จับตา: เปิดร่างแผนปฏิบัติการสาธารณสุขเขตสุขภาพพิเศษแห่งชาติ ระยะที่ 1 ปี 2562-2565

กองบรรณาธิการ TCIJ 30 ก.ค. 2563 | อ่านแล้ว 2137 ครั้ง


เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการสาธารณสุขเขตสุขภาพพิเศษแห่งชาติ* ระยะที่ 1 พ.ศ. 2562 – 2565 ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ

* เขตสุขภาพพิเศษ หมายถึง พื้นที่ที่มีบริบทเฉพาะแตกต่างจากพื้นที่ปกติ และไม่สามารถใช้แนวทางบริหารจัดการงานด้านสาธารณสุขแบบทั่วไปเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างครอบคลุม ประกอบด้วย เขตพื้นที่สาธารณสุขทางทะเล เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เขตพื้นที่สาธารณสุขชายแดน และเขตพื้นที่เฉพาะ (ประชากรต่างด้าว)


สาระสำคัญของเรื่อง

                  
สธ. รายงานว่า
                  
1. ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติวันที่ 6 มิถุนายน 2560 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสาธารณสุขเขตสุขภาพพิเศษแห่งชาติ (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 92/2561 ลงวันที่ 23 เมษายน 2561) โดยมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย กรอบทิศทาง ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านสาธารณสุขในภาวะปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน และการจัดระบบดูแลสุขภาพประชาชนที่เหมาะสมสอดคล้องกับนโยบายการสาธารณสุขเขตสุขภาพพิเศษ โดยมีเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านสาธารณสุข และเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ
                  
2. สธ. โดยสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการสาธารณสุขเขตสุขภาพพิเศษแห่งชาติได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำร่างแผนปฏิบัติการสาธารณสุขเขตสุขภาพพิเศษแห่งชาติ ระยะที่ 1 พ.ศ. 2562 – 2565 ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการการสาธารณสุขเขตสุขภาพพิเศษแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการดังกล่าวรวมทั้งกรอบวงเงินงบประมาณและให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
                  
3. สธ. แจ้งว่า ร่างแผนปฏิบัติการฯ มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ 2561 - 2580) ใน 4 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ (1) ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง โดยมุ่งเน้นการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานในพื้นที่ให้มีความเชื่อมโยงกันเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับแต่ละพื้นที่ (2) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันในการพัฒนาการบริการสาธารณสุขในบริเวณพื้นที่เฉพาะ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรสาธารณสุขเฉพาะด้าน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนด้านการแข่งขันของประเทศ (3) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ในการเสริมสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดีโดยเน้นปรับเปลี่ยนและพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่ทันสมัยได้ตามมาตรฐานสากล (4) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ในการพัฒนาบริการด้านการแพทย์และด้านสาธารณสุขเพื่อรองรับอย่างเพียงพอ สร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข และสร้างหลักประกันทางสังคมที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับทุกกลุ่ม และสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เช่น แผนแม่บทการเสริมสร้างความมั่นคง แผนแม่บทการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และแผนแม่บทการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นต้น รวมทั้งสอดคล้องกับแผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ตามเป้าหมายที่กำหนดในแผนคือประชาชนมีสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเป็นธรรมสำหรับประชาชนทุกกลุ่มในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นอย่างมีคุณภาพโดยประเทศสามารถรองรับค่าใช้จ่ายด้านหลักประกันสุขภาพได้อย่างยั่งยืน และมีแหล่งเงินที่เพียงพอสำหรับการจัดบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง อีกทั้งยังสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 เกี่ยวกับประเด็นด้านสาธารณสุขใน 2 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยจัดบริการด้านสุขภาพให้กับประชากรที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล และกระจายการให้บริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพให้ครอบคลุมและทั่วถึง และ (2) ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความมั่งคั่งและยั่งยืน โดยสร้างความร่วมมือในประเทศ/ต่างประเทศในการวางระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ
                  
4. ร่างแผนปฏิบัติการฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

หัวข้อ สาระสำคัญ
วิสัยทัศน์ ประชาชนในเขตสุขภาพพิเศษมีสุขภาพดี นำไปสู่ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
พันธกิจ ส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการสาธารณสุขเขตสุขภาพพิเศษ
วัตถุประสงค์ 1. สามารถจัดบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของทุกพื้นที่ในประเทศ
2. ประชาชนในเขตสุขภาพพิเศษได้รับบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและเป็นธรรม
3. มีการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขเขตสุขภาพพิเศษ
เป้าหมาย 1. ประชาชนในเขตสุขภาพพิเศษมีสุขภาพดี
2. ประชาชนในเขตสุขภาพพิเศษสามารถเข้าถึงระบบบริการสุขภาพที่จำเป็นได้อย่างครอบคลุม
3. มีกลไกการจัดการอย่างบูรณาการและการสนับสนุนให้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน
ระยะเวลา ระยะเวลา 4 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 - 2565)
กรอบวงเงิน
งบประมาณ
 
 
 
 
 
 
รวมทั้งสิ้น 5,078.15 ล้านบาท (จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของ สธ.)
ปีงบประมาณ วงเงิน (ล้านบาท)
2562 504.70
2563 1,664.87
2564 1,594.71
2565 1,313.87
รวมทั้งสิ้น 5,078.15
ตัวชี้วัด
ตามเป้าหมาย
1. อัตราป่วย/ตายด้วยโรคที่สำคัญของประชาชนในเขตสุขภาพพิเศษ
2. ความครอบคลุมของการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนในเขตสุขภาพพิเศษ
3. จำนวนกลไกและระดับของการบูรณาการของภาคส่วนต่าง ๆ ในการดำเนินการ
การดำเนินงาน
แผนปฏิบัติการ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ประกอบด้วยงานสาธารณสุขรวม 4 ด้าน ได้แก่
ด้านสาธารณสุขทางทะเล ด้านเขตพัฒนาพิเศษ
ภาคตะวันออก
ด้านสาธารณสุขชายแดน ด้านเขตพื้นที่เฉพาะ (ประชากร
ต่างด้าว)
สถานการณ์/สภาพปัญหา
- ประสิทธิภาพของสถานบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิยังจำกัด
- ปัญหาสุขาภิบาลอาหารและน้ำในพื้นที่ทางทะเล
- ขาดการพัฒนาความรู้ด้านเวชศาสตร์ทางทะเล
 
 
 
ประเด็นพัฒนา
- บูรณาการ
เครือข่ายการดูแลและช่วยเหลือ
ประชาชน/
นักท่องเที่ยว
- พัฒนาการ
สาธารณสุข
ทางทะเล
ให้เป็นเลิศและมี
มาตรฐานสากล
- สร้างคุณค่า
ของสาธารณสุขทางทะเลสู่มูลค่า
ทางเศรษฐกิจ
พื้นที่เป้าหมาย
5 จังหวัด
ภูเก็ต ชลบุรี กระบี่ พังงา
และสุราษฎร์ธานี
 
 
 
งบประมาณ
843 ล้านบาท
สถานการณ์/สภาพปัญหา
- มีประชากร
เพิ่มขึ้นจากนโยบาย EEC
- มีโรคจาก
การประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม
- มีปัญหาอุบัติเหตุจราจร
- มีโรคอุบัติใหม่หรืออุบัติซ้ำ
 
 
 
ประเด็นพัฒนา
- พัฒนาระบบบริการสุขภาพให้ทันสมัย สอดคล้องกับบริบทในแต่ละพื้นที่
- ส่งเสริมการ
ป้องกันและควบคุมโรค จัดการ
ภัยสุขภาพ
และพัฒนา
อาชีวเวชศาสตร์
- ส่งเสริม
การพัฒนาเป็น
Medical Hub
พื้นที่เป้าหมาย
3 จังหวัด
ชลบุรี
ฉะเชิงเทรา
และระยอง
 
 
 
งบประมาณ
3,629.80 ล้านบาท
สถานการณ์/สภาพปัญหา
- การเข้าถึง
บริการสุขภาพ
ของบุคคลไร้รัฐ
- การควบคุม
ป้องกัน ติดตาม และรักษา
โรคติดต่อ
เช่น วัณโรค
- การลักลอบ
นำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัย
 
ประเด็นพัฒนา
- พัฒนา
ศักยภาพ/กลไกความร่วมมือ
ระหว่างประเทศด้านระบบป้องกันสุขภาวะอนามัยในพื้นที่ชายแดน
- คุ้มครอง
ผู้บริโภคด้าน
บริการสุขภาพ/
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
 
 
 
พื้นที่เป้าหมาย
4 จังหวัด
น่าน ตาก
สระแก้ว
และระนอง
 
 
 งบประมาณ
578.13 ล้านบาท
สถานการณ์/สภาพปัญหา
- ปัญหา
เรื่องสุขภาพของ
แรงงานต่างด้าว
- ปัญหาสถานะสิทธิ
- แรงงานต่างด้าว
ไม่มีหลักประกัน
สุขภาพ
- ปัญหาผลกระทบ
ต่อความมั่นคง
ของชาติ
และความปลอดภัย
 
 
ประเด็นพัฒนา
- พัฒนารูปแบบหลักประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว
- เพิ่มอัตราการ
เข้าถึงบริการ
สาธารณสุข
- จัดระบบ
สนับสนุน
สาธารณสุขสำหรับประชากรต่างด้าว
 
 
 
 
พื้นที่เป้าหมาย
7 จังหวัด
ตาก ระนอง สมุทรสาคร
สมุทรปราการ
กรุงเทพมหานคร
ปทุมธานี
และระยอง
งบประมาณ
27.22 ล้านบาท
กลไกการบริหารจัดการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 1. ใช้กลไกคณะกรรมการการสาธารสุขเขตสุขภาพพิเศษในการกำหนดกรอบทิศทาง นโยบาย อำนวยการ และสนับสนุนให้มีการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน ให้คำปรึกษา กำกับ ติดตาม ประเมินผลงาน และรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ
2. จัดตั้งคณะอนุกรรมการการสาธารณสุขเขตสุขภาพพิเศษ 4 ด้าน เพื่อจัดทำ บริหารและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ และรายงานต่อคณะกรรมการฯ ทราบเป็นระยะ
3. สป.สธ. เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานและบูรณาการภาพรวมทั้ง 4 ด้าน
4. ประชุมชี้แจงเพื่อถ่ายทอดแผนปฏิบัติการฯ สู่การปฏิบัติของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
5. จัดระบบช่องทางการสื่อสารสำหรับผู้ประสานงาน
6. สร้างกลไกในการทบทวนและปรับปรุงแผนทุก 1 ปี
7. กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน
การติดตาม
และประเมินผล
1. กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน โดยใช้กลไกการติดตามและประเมินผลร่วมกับแผนงานปกติ รวมถึงการประยุกต์ใช้รายงานการประเมินตนเอง
2. กำหนดให้รายงานผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2 (6 เดือน) และไตรมาสที่ 4 (12 เดือน)
3. กำหนด/มอบหมายหน่วยงานใน สป.สธ. เป็นหลักในการกำกับ ติดตาม และประเมินผล
4. หน่วยงานที่เป็นแกนหลักรายงานผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือน และ 12 เดือน ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
5. กำกับ ติดตาม และประเมินผลภาพรวมของแผนปฏิบัติการฯ โดยคณะกรรมการฯ

 
11. เรื่อง รายงานผลการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. 2562            

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอรายงานผลการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. 2562 ระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน 2562-31 พฤษภาคม 2563 (ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. 2562 มาตรา 6 วรรคสี่ ที่บัญญัติให้ รง. จัดทำรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ จำนวนคดี การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการดำเนินงานในอนาคตเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงานในงานประมงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ประกอบกับประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การรายงานผลการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. 2562 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 กำหนดให้ รง. จัดทำรายงานผลการดำเนินการตามพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว เสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี) สรุปได้ดังนี้
                   
1. ด้านนโยบาย (Policy) แต่งตั้งคณะทำงานกำกับและติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมงเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงาน พร้อมออกกฎหมายลำดับรองเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมงทั้งระบบ
                   
2. ด้านการป้องกัน (Prevention) บริหารจัดการแรงงานประมงและเรือประมงให้เป็นไปตามกฎหมาย แก้ไขปัญหาผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ออกใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ในน่านน้ำไทย ในรอบปีการประมง พ.ศ. 2563-2564 จำนวน 10,202 ลำ ออกใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์นอกน่านน้ำไทย จำนวน 6 ลำ จดทะเบียนเรือขนถ่ายสัตว์น้ำนอกน่านน้ำไทย จำนวน 9 ลำ ต่ออายุใบอนุญาตใช้เรือประมง จำนวน 9,575 ลำ ต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงออกไปอีก 2 ปี จำนวน 34,590 คน ส่งเสริมการนำเข้าแรงงานประมงตามระบบ MOU จำนวน 1,280 คน ตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวเพื่อแสดงความพร้อมในการทำงานบนเรือประมง จำนวน 92,233 คน จัดฝึกอบรมเตรียมความพร้อมให้กับแรงงานประมงก่อนการทำงาน จำนวน 1,507 คน บริหารจัดการศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวเพื่อให้ความช่วยเหลือแรงงานประมง จำนวน 1,595 ราย และส่งเสริมให้สถานประกอบการนำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดีไปใช้ จำนวน 13,086 แห่ง
                   
3. ด้านการบังคับใช้กฎหมาย (
Prosecution) ตรวจเรือประมง ณ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก (PIPO) จำนวน 37,054 เที่ยว พบการกระทำความผิด 9 ลำ ตรวจเรือประมงกลางทะเล จำนวน 508 ลำ พบการกระทำความผิด 2 ลำ รวมทั้งจับกุมและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานในประมงทะเล จำนวน 3 คดี
                   
4. ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือ (Protection) ช่วยเหลือลูกเรือประมงไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ จำนวน 3 ราย จ่ายประโยชน์ทดแทนให้กับแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเลโดยใช้กองทุนประกันสังคม จำนวน 2,068,238 บาท และกองทุนเงินทดแทน จำนวน 14,878,996 บาท ขึ้นทะเบียนกองทุนประกันสุขภาพคนต่างด้าว จำนวน 70,867 คน และคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในกิจการประมงทะเล จำนวน 5 ราย
                   
5. ด้านการมีส่วนร่วม (Partnership) จัดทำโครงการสิทธิจากเรือสู่ฝั่ง (Ship to Shore Rights Project) ร่วมกับสหภาพยุโรปและองค์การแรงงานระหว่างประเทศ โดยกำหนดและดำเนินมาตรการปกป้องและส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิแรงงานทางทะเลและแรงงานต่างด้าวจนนำไปสู่การให้สัตยาบันพิธีสารส่วนเสริมอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 29 ว่าด้วยแรงงานบังคับ และอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง นอกจากนี้ ได้จัดตั้งศูนย์อภิบาลผู้เดินทางทะเลจังหวัดสงขลา ตลอดจนดำเนินโครงการ ATLAS Project ร่วมกับกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา เพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาแรงงานเด็ก การใช้แรงงานบังคับ และการค้ามนุษย์ เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
                  
นอกจากนี้ รง. ได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานในอนาคตเพื่อให้แรงงานในงานประมงได้รับการคุ้มครองสิทธิสอดคล้องตามมาตรฐานสากล เช่น การกำหนดแผนปฏิบัติการประจำปี การกำหนดกลไกในการดำเนินงานและบรรทัดฐานในการคุ้มครองแรงงานประมง การสร้างเครือข่ายความร่วมมือและผลักดันกลไกของหน่วยงานภาครัฐ และการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. 2562

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: