสภาประชาสังคมชายแดนใต้ มติเอกฉันท์ทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ข้อห่วงกังวลในการติดตามจับกุมจำเลยและผู้ต้องหาในคดีตากใบเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2567 ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา) ถ้าเราจำได้เมื่อ ปี 2552 กล่าวคือการที่ศาลอาญาไม่รับคำร้องญาติเหยื่อตากใบ 78 ศพที่ยื่นขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลจังหวัดสงขลาในคดีไต่สวนการตายที่ระบุผู้ตาย 78 คนเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ โดยเจ้าหน้าที่ที่สลายการชุมนุมปฏิบัติราชการตามหน้าที่ อาจจะนำไปสู่การไม่ยอมรับและปฏิเสธกระบวนทางกฏหมายและกระบวนการยุติธรรมของผู้ได้รับผลกระทบ ญาติผู้เสียชีวิต แนวร่วมและชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในที่สุด

ผู้เขียนได้มีโอกาสฟังการบรรยายของ นายอนุกูล อาแวปูเตะ ประธานศูนย์ทนายความมุสลิมประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นทนายในพื้นที่ที่กรุณาเล่าถึงประสบการณ์การทำงานด้านนี้ ซึ่งท่านกรุณาอธิบายให้ผู้เขียนและผู้ร่วมสัมมนาได้ฟังพอสรุปใจความได้ว่า “ ปัญหาความไม่เป็นธรรมเป็นเรื่องใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคภาคใต้ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับ โดยเฉพาะคดีตากใบแต่ความไม่เป็นธรรมเป็นเพียงนามธรรมเท่านั้น และกรอบของความไม่เป็นธรรมใหญ่มาก เช่น ความไม่เป็นธรรมเชิงโครงสร้าง ความไม่เท่าเทียมทางสังคม ทางเศรษฐกิจ และทางการเมือง การปฏิบัติที่ไม่เหมือนกันต่อผู้ที่นับถือศาสนาต่างกัน หรือต่อคนต่างเชื้อชาติ แต่ความไม่เป็นธรรมที่เห็นเป็นรูปธรรมที่สุดก็คือการถูกกล่าวหาและดำเนินคดีโดยไม่ได้กระทำความผิดจริง เป็นความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมองเห็นเป็นรูปธรรม และเป็นความเจ็บปวดที่บาดลึกลงไปในหัวใจ ทั้งต่อตนเองและญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และหากความไม่เป็นธรรมนี้เกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ก็จะขยายวงกว้างไปอีก

ถึงแม้คนของหน่วยความมั่นคง รัฐหรือรัฐบาลจะยอมรับในข้อเท็จจริงนี้ การแก้ปัญหาก็เป็นเพียงนามธรรมเช่นเดียวกัน ไม่ได้ปรากฏการแก้ปัญหาในกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นรูปธรรม และสุดท้ายก็ต้องยอมรับในระบบว่าประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา หากถูกกล่าวหาโดยเจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธต่อสู้คดีในชั้นศาล เพราะปลายทางของคดีอยู่ที่ศาลจะพิจารณาตัดสิน โดยไม่ได้พูดถึงว่าสิ่งที่เขาสูญเสียไปในระหว่างการพิจารณาคดีกับความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่นั้น รัฐจะชดเชยอย่างไร และจะแก้ปัญหาอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ทั้งหมดนี้เป็นการเล่าสู่กันฟังในฐานะที่อยู่ในวงการและมีประสบการณ์ในคดีความมั่นคงและทนายความเป็นวิชาชีพหนึ่งที่มีหน้าที่ในการปกป้องสิทธิของผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ท่านได้อธิบายต่อว่าเจ้าหน้าที่ไม่อาจที่จะปฎิเสธทนายความได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้คดีในศาลจะต้องมีทนายในการแก้ต่าง โดยเฉพาะคดีความมั่นคงเป็นคดีที่มีโทษหนัก ย่อมต้องให้ทนายความเข้าไปมีบทบาทตั้งแต่แรกในเบื้องต้น นอกจากนี้มีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ที่มีรายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคงว่า ภายหลังที่มีคำพิพากษาคดีตากใบ เหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะยิ่งหนัก และผู้พิพากษาที่พิจารณาคดี รวมทั้งอัยการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะถูกหมายหัวจากผู้ก่อความไม่สงบ เพราะคดีตากใบเป็นเพียงคดีหนึ่งของอีกหลาย ๆ คดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง แม้ความไม่เป็นธรรมจะเป็นเหตุของความไม่สงบ

แต่คำพิพากษาของศาลมันไม่ใช่ผลที่ทำให้มีเหตุการณ์รุนแรง เพราะปัจจัยที่ทำให้มันรุนแรง ไม่รุนแรง ทรง ๆ ทรุด ๆ ไม่รู้จริง ๆ มาจากสาเหตุอะไร หากจะบอกว่าผลของคำพิพากษาในคดีตากใบ ทำให้เหตุการณ์มีความรุนแรงขึ้น แล้วหลังเหตุการณ์ตากใบที่เกิดตั้งแต่ปี 2547 จนศาลมีคำพิพากษา ปี 2552 ในระหว่างรอคำพิพากษาแล้วเหตุใดเหตุการณ์ยังเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ และจะอธิบานได้อย่างไรว่าในอีกหลาย ๆ คดีที่ศาลให้ความปรานีพิพากษายกฟ้องจำเลยแล้ว เหตุการณ์ความรุนแรงก็ยังคงเกิดขึ้น นอกจากนี้ในกรณีที่ศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยแล้วปล่อยตัวไป น่าจะเป็นที่พอใจของผู้ก่อความไม่สงบ แต่เหตุการณ์ก็ยังเกิดขึ้นอีก สุดท้ายจะอธิบายอย่างไร ในคดีที่จำเลยถูกจับกุมดำเนินคดีและต้องถูกขังระหว่างพิจารณา เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องปล่อยตัวไปแล้ว ก็ถูกฆาตรกรรมโดยผู้ก่อความไม่สงบอีกเช่นเดียวกัน

ในขณะที่อีกวงสัมมนาหนึ่งที่ผู้เขียนได้มีโอกาสร่วมเสวนาเช่นกันคือ โครงการเวทีเสวนายุติการทรมาน ยุติอาชญากรรม คือ ยุติความอยุติธรรม ในเวทีผู้ได้รับผลกระทบได้สะท้อนความไม่ยุติธรรมที่เขาได้รับจาการซ้อมทรมานทั้งที่ประเทศไทยโดยรัฐ ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment: CAT) หรืออนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ในวันที่ 2 ตุลาคม 2550 แต่จากเหตุการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน การจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย การสอบสวนด้วยวิธีที่รุนแรง ในหลายกรณีมีการทรมานหรือการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี (การทรมาน) เพื่อให้ผู้ต้องสงสัยยอมรับสารภาพ หรือให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ การกระทำเหล่านี้เป็นการกระทำที่ผิดต่อสัตยาบันที่ได้ให้ไว้ตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯในขณะที่ผู้ใหญ่จากความมั่นคงก็ยอมรับเพียงแต่ขอความเห็นใจจากผู้เข้าร่วมประชุมว่าผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่นั้นส่วนน้อยเท่านั้นและทางหน่วยเหนือได้ลงโทษไปแล้วและผู้ใหญ่ในหน่วยความมั่นคงรับปากว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกแต่หากเกิดขึ้นอีกนั้นจะจัดการขั้นเด็ดขาด

นี่คือภาพสะท้อนจากสองเวทีที่ผู้เขียนได้รับที่สรุปตรงกันว่าชาวบ้านยังคงได้รับความไม่ยุติธรรมที่เป็นรูปธรรมตลอดมาทั้งหนักบ้าง น้อยบ้าง ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว

ภาพข่าวที่ผู้เขียนได้เห็นวันที่บรรดาสตรีทั้งสูงอายุและวัยรุ่น หรือเป็น ญาติผู้เสียชีวิตในคดีตากใบเดินทางไปยื่นคัดค้านและขอความเป็นธรรมจากคำสั่งศาลกรณีไต่สวนการตายของผู้เสียชีวิต 78 คนในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ในวันจันทร์ที่ 29 มิ.ย.2552 นี้ ที่ศาลอาญา กรุงเทพฯ เป็นภาพการต่อสู้ที่พวกเขายังมีความหวังในกระบวนการยุติธรรมไทย แต่การที่ศาลไม่รับคำร้อง และถ้าเหตุการณ์ความไม่ยุติธรรมยังคงดำรงอยู่ ตลอดทั้งพวกเขาผิดหวังเชิงประจักษ์กับกระบวนการศาลไทยหลาย ๆ ครั้งเมื่อไร อาจจะผลักให้พวกเขา ชาวบ้านและแนวร่วมไม่ยอมรับและปฏิเสธกระบวนทางกฏหมายและกระบวนการยุติธรรมไทยในที่สุดก็เป็นได้

ดังนั้นนายกรัฐมนตรีได้น่าจะใช้โอกาสนี้ตรวจสอบอย่างเร่งด่วนว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ติดตามค้นหา สืบเสาะ ประกาศจับ รวมทั้งออกหมายค้นหากพบว่ามีการให้ที่พักพิงหรือหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดในประเทศไทย หรือมีการกำชับเรื่องการเดินทางออกนอกประเทศของบุคคลที่มีหมายจับคดีสำคัญนี้ และขอให้รับรองต่อสาธารณชนว่าคดีตากใบเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่จำต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม มิใช่เฉพาะแก่ ญาติผู้สูญเสีย แต่ผู้ถูกกล่าวหาโดยเฉพาะคนของรัฐมีโอกาสพิสูจน์ความจริงผ่านกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญกว่านั้นจะมีส่วนสำคัญในการสร้างปัจจัยต่อกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้ มิหนำซ้ำจะทำให้ผู้ไม่หวังดีนำประเด็นนี้ไปอ้างความชอบธรรมในการต่อสู้กับรัฐโดยใช้ความรุนแรง หรือผลักประชาชนคนเห็นต่างปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมไทยในอนาคต ที่สำคัญที่หยุดจะเป็นผลงานของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ลูกสาวอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณซึ่งโศกนาฏกรรมตากใบเกิดสมัยท่านเมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: