ข้อเสนอการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการสมัครงานกับบริษัทเอกชน

กองบรรณาธิการ TCIJ 13 ก.ค. 2564 | อ่านแล้ว 4269 ครั้ง

ข้อเสนอการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการสมัครงานกับบริษัทเอกชน

คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินงานการตรวจสอบที่มีต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน (เรื่อง การเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการสมัครงานกับบริษัทเอกชน) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) 

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2564 คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินงานการตรวจสอบที่มีต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน (เรื่อง การเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการสมัครงานกับบริษัทเอกชน) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป

เรื่องเดิม

1. กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนหลายรายในกรณีบริษัทเอกชนให้ผู้สมัครงานซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีตรวจสุขภาพและตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนรับเข้าทำงาน อันอาจเป็นเหตุให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีถูกปฏิเสธการรับเข้าทำงาน แม้ว่าลักษณะงานไม่มีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด จึงเป็นกรณีเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการสมัครงานกับบริษัทเอกชน

2. กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวยังไม่มีกฎหมาย กฎเกณฑ์เฉพาะที่มีสภาพบังคับเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในโลกแห่งการทำงาน แม้ว่าจะมียุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. 2560 - 2573 แนวปฏิบัติแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานที่ทำงาน ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง แนวทางการป้องกันและบริหารจัดการด้านเอดส์และวัณโรคในสถานประกอบกิจการ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 การจัดทำมาตรฐานการบริหารจัดการเอดส์ในสถานประกอบกิจการ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550 (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่อง การให้โอกาสผู้ติดเชื้อเอดส์ คนพิการ และผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดซึ่งพ้นจากสภาพการใช้ยาเสพติด เข้าทำงาน หรือรับการศึกษาต่อในหน่วยงานภาครัฐ) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการสร้างเสริมความเป็นธรรมในสังคมเรื่องสิทธิ โอกาสและความเสมอภาคแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ปรากฏผลในทางปฏิบัติในการคุ้มครองสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากยุทธศาสตร์และแนวปฏิบัติข้างต้นเป็นเพียงมาตรการเชิงบวกในลักษณะของการขอความร่วมมือตามความสมัครใจ และการสร้างจิตสำนึกจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น กสม. จึงมีข้อเสนอแนะในการแก้ไข ปรับปรุง กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนต่อคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

3. รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งมอบหมายให้ รง. เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยให้ รง. สรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

รง. รายงานว่า ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สธ. สคก. สำนักงานประกันสังคม สมาคมแนวร่วมภาคธุรกิจไทยต้านภัยเอดส์ สภาหอการค้าไทย และนายแพทย์ธีระ วรธราวัฒน์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ผู้ทรงคุณวุฒิ) แล้ว ซึ่งมีผลสรุปได้ ดังนี้

ข้อเสนอแนะ กสม.

สรุปผลการพิจารณา

1. คณะรัฐมนตรีควรดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองแรงงานในภาคเอกชนให้ครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองสิทธิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในโลกแห่งการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้แสวงหางานทำที่ยังมิได้อยู่ในฐานะลูกจ้าง และผู้มีฐานะเป็นลูกจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและกฎหมายอื่นตั้งแต่กระบวนการพิจารณารับเข้าทำงาน การกำหนดเงื่อนไขในการจ้างงาน การเลื่อนตำแหน่ง และการสิ้นสุดการจ้าง เพื่อให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกับบุคคลอื่น โดยควรนำเอาแนวปฏิบัติระหว่างประเทศว่าด้วยเชื้อเอชไอวี/เอดส์ กับสิทธิมนุษยชน ในส่วนที่เกี่ยวข้องมาเป็นแนวทางในการดำเนินการ

1. กระบวนการแก้ไขกฎหมายจะต้องมีการศึกษาอย่างรอบคอบ เพื่อให้มีการพัฒนา มีความสงบเรียบร้อย มีความเป็นธรรม ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้มีการคุ้มครองและได้รับสิทธิที่เหมาะสม

2. รง. ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยคณะทำงานได้ศึกษากฎหมายและแนวปฏิบัติระหว่างประเทศว่าด้วยเชื้อเอชไอวี/เอดส์กับสิทธิมนุษยชน และข้อเสนอแนะขององค์การแรงงานระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องมาเป็นแนวทางในการดำเนินการ

3. คณะทำงานฯ ได้ปรับปรุงแบบตรวจสอบ (Check List) ของพนักงานตรวจแรงงานให้มีการตรวจสอบการละเมิดสิทธิลูกจ้างผู้ติดเชื้อเอชไอวี และให้มีการพิจารณาปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ให้คุ้มครองสิทธิและไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อลูกจ้างผู้ติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ เพื่อเป็นกลไกในการส่งเสริม ติดตาม และประเมินผลให้ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไป

4. รง. ได้ออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การป้องกันและบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานประกอบกิจการแล้ว เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 และได้ส่งให้หน่วยปฏิบัติทั่วประเทศใช้ในการส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการนำไปปฏิบัติ รวมทั้งได้เผยแพร่ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานแล้ว

2. คณะรัฐมนตรีควรมีการจัดตั้งกลไกการคุ้มครองและตรวจสอบการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในโลกแห่งการทำงาน เพื่อทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบ และดำเนินการให้มีการเยียวยาผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ถูกเลือกปฏิบัติ อันจะทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวีอย่างมีประสิทธิภาพ

1. รง. ได้มีหนังสือถึงหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศ กำชับและติดตามให้มีการส่งเสริมสถานประกอบกิจการปฏิบัติตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง แนวทางการป้องกันและบริหารจัดการด้านเอดส์และวัณโรคในสถานประกอบกิจการ ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 ตามแผนการส่งเสริมสวัสดิการนอกเหนือกฎหมาย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้มีการประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างทราบเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพื่อมิให้นายจ้างเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวีของลูกจ้าง โดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง หากละเมิดจะได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด

2. รง. ได้ร่วมมือกับกรมควบคุมโรคและสมาคมแนวร่วมธุรกิจไทยต้านภัยเอดส์ในการส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการดำเนินการตามมาตรฐาน ASO Thailand เพื่อมิให้การเลือกปฏิบัติกับแรงงานผู้ติดเชื้อเอชไอวีมาอย่างต่อเนื่อง และได้เข้าร่วมโครงการ Thailand Partnership For Zero Discrimination Costed Operational Plan โดยโครงการนี้จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านเอดส์เสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาการตีตราและเลือกปฏิบัติกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่ง รง. ได้เสนอโครงการอบรมพนักงานตรวจแรงงานให้มีความรู้ด้านเอดส์ รวมถึงมาตรฐาน ASO Thailand ด้วยแล้ว

3. สธ. มีกลไกในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ดังนี้

3.1 ด้านการคุ้มครองเยียวยาผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยได้วางแผนการดำเนินงานด้านการป้องกันและดูแลรักษา ซึ่งประเทศไทยมียุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ กำหนดแผนระยะยาวตั้งแต่ปี 2560 – 2573 โดยมีเป้าหมายที่จะยุติปัญหาเอดส์เป็นประเทศแรกในปี 2573

3.2 ด้านการป้องกัน ดังนี้

3.2.1 สำรวจทัศนคติของประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวีทุก ๆ 5 ปี

3.2.2 มีแนวปฏิบัติแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและการบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานที่ทำงานซึ่งประกาศใช้ในปี 2552

3.3 ด้านการเฝ้าระวังมีคณะอนุกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ มีหน้าที่ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ โดยรับเรื่องร้องเรียนกรณีประชาชนถูกบริษัทปฏิเสธการรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าทำงาน และส่งเสริมทำความเข้าใจกับบริษัทถึงสถานการณ์เอดส์ในปัจจุบัน

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: