เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในโรงพยาบาล 70 แห่ง และหน่วยงานทางการแพทย์ใน 30 เมืองของเมียนมานัดหยุดงานประท้วงกองทัพเมียนมาที่ก่อเหตุรัฐประหารยึดอำนาจปกครองประเทศ - ประชาชนต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพด้วยการออกมาบีบแตรรถ เคาะหม้อ เคาะกระทะ บนท้องถนน และเตรียมอารยะขัดขืน รวมถึงการไม่ซื้อสินค้าและใช้บริการธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์กับกองทัพ | ที่มาภาพ: soe zeya tun

3 ก.พ. 2564 กลุ่มเคลื่อนไหวอารยะขัดขืนเมียนมาระบุแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กว่า กองทัพเมียนมาที่ก่อเหตุรัฐประหารเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า พวกเขาเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองมากกว่าประชาชนชาวเมียนมาที่ตกเป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งกำลังเผชิญกับความยากลำบากในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ดังนั้น พวกเขาจึงปฏิเสธที่จะเชื่อฟังคำสั่งใด ๆ ก็ตามที่มาจากระบอบทหารนอกกฎหมายที่แสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้สนใจใยดีต่อผู้ป่วยที่ยากไร้ ขณะที่พ่อค้าขายหนังสือพิมพ์รายหนึ่งในนครย่างกุ้งเผยว่า เหตุรัฐประหารส่งผลกระทบต่อยอดขายหนังสือพิมพ์อย่างมาก ปกติแล้วชาวเมียนมามักจะซื้อหนังสือพิมพ์เพื่อติดตามข่าวสาร แต่ตอนนี้ไม่มีใครซื้อหนังสือพิมพ์เพราะมีรูปภาพผู้นำทหารเต็มไปหมด หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไปก็อาจทำให้ผู้ขายหนังสือพิมพ์มีรายได้ลดลง

พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่ายกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐบาลใหม่ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกว่า กองทัพเมียนมาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการยึดอำนาจหลังจากที่คณะกรรมการเลือกตั้งปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตการเลือกตั้งของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของนางออง ซาน ซู จี นอกจากนี้ เขายังให้สัญญาว่าจะจัดการเลือกตั้งที่โปร่งใสและยุติธรรมขึ้นใหม่อีกครั้ง และจะส่งมอบอำนาจให้แก่ผู้ชนะผลการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่แน่นอน

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2564 ชาวเมียนมาในนครย่างกุ้ง ต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพด้วยการออกมาบีบแตรรถ เคาะหม้อ เคาะกระทะ บนท้องถนน และเตรียมอารยะขัดขืน รวมถึงการไม่ซื้อสินค้าและใช้บริการธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์กับกองทัพ

เสียงเคาะหม้อ เคาะกระทะ-กะละมัง ดังไปทั่วหอพักและอาคารอพาร์ตเมนต์ในนครย่างกุ้ง เป็นหนึ่งในการแสดงอารยะขัดขืนของบรรดาพลังเงียบชาวเมียนมา ที่ไม่พอใจกองทัพทำรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี นำโดยนางออง ซาน ซูจี ที่ตอนนี้ยังคงถูกควบคุมตัวพร้อมกับแกนนำพรรคและสมาชิกรัฐสภาคนอื่นๆ อีกนับร้อยคน นอกจากการเคาะหม้อแล้ว ผู้คนยังบีบแตรรถยนต์ดังไปทั่วถนนหลายสายในนครย่างกุ้ง

ขณะที่ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กจำนวนมากเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตนเองเป็นรูปใบหน้านางซูจี เพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนผู้นำหญิงแกร่งของพวกเขา และเริ่มมีการเคลื่อนไหวทางสื่อออนไลน์ ชักชวนให้ร่วมกระทำการอารยะขัดขืน รวมถึงการไม่ซื้อสินค้าและใช้บริการธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์กับกองทัพ

บรรดาบุคลากรทางการแพทย์ในหลายเมืองทั่วประเทศประกาศจะผละงานเพื่อประท้วง หลังรัฐมนตรีสาธารณสุขของเมียนมาที่ประกาศลาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งอาจกระทบต่อความพยายามของทางการเมียนมาในการควบคุมโควิด-19 ระลอกใหม่

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โดยรวมในเมียนมายังเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย และกองทัพดูเหมือนจะควบคุมทุกอย่างไว้ได้แบบเบ็ดเสร็จนับตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อวันจันทร์ ขณะที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้กองทัพปล่อยตัวนางซูจี พร้อมด้วยประธานาธิบดีวิน มินต์ และนักการเมืองทั้งหมดที่ถูกจับกุมและถูกกักบริเวณในบ้านพักโดยเร็ว

มีรายงานว่า สมาชิกรัฐสภากว่า 400 คนที่ถูกกองทัพควบคุมตัวภายในที่พักของสมาชิกรัฐสภาในกรุงเนปิดอว์ตั้งแต่วันก่อน ได้รับการปล่อยตัวแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวของนางซูจี ว่าได้รับการปล่อยตัวแล้วหรือไม่ หรือถูกกักตัวอยู่ที่ใด

ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2]