เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
2. เห็นชอบมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2566 และร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้สำนักงบประมาณ (สงป.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สำหรับการลดภาษีที่ดินฯ ในปี 2564 และปี 2566 ตามความเหมาะสมเพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินภารกิจปกติของ อปท.
3. เห็นชอบมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2566 และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนองห้องชุดเพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ
4. เห็นชอบมาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นที่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานภายในประเทศ และร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
5. เห็นชอบมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ใบอนุญาตขายยาสูบ และใบอนุญาตขายไพ่ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
6. รับทราบมาตรการ/โครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และมาตรการ/โครงการอื่นของ กค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ข้อเท็จจริง
กค. เสนอว่า
1. คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (18 ตุลาคม 2565) ให้ทุกส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ เร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน โดยแผนงาน/โครงการดังกล่าวต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อส่วนรวมได้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างแท้จริง ไม่ขัดต่อกฎหมายและประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐนำแผนงาน/โครงการดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วเพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้องในภาพรวมก่อน
2. กค. พิจารณาแล้วเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีตามข้อ 1 จึงได้เสนอเรื่อง การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน ดังนี้
2.1 มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม รวม 5 มาตรการ และร่างกฎหมาย รวม 6 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 1 ฉบับ และร่างกฎกระทรวง รวม 5 ฉบับ
2.2 มาตรการ/โครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และมาตรการ/โครงการอื่นของ กค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 2 มาตรการ
3. กค. ได้พิจารณาการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับตามมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 18,690 ล้านบาท
สาระสำคัญของมาตรการและร่างกฎหมาย
2.1 มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม รวม 5 มาตรการ และร่างกฎหมาย รวม 6 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 1 ฉบับ และร่างกฎกระทรวง รวม 5 ฉบับ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
| 1. มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” | |
| 1.1 วัตถุประสงค์ | เพื่อรักษาระดับการบริโภคในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี ส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่น/การอ่าน และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษี และการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ | 
| 1.2 กลุ่มเป้าหมาย | ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา | 
| 1.3 ระยะเวลาดำเนินงาน | ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 15 ก.พ. 66 | 
| 1.4 วิธีดำเนินการ | กค. ได้ยกร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรโดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้ 1) กำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 40,000 บ. ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 15 ก.พ. 66 ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด 2) สินค้าที่เข้าร่วมมาตรการ เช่น ค่าซื้อสินค้า และค่าบริการทุกประเภทที่ซื้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงค่าสินค้า OTOP แต่ไม่รวมถึงสินค้าและบริการ 10 ประการ ดังนี้ - ค่าซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ - ค่าซื้อยาสูบ - ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ - ค่าซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร - ค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต - ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ - ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม - ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต - ค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาวซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 ม.ค. 66 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 ก.พ. 66 แม้ว่าจะจ่ายค่าบริการระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 15 ก.พ. 66 - ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย | 
| 1.5 การสูญเสียรายได้ | คาดว่าจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 8,232 ล้านบาท | 
| 1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ | จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมูลค่าประมาณ 56,000 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.16 และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษี และสนับสนุนการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ | 
| 2. มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2566 | |
| 2.1 วัตถุประสงค์ | เพื่อลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้เสียภาษี เนื่องจาก 1) สนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 2) สิ้นสุดระยะเวลาการยกเว้นและบรรเทาภาระภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 (การจัดเก็บภาษีสำหรับเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมใน 3 ปีแรกของการจัดเก็บภาษีที่ดินฯ (ปี 2563 - 2565) และการบรรเทาการชำระภาษีใน 3 ปีแรกของการจัดเก็บภาษีที่ดินฯ ให้แก่ผู้เสียภาษีที่มีภาระภาษีที่ดินฯ สูงกว่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ ในปี 2562) 3) การเพิ่มขึ้นของราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในปี 2566 ซึ่งใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีที่ดินฯ | 
| 2.2 กลุ่มเป้าหมาย | ผู้เสียภาษีที่ดินฯ (ผู้เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ในวันที่ 1 ม.ค. 66) | 
| 2.3 ระยะเวลาดำเนินงาน | การจัดเก็บภาษีที่ดินฯ ของปีภาษี 2566 (เริ่ม 1 ม.ค. 66) | 
| 2.4 วิธีดำเนินการ | กค. ได้ยกร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ดังนี้ 1) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับการลดภาษีตามพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 ให้ลดภาษีในอัตราร้อยละ 15 ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ ตัวอย่างกรณีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่เคยได้รับการลดภาษี ได้แก่ โรงพยาบาล ร้านทำผม ร้านอาหาร ร้านล้างรถ และห้างสรรพสินค้า 2) ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับการลดภาษีร้อยละ 50 ตามพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 เมื่อคำนวณลดภาษีในอัตราร้อยละ 50 ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสียแล้ว ให้ลดภาษีลงอีกในอัตราร้อยละ 15 ของจำนวนภาษีที่ลดไปแล้วร้อยละ 50 เช่น ตัวอย่างกรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ได้รับการลดภาษีร้อยละ 50 ได้แก่ - ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เฉพาะทรัพย์สินที่บุคคลดังกล่าวได้มาทางมรดกและได้จดทะเบียนแล้วก่อนวันที่ 13 มี.ค. 62 - ที่ดินที่ตั้งของโรงผลิตไฟฟ้า - ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นเขื่อน 3) กรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ได้รับการลดภาษีร้อยละ 90 ตามพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 แล้ว จะไม่ได้รับการลดภาษีเพิ่มอีก เนื่องจากมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 จะมีอัตราการลดภาษีสูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 90 ได้แก่ - โรงเรียนในระบบ - โรงเรียนนอกระบบ (ประเภทสอนศาสนา ตาดีกา ปอเนาะ) - สวนสัตว์ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย - สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย | 
| 2.5 การสูญเสียรายได้ | คาดว่าจะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สูญเสียรายได้ ประมาณ 6,288 ล้านบาท | 
| 2.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ | ส่งผลให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้นรัฐบาลจัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะได้เพิ่มขึ้น ทำให้ อปท. ได้รับการจัดสรรรายได้เพิ่มขึ้น และผู้เสียภาษีได้รับการบรรเทาภาระภาษีบางส่วน และมีระยะเวลาในการปรับตัว แต่อย่างไรก็ดี มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจะส่งผลให้ อปท. จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลดลง ทำให้สูญเสียรายได้เพิ่มเติมอีกจำนวนประมาณ 6,288 ล้านบาท จึงเห็นควรมอบหมายให้ สงป. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่ อปท. ตามความเหมาะสม เพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินภารกิจปกติของ อปท. | 
| 3. มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ปี 2566 | |
| 3.1 วัตถุประสงค์ | เพื่อสนับสนุนและลดภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ | 
| 3.2 กลุ่มเป้าหมาย | ผู้ซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและผู้ขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และห้องชุดในราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกินมูลค่า 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท | 
| 3.3 ระยะเวลาดำเนินงาน | ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66 | 
| 3.4 วิธีดำเนินการ | กค. ได้ประสานกระทรวงมหาดไทย (มท.) ยกร่างกฎกระทรวง รวม 2 ฉบับ ดังนี้ 1) ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ. .... โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ ที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา (จากเดิมร้อยละ 2) เหลือร้อยละ 1 (เดิมปี 65 จัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.01) และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน (จากเดิมร้อยละ 1) เหลือร้อยละ 0.01 (อัตราคงเดิมเหมือนในปี 65) สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน 2) ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนองห้องชุดเพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ. .... โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุดที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา (จากเดิมร้อยละ 2) เหลือร้อยละ 1 (เดิมปี 65 จัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.01) และลดค่าจดทะเบียนจำนองห้องชุดอันเนื่องมาจากการจดทะเบียนการโอนในคราวเดียวกัน เหลือร้อยละ 0.01 (อัตราคงเดิมเหมือนในปี 65) โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน | 
| 3.5 การสูญเสียรายได้ | คาดว่าจะทำให้ อปท. สูญเสียรายได้ประมาณ 1,989 ล้านบาท | 
| 3.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ | ช่วยสนับสนุนและลดภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มการบริโภคภายในประเทศ และเพิ่มการลงทุน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.60 เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีมาตรการ | 
| 4. มาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นที่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานภายในประเทศ | |
| 4.1 วัตถุประสงค์ | เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสายการบินจนขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล | 
| 4.2 กลุ่มเป้าหมาย | ธุรกิจสายการบิน | 
| 4.3 ระยะเวลาดำเนินงาน | ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 66 (6 เดือน) | 
| 4.4 วิธีดำเนินการ | กค. ได้ยกร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นที่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานในประเทศ โดยกำหนดอัตราภาษีตามปริมาณ 0.20 บาทต่อลิตรออกไปอีก 6 เดือน (เป็นมาตรการต่อเนื่องโดยกฎกระทรวงเดิม (ฉบับที่ 24) จะสิ้นผลใช้บังคับวันที่ 31 ธ.ค. 65 หากไม่ปรับลดจะมีอัตราภาษีตามปริมาณ 4,726 บาทต่อลิตร) | 
| 4.5 การสูญเสียรายได้ | คาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท เนื่องจากมาตรการนี้จะมีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 6 เดือน | 
| 4.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ | อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมสายการบินในประเทศมีการฟื้นตัวเนื่องจากมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจส่งผลให้ยังคงมีการจ้างงานและไม่ต้องปิดตัวหรือระงับเส้นทางการบิน | 
| 5. มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 | |
| 5.1 วัตถุประสงค์ | เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบที่ผู้ประกอบการได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง โดยลดภาระในการประกอบกิจการให้ผู้ประกอบการ โดยให้สิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ สำหรับผู้ประกอบการที่ประสงค์จะประกอบกิจการต่อเนื่อง ณ สถานประกอบการเดิม ประเภทใบอนุญาตเดิมที่ยื่นคำขอระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66 | 
| 5.2 กลุ่มเป้าหมาย | ผู้ได้รับใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 เฉพาะ ผู้ได้รับอนุญาตขายรายเดิมซึ่งได้รับผลกระทบที่ประสงค์จะขอใบอนุญาตขายต่อเนื่องในปีถัดไปเท่านั้น หมายเหตุ: ประเภทใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ - ใบอนุญาตขายสุรา ประเภทที่ 1 การขายสุราทุกชนิด ครั้งหนึ่งจำนวนตั้งแต่ 10 ลิตรขึ้นไป ประเภทที่ 2 การขายสุราทุกชนิด ครั้งหนึ่งจำนวนต่ำกว่า 10 ลิตร - ใบอนุญาตขายยาสูบ ประเภทที่ 1 การขายส่งยาสูบ ครั้งหนึ่งจำนวน 1,000 มวนขึ้นไป ประเภทที่ 2 การขายปลีกยาสูบ ครั้งหนึ่งต่ำกว่า 1,000 มวน - ใบอนุญาตขายไพ่ ประเภทที่ 1 การขายไพ่ ครั้งหนึ่งจำนวนตั้งแต่ 40 สำรับขึ้นไป ประเภทที่ 2 การขายไพ่ ครั้งหนึ่งจำนวนต่ำกว่า 40 สำรับ | 
| 5.3 ระยะเวลาดำเนินงาน | ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66 (1 ปี) | 
| 5.4 วิธีดำเนินการ | กค. ได้ยกร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ใบอนุญาตขายยาสูบ และใบอนุญาตขายไพ่ ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ แล้วแต่กรณี ให้เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตขายรายเดิมซึ่งได้รับผลกระทบที่ประสงค์จะขอใบอนุญาตขายต่อเนื่องในปีถัดไป เป็นระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66 เพื่อเป็นการช่วยเหลือและลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการ (เป็นมาตรการต่อเนื่องจากกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราใบอนุญาตขายยาสูบ และใบอนุญาตขายไพ่ ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต พ.ศ 2564) | 
| 5.5 การสูญเสียรายได้ | คาดว่าจะมีการใช้สิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประมาณ 1.45 ล้านฉบับ (ผู้ได้รับสิทธิดังกล่าวประมาณ 8 แสนราย) โดยรัฐจะสูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 381.72 ล้านบาท | 
| 5.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ | เพื่อเยียวยาและบรรเทาผลกระทบที่ผู้ได้รับอนุญาตในการขายสุรา ยาสูบ และไพ่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 | 
2.2 มาตรการ/โครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และมาตรการ/โครงการอื่นของ กค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 2 มาตรการ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
| 1. มาตรการ/โครงการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | |
| 1.1 วัตถุประสงค์ | เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ | 
| 1.2 กลุ่มเป้าหมาย | ประชาชนและผู้ประกอบการ | 
| 1.3 วิธีดำเนินการ | มาตรการคืนเงินหรือลดอัตราดอกเบี้ย สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ รางวัลพิเศษของสลากออมสิน การลดค่างวดการผ่อนชำระและการยกเว้นค่าดำเนินการค้ำประกันสินเชื่อ รวมทั้งสิ้นจำนวน 15 โครงการ [โครงการฯ ของ ธนาคารออมสิน/ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)/ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)] เช่น โครงการวินัยดี มีเงิน โครงการสลากออมสิน ดิจิทัล 2 ปี ฉลองปีใหม่ 2566 โครงการชำระดีมีคืน ปีบัญชี 2565 และโครงการลดดอกเบี้ยแก้หนี้ภาคครัวเรือน ปีบัญชี 2565 เป็นต้น | 
| 2. มาตรการ/โครงการอื่น โดยหน่วยงานในสังกัดฯ มีการจัดทำมาตรการ/โครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 รวมทั้งสิ้น จำนวน 2 มาตรการ/5 โครงการ ได้แก่ 1) มาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 [กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)] 2) มาตรการของขวัญปีใหม่ปี 66 ให้กับลูกค้ารายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน/ผู้ค้ำประกัน [บริษัท บริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (บสอ.)] 3) โครงการเที่ยวปีใหม่สุขใจไปกับพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน (กรมธนารักษ์) 4) โครงการสนับสนุนตลาดทุนและเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนลดภาระแก่ผู้ประกอบธุรกิจเพื่อความสุขที่มั่นคงของทุกภาคส่วน [สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.)] 5) โครงการส่งเสริมให้ประชาชนและผู้ลงทุนมีศักยภาพในการสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดี และมีภูมิคุ้มกันไม่ถูกหลอกลวง (สำนักงาน ก.ล.ต.) 6) โครงการกรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) สำหรับเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2566 [สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)] และ 7) โครงการ “ชม ชิม ช้อป ยาสูบเชียงราย” [การยาสูบแห่งประเทศไทย (กสท.)] | |
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ
 
							

 
			 
			