แอมเนสตี้แถลงหลังทางการไทยประกาศ "ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว" คุมเข้ม 10 จังหวัด

กองบรรณาธิการ TCIJ 13 ก.ค. 2564 | อ่านแล้ว 1948 ครั้ง

แอมเนสตี้แถลงหลังทางการไทยประกาศ

แอมเนสตี้ย้ำทางการไทยต้องใช้มาตรการเกี่ยวกับโรคโควิด-19 เพื่อควบคุมโรคระบาด ไม่ใช่เพื่อจำกัดสิทธิมนุษยชนโดยพลการ

13 ก.ค. 2564 จากกรณีที่ทางการไทยได้ประกาศใช้มาตรการป้องกันไวรัสอย่างเข้มงวดในพื้นที่กรุงเทพฯ และอีก 9 จังหวัด โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 12 กรกฎาคม เป็นต้นไป  แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องทางการให้ใช้มาตรการควบคุมเหล่านี้เพียงเพื่อแก้ปัญหาอัตราการติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ต้องไม่นำมาใช้เพื่อลงโทษโดยพลการ หรือไม่ได้สัดส่วนกับบุคคลที่ออกมาใช้สิทธิของตนเอง

ในวันที่ 9 กรกฎาคม ทางการไทยได้ประกาศมาตรการควบคุมใหม่เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่อัตราการติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบรุนแรงด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรการใหม่เหล่านี้ รวมถึงการประกาศเคอร์ฟิว การจำกัดการเดินทาง การปิดห้างสรรพสินค้า และการจำกัดการทำกิจกรรมสาธารณะที่มีการรวมตัวกันของบุคคลห้าคนหรือมากกว่านั้น ประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ยังไม่สามารถออกจากที่พักระหว่างสามทุ่มถึงตีสี่

มิงยู ฮาห์ รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายรณรงค์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ทางการไทยต้องแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยใช้มาตรการที่สอดคล้องกับหลักการด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการควบคุมจำกัดที่มีสัดส่วนเหมาะสม เป็นการดำเนินงานชั่วคราวและมุ่งประโยชน์อย่างชัดเจนเพื่อคุ้มครองสาธารณสุขที่จำเป็น

“ทางการควรเน้นการจัดหาวัคซีนที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคนโดยเร็วสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าพวกเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน และมีความสามารถในการซื้อหรือไม่ โดยให้เริ่มจากการฉีดวัคซีนกลุ่มที่มีความจำเป็นมากที่สุดก่อน”

“แม้การควบคุมหรือจำกัดสิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบอาจกระทำได้ หากเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองสาธารณสุขของสังคม แต่บุคคลที่ถูกดำเนินคดีจากการละเมิดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม อันเป็นผลมาจากการชุมนุมโดยสงบจะต้องไม่ถูกลงโทษจำคุก” 

“นอกจากนั้น ประชาชนยังต้องสามารถแสดงความเห็นได้อย่างเสรีผ่านโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาลโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีอาญา” 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังเรียกร้องอีกครั้งให้ทางการยกเลิกการดำเนินคดีอาญาใด ๆ ต่อบุคคลหลายร้อยคนที่ทำการชุมนุมและเข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบ ในช่วงกว่า 12 เดือนที่ผ่านมา

นอกจากนั้น ในขณะที่ประเทศไทยกำลังรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งใหญ่สุด นับตั้งแต่เกิดการระบาดขึ้นมา แอมเนสตี้เรียกร้องทางการไทยให้จัดทำและดำเนินการตามแผนการจัดสรรวัคซีนระดับชาติที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากสุด และให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับกลุ่มที่มักต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากโรคโควิด-19 

ทางการควรประกันว่าบุคคลทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือ เป็นกลางและมีหลักฐานสนับสนุนเกี่ยวกับวัคซีน และดำเนินการทั้งปวงเพื่อประกันให้มีการกระจายวัคซีนอย่างเป็นผลและรวดเร็ว เพื่อคุ้มครองระบบสาธารณสุขและให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับสิทธิและสวัสดิภาพของผู้ทำงานด้านสุขภาพ 

 

ข้อมูลพื้นฐาน 

คนไทยหลายหมื่นคนได้ออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องการปฏิรูปในระบอบประชาธิปไตย ตลอดทั้งปี 2563 รวมทั้งปี 2564 ที่กรุงเทพฯ เมืองหลวง และตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ 

ในขณะที่การประท้วงเริ่มซาลง เนื่องจากการะบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 ทางการได้เอาผิดทางอาญาและควบคุมตัวผู้ประท้วงอย่างสงบ โดยใช้อำนาจตามมาตรการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ใช้รับมือกับโรคโควิด-19 แม้ว่าในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีการระบาดจนทำให้มีผู้ติดโรคหลายพันคนในเรือนจำของประเทศ 

ตามข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2563 ถึงมิถุนายน 2564 มีบุคคลอย่างน้อย 695 คนที่ถูกดำเนินคดีอาญา รวมทั้งในข้อหายุยงปลุกปั่น หมิ่นประมาทกษัตริย์ ความผิดทางคอมพิวเตอร์ การละเมิดกฎหมายชุมนุมสาธารณะ โดยมีการดำเนินคดีกับผู้ประท้วงอย่างสงบ 374 คดี ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 44 คน ทั้งยังมีผู้ประท้วง 18 คนที่ถูกดำเนินคดีข้อหาละเมิดอำนาจศาล โดยมีนักกิจกรรมหนึ่งคนที่ถูกศาลตัดสินจำคุกสี่เดือนแล้วช่วงปลายเดือนมีนาคม 2564  

ตามข้อกำหนดฉบับที่ 27 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน การละเมิดมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่ประกาศใหม่นี้ อาจส่งผลให้ถูกจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท  

ทั้งนี้รวมถึงการเสนอข่าวหรือการทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนทั่วราชอาณาจักร

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: