เผย Grab-Foodpanda หันรุกตลาดรับประทานที่ร้าน (Dine-in) หลังการขยายตัวเริ่มชะงัก

กองบรรณาธิการ TCIJ 16 ส.ค. 2566 | อ่านแล้ว 1988 ครั้ง

เผย Grab-Foodpanda หันรุกตลาดรับประทานที่ร้าน (Dine-in) หลังการขยายตัวเริ่มชะงัก

Grab และ Foodpanda แอปจัดส่งอาหารสัญชาติสิงคโปร์กำลังขยายกิจการไปสู่บริการด้านการรับประทานอาหารในร้าน เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สิ้นสุดลง

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานเมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค. 2566 ว่าGrab และ Foodpanda แอปจัดส่งอาหารสัญชาติสิงคโปร์กำลังขยายกิจการไปสู่บริการด้านการรับประทานอาหารในร้าน เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สิ้นสุดลง และการขยายตัวของการจัดส่งอาหารเริ่มชะงัก

มีรายงานว่า Grab กำลังทดสอบฟีเจอร์ทานที่ร้าน (Dine-in) ใน 15 เมืองในสิงคโปร์ ไทย และอินโดนีเซีย ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานซื้อบัตรกำนัลสำหรับรับประทานที่ร้านล่วงหน้าด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 50% นอกจากนี้ ผู้ใช้งานแอปยังสามารถดูเมนูและรีวิวของร้านอาหาร สั่งอาหาร และชำระเงินผ่านระบบคิวอาร์โค้ด ตลอดจนจองรถเพื่อเดินทางไปยังร้านอาหาร โดยทางบริษัทมีแผนเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามด้วยเช่นกัน

ส่วนฟู้ด Foodpanda เป็นบริษัทจัดส่งอาหารแห่งแรกในสิงคโปร์ที่เปิดตัวฟีเจอร์ทานที่ร้านเมื่อปี 2564

ปัจจุบันฟีเจอร์ทานที่ร้านของ Foodpanda เปิดให้บริการในสิงคโปร์ ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ฮ่องกง ปากีสถาน และบังกลาเทศ โดยนับตั้งแต่ 2565 มีร้านอาหารมากกว่า 8,000 แห่งในประเทศเหล่านี้ที่เริ่มเสนอการลดราคา 15-25% สำหรับการรับประทานที่ร้าน

นายยาคอบ เซบาสเตียน แองเจเล ซีอีโอของ Foodpanda ประจำเอเชียแปซิฟิกกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า "เราได้พูดคุยเรื่องนี้กันตั้งแต่ช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดแล้ว และแน่นอนว่า เราทราบดีเกี่ยวกับวิถีชีวิตหลังสิ้นสุดการแพร่ระบาด"

นายแองเจเลกล่าวว่า บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการรับประทานอาหารที่ร้าน และมันสามารถกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่มาก ๆ สำหรับ Foodpanda ได้ โดยในปัจจุบันการจัดส่งอาหารยังคงเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของฟู้ดแพนด้า รองลงมาคือการจัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: