11 ก.พ. ไทยพบผู้ป่วยไวรัสโคโรนาเพิ่มอีก 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวจีนมาตั้งแต่ก่อนปิดเมืองอู่ฮั่น

กองบรรณาธิการ TCIJ 11 ก.พ. 2563 | อ่านแล้ว 1904 ครั้ง

11 ก.พ. ไทยพบผู้ป่วยไวรัสโคโรนาเพิ่มอีก 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวจีนมาตั้งแต่ก่อนปิดเมืองอู่ฮั่น

11 ก.พ. 2563 สธ.เผยมีผู้ป่วยโคโรนาไวรัสเพิ่ม 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนมาตั้งแต่ก่อนปิดเมืองอู่ฮั่น ระบุเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยรายที่ 22 มีการติดตามเฝ้าระวังอาการทุกวัน จนกระทั่งพบว่ามีไข้ แล้วเอาเข้าห้องแยกโรคทันที ไม่ต้องกังวลแพร่เชื้อ ส่งผลไทยมีผู้ป่วยยืนยันรวม 33 ราย รักษาหาย 10 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 693 ราย คัดกรองจากสนามบิน 51 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 642 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 336 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 357 ราย - กรณีเรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม ขอเทียบท่าที่แหลมฉบัง ขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้เรือเทียบท่าในเขตประเทศไทย

11 ก.พ. 2563 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 33 ราย โดยเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 54 ปี มาจากเมืองอู่ฮั่น เดินทางมาก่อนปิดเมือง โดยรายนี้เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นผู้ป่วยรายที่ 22 แต่ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องของการแพร่เชื้อ เพราะตามปกติจะมีการติดตามเฝ้าระวังจนครบ 14 วัน หากมีไข้มีอาการก็จะนำเข้าสู่ห้องแยกโรค เพื่อรักษาและวินิจฉัย ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ก็เช่นกัน มีการเฝ้าระวังไข้ทุกวัน และเมื่อพบว่ามีไข้ เลยนำตัวเข้ามาที่ห้องแยกโรค สถาบันบำราศนราดูร เมื่อวันที่ 6 ก.พ. และดูแลรักษา โดยผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ออกมาเมื่อวันที่ 8 ก.พ. ว่าพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อย่างไรก็ตาม อาการโดยรวมมีไข้ ไอ เจ็บคอ แต่อาการดีขึ้นโดยลำดับ

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ภาพรวมผู้ป่วยยืนยันในไทยเริ่มทรงตัว หรือชะลอตัว แต่ก็ขึ้นกับสถานการณ์ โดยขณะนี้หลายประเทศจำนวนผู้ป่วยได้แซงหน้าไทยไปแล้ว เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ส่วนผู้ป่วยยืนยันภาพรวมอาการดีขึ้น หลายรายพร้อมให้กลับบ้าน แต่ยังติดเรื่องเงื่อนไขที่วางไว้สูงสุด โดยผลตรวจแล็บต้องไม่พบเชื้อ โดยผู้ที่รักษาหายกลับบ้านยังคงเดิมที่ 10 ราย

นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยหญิงชาวจีนที่ รพ.ราชวิถี ผลแล็บเป็นลบ สามารถออกจากห้องแยกโรคแล้ว ส่วนผู้ป่วยยืนยันที่อยู่ในการดูแลของ รพ.ราชวิถี และสถาบันโรคทรวงอก มีทั้งหมด 7 ราย ทั้งหมดอาการดี ไม่มีอาการรุนแรง และบางรายผลแล็บเป็นลบเช่นกันก็น่าจะมีผู้ป่วยรักษาหายรายที่ 11 12 ออกมาอีก ส่วนการเฝ้าระวังและติดตามผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนดรค ได้มีการประสาน รพ.เอกชน และ รพ.ทุกภาคส่วน เตรียมห้องแยกโรครองรับไว้พอสมควร เผื่อสถานการณ์ระบาดมากกว่านี้ เรียกว่า การ์ดยังไม่ตก เต็มที่และเข้มข้นเตรียมความพร้อม นอกจากนี้ กำลังอยู่ระหว่างปรับแนวทางดูแลวินิจฉัยรักษาให้สอดคล้องกัน และอบรมเพิ่มเติมในส่วน รพ.เอกชน ส่วนเรื่องคลินิกไข้หวัด ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินมีข้อสั่งการให้เขตสุขภาพและจังหวัดที่มีกลุ่มเสี่ยง และนักท่องเที่ยว เริ่มปฏิบัติการแล้ว

เมื่อถามถึงผู้ป่วยที่ได้รับภูมิคุ้มกันจากแท็กซี่ที่หายป่วย นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า เบื้องต้นเท่าที่ทราบคืออาการยังทรงตัวทั้งสองราย

ด้าน เพจกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (Novel Coronavirus;2019-nCoV) ประจำวันที่ 11 ก.พ. 2563 ดังนี้

1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 23 ราย กลับบ้านแล้ว 10 ราย รวมสะสม 33 ราย

2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. - 10 ก.พ. 2563 มีผู้ป่วย เข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 693 ราย คัดกรองจากสนามบิน 51 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 642 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 336 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 357 ราย

3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 27 ประเทศ ข้อมูลตั้งแต่ 5 ม.ค. – 10 ก.พ. 2563 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 42,797 ราย เสียชีวิต 1,013 ราย ส่วนประเทศจีน พบผู้ป่วย 42,336 ราย เสียชีวิต 1,011 ราย

4. ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข สถานการณ์จะดีขึ้นด้วยความร่วมมือจากประชาชน อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทาง “เช็คก่อนแชร์” งดแชร์ข้อมูลผู้ป่วยทางสื่อออนไลน์ และมาจากแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแพร่หลาย เกิดความตระหนก และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โปรดติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/ และ Line@/เฟซบุ๊ค : รู้กันทันโรค,Coronavirus2019, กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประชาชนตรวจสอบข่าวลวงได้ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม www.antifakenewscenter.com

2. สธ.พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพิ่ม 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน

กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพิ่ม 1 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ป่วยยืนยันรายที่ 33 ของไทย ส่วนกรณีเรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม ขอเทียบท่าที่แหลมฉบัง ขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้เรือเทียบท่าในเขตประเทศไทย

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะแถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยในวันนี้ (11 ก.พ. 2563) คณะผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้าน รายงานพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพิ่ม 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิง อายุ 54 ปี จากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นผู้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันรายเดิม (รายที่ 22) ซึ่งถูกติดตามวัดไข้และสังเกตอาการทุกวัน เริ่มป่วยวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ รับเข้ารักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ในห้องแยกโรค นับเป็นรายที่ 33 ของไทย ซึ่งการค้นพบผู้ป่วยรายนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นของการค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการแพร่การระบาดในวงกว้าง

กรณีเรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม ขอเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ที่เป็นข่าวทางเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ เบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขได้ประสานไปยังการท่าเรือแห่งประเทศไทยและกรมเจ้าท่าทันที ทราบว่าตัวแทนเรือได้มีเอกสารประสานมาจริง ซึ่งเรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข จะได้มีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่นำโรคติดต่อ ไม่ว่าจากกลุ่มคนหรือคณะ เข้าสู่ประเทศแน่นอน

ทั้งนี้ โดยอาศัยอำนาจตาม ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ตามมาตราที่ 23 กำหนดให้มีคณะทำงานประจำช่องทางเข้าออก ประกอบไปด้วยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมเจ้าท่า ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เป็นต้น และมาตรา 24 เพื่อร่วมกันดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และกรณีที่มีเหตุสงสัยว่าเรือมาจากท้องที่หรือเมืองท่าที่มีโรคระบาด ได้มอบอำนาจให้เจ้าพนักงานฯ ควบคุมโรคติดต่อประจำด่าน ใช้อำนาจตามมาตรา 39 เพื่อเข้าไปตรวจผู้เดินทางให้เรียบร้อยก่อน จึงจะอนุญาตให้เรือเทียบท่าได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานสากลเพื่อป้องกันโรคระบาดจากต่างประเทศ

และในวันนี้ (11 ก.พ.) นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ผอ.กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และ แพทย์หญิงหรรษา รักษาคม ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ชลบุรี ได้ลงพื้นที่เพื่อหารือและซักซ้อมแนวทางกับคณะทำงานประจำช่องทางเข้าออก

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีความห่วงใยในกรณีดังกล่าว ขอยืนยันว่าขณะนี้ ยังไม่ได้อนุญาตให้เรือเข้าเทียบท่าแต่อย่างใด

สำหรับ ผลการเฝ้าระวังคนไทยที่เดินทางกลับจากอู่ฮั่น ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จำนวน 138 คน โดยวันที่ 7 ขณะนี้เฝ้าระวังอยู่ที่อาคารรับรองสัตหีบ 135 คน ทุกคนสบายดีไม่มีไข้ ส่วนอีก 3 คน ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โรงพยาบาลชลบุรี และโรงพยาบาลสัตหีบ อาการปกติไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ยังเฝ้าระวังติดตามอาการต่อเนื่องจนพ้นระยะเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค

3. ผลการดำเนินงานที่ด่านควบคุมโรค

- ตั้งแต่วันที่ 3 – 23 ม.ค. 2563 ได้เฝ้าระวังคัดกรองผู้โดยสารเที่ยวบินตรงจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. 2563 ขยายเพิ่มที่ท่าอากาศยานเชียงราย และตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2563 – 10 ก.พ. 2563 คัดกรองเที่ยวบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งขาเข้าและขาออกจากประเทศจีน สะสมทั้งสิ้น 792 เที่ยวบิน รวมคัดกรองผู้เดินทางและลูกเรือสะสม 58,362 ราย ทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดเจ้าหน้าที่หมุนเวียนไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่ด่าน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง

- ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 ได้คัดกรองพื้นที่ ณ ท่าเรือ 5 แห่ง (กรุงเทพมหานคร ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ท่าเรือภูเก็ต และท่าเรือสมุย) มีผู้ได้รับการคัดกรองสะสมรวม 43,986 ราย และด่านพรมแดนทางบก มีผู้ได้รับการคัดกรองสะสม 304,736 ราย

- นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับแจกคำแนะนำสุขภาพ (health beware card) จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค

4.ข้อแนะนำประจำวันในการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019

หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น และปฏิบัติตามคำแนะนำ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” อย่างเคร่งครัด

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: