Winter is Coming: อยากให้ลมประชาธิปไตยหวนมาอีกครั้ง

วีรวรรธน์ สมนึก The Isaander | 27 ต.ค. 2563 | อ่านแล้ว 4622 ครั้ง


ภาพ | Teerapong Seetaso

ก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 นิสิต จิรโสภณ ผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยปราศรัยคัดค้านประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 299 ของเผด็จการถนอม-ประภาส หนังสือพิมพ์สมัยนั้นระบุว่ามีผู้ชุมนุมถึง 6 พันคน

ช่วงเวลานั้น นิสิต จัดพิมพ์หนังสือเผยแพร่ความคิดก้าวหน้า อย่างโฉมหน้าจักรพรรดินิยม,สรรนิพนธ์เหมาเจ๋อตุง,วิวฒนาการสังคมนิยม สิ่งพิมพ์เหล่านั้นเป็นอีกผลพวงกระแสธารความคิดของนักศึกษาและประชาชนห้วงเวลานั้นที่ต่อต้านอเมริกา ไม่ยอมรับระบอบศักดินา และระบอบซิเนียริตี้อันเป็นรากฐานของทุกปัญหาในสังคมไทย ก่อนวันเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงจะสุกงอม หอมหวาน และโดนทุบกระหน่ำจากฝ่ายที่เรียกว่าขวาพิฆาตในเหตุการณ์สังหารหมู่ธรรมศาสตร์

จากวันนั้น สี่สิบกว่าบริเวณศาลาธรรม หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดือนตุลาคมที่อากาศเย็นลงแบบลมหนาวพัดมาทุกปลายปี ผมและช่างภาพรุ่นพี่สองคนจากกลุ่มเรียลเฟรมเดินทางไปที่นั่น หวังจะเก็บบรรยากาศการชุมนุมที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย ในลักษณาการใกล้ที่ไหนไปที่นั่น เพราะอีกหลายมุมของประเทศต่างจัดชุมนุมแบบไร้แกนนำ ภายใต้แฮชแท็กปล่อยเพื่อนเรา หลังจากดาวปราศรัยและทีมผู้จัดหลักทะยอยเข้าเรือนจำในหลากข้อหาทางการเมือง

ไปด้วยกัน- ไปได้ไกล

หลังวนรถอยู่สักพักเพราะไม่ทราบหมุดหมายที่แน่นอน ว่าสถานที่จัดงานจะเป็นอ่างแก้วหรือคณะรัฐประศาสนศาสตร์กันแน่ แล้วเราก็กลัวจะโดนแกงว่าแท้จริงม็อบจะย้ายไปหลังมหาวิทยาลัยหรือประตูท่าแพ

ท่ามกลางแวดล้อมหนุ่มสาว   ก่อนรถฮอนด้ารุ่นกลางจะวิ่งเรียบ พุ่งเสียบหัวเข้าที่จอด  เราทั้งสามผลักประตูออกมารับอากาศมนต์เมืองเหนือ ในแบบฉบับเพลงของครูไพบูลย์ บุตรขัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงนวนิยายของอภิชาติ เพชรลีลา ที่ใครบางคนอาจหล่นประโยคว่าปีนี้ไม่ต้องไปงานยี่เป็งก็มีโอกาสเจอคนรักและเพื่อนร่วมอุดมการณ์รู้ใจ

แม้ใครหลายคนจะมีประสบการณ์ไม่ดีกับการโดยสารพาหะนะชนิดนี้ในเชียงใหม่ แต่กับวันนี้รถแดง ที่เคยถูกค่อนขอดจากชนชั้นกลางเมืองหลวงว่าเป็นฐานการเมืองให้พรรคการเมืองสีเดียวกันกับรถ ก็ทำหน้าที่เป็นฐานปฏิบัติการด้านเสบียงทั้งข้าวและน้ำให้กับเหล่าผู้ชุมนุม ในนามของอดีตกำนันผู้ใหญ่บ้านของจังหวัดเชียงใหม่ ปรากฎป้ายข้อความประกาศคัดค้านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ใช้ความรุนแรงกับเด็กนักเรียน นักศึกษา ในการชุมนุมเพื่อประชาธิปไตย ไล่ประยุทธ์ จอมเผด็จการ/โกงทุกรูปแบบ เพื่อครองอำนาจ

เสียงปรบมือและเสียงเฮดังขึ้นเป็นระลอกเมื่อเราสาวเท้าเข้าใกล้จุดไฮด์ปาร์ก เวทีรถยนตร์และเครื่องเสียงตั้งอยู่หน้าศาลพระภูมิศาลาธรรม ดังกระหึ่มแผดลั่นทั่วบริเวณ

ถึงพ่อ หากประจัญกับประชาชน พ่อจงวางโล่ห์ วางกระบองตอนนั้นเลย

หนึ่งในผู้ปราศรัยกล่าวว่า พ่อเป็นคนคนหนึ่งที่เป็นคนนำพาให้ผมสู่เส้นทางเส้นนี้ พ่อเป็นไอดอลผม ผมมีพ่อคนเดียวครับ ขอส่งเสียงนี้ไปถึงพ่อหากพ่อได้ยินอยู่ หากได้ยินคำสั่งจากนายของพ่อ ให้เดินหน้าประจัญกับประชาชน พ่อจงวางโล่ห์ วางกระบองตอนนั้นเลย พ่อไม่ต้องกลัวว่าลูกคนนี้จะไม่ได้เรียนต่อถ้าไม่มีเงิน พ่อไม่ต้องกลัวว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่พ่อควรกลัวว่าอนาคตถ้าพ่อทำแบบนี้ เราจะไม่มีอะไรกินอีกแล้ว

ฝากบอกไปถึงตำรวจอื่นๆทุกท่าน โดยเฉพาะชั้นผู้น้อย โปรดหยุดการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชน เราจะแสดงออกเป็นสัญลักษณ์เดียวกัน เมื่อตำรวจมาปราบปรามเราเราจะคุกเข่าและชูสามนิ้ว มือเปล่าๆให้ทำเลย

แต่ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำไปนั้นไม่ถูก โปรดกลับหลังหัน แล้วอยู่ข้างประชาชน โล่ห์ที่ท่านถือ กระบองที่ท่านตี มาจากเงินประชาชน และเชื่อว่าท่านเองก็ไม่อยากทำร้ายประชาชน จากนี้เป็นอันรู้กันว่า เมื่อเกิดความรุนแรง เราจะยืนคุกเข่าต่อหน้าตำรวจ จากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ก็แล้วแต่สามัญสำนึกแล้ว

ทุกคนในที่นี้อย่าจงเกียจจงชังตำรวจ แต่ควรจะสนับสนุนเขาให้เขามาอยู่ข้างเดียวกับเรา อย่าทำตามคำสั่งเขา เพื่อความเปลี่ยนแปลงใหม่ และทุกคนจะเท่ากันเสมอภาคกัน

เรื่องต่อไปการรวมตัวกันในเชียงใหม่ถ้ามากพอ จะมีคนรวมกันเป็นสิบๆจุดแน่นอน

ผมอยากเรียนพี่น้องนักศึกษาและประชาชนเตรียมหม้อแกงหม้อใหญ่ๆ เบอร์กว้างๆ ต่อไปนี้การเคลื่อนไหวของเราจะปะฉะดะ  ไม่ให้เขาจับจุดเราได้ เริ่มจาก มช.นี้แน่นอน และถ้าทุกคนพร้อมเราจะออกไปข้างนอกแน่นอน

แกนนำถ้าใครถูกหมายจับ ถ้าตำรวจจะจับก็จับเลย แต่เราจะถามว่าเราทำผิดอะไร เพราะเป็นประชาชนใช่ไหมเลยจับเรา อยากจะฝากถึงทุกคนที่เป็นห่วง พ่อแม่ ผมไม่เสียใจถ้าอะไรจะเกิดขึ้นในภาคหน้า ผมไม่เสียใจที่ได้มาอยู่กับทุกๆคนตรงนี้ แต่ผมจะเสียใจถ้าประเทศเราไม่มีประชาธิปไตย สู้ต่อไปถ้าไม่มีผม ไม่มีคนไม่มีใครก็จงออกมา ถึงแม่ ฉันรักเธอมากกว่าประชาธิปไตยแน่นอน

ผู้พิทักษ์สันติ ทรราชย์
สันติราชย์สูญสิ้น เพื่อรัฐชาติ
นิติรัฐถูกย่ำยีเพื่อคนขี้ขลาด
จะสิ้นราษฎร์สิ้นทั้งชาติเพื่อราคะเดียว

ใครที่ทำความเข้าใจกับเงื่อนไขในชีวิตตัวเอง และอยากออกมาสู้เพื่ออนาคต ถ้าออกมาได้ก็ออกมาเถอะครับ เรามีความเจ็บปวดเป็นของตัวเราเอง ครั้งหนึ่งผมเคยนั่งคุยกับแม่ว่า เหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่แม่บอกว่า พอได้ไหม? ผมจึงพูดกับแม่ว่า เธอคิดว่าใครจะอยู่กับฉันไปจนวันตาย มันไม่ใช่เธอหรอกนะ มันเป็นตัวฉันเอง ฉันมีความเสียใจในอนาคตอยู่สองอย่าง คือเสียใจที่ทำแล้วมันไม่สำเร็จหรือเสียใจที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันจะเลือกเสียใจแบบไหน ฉันขอเลือกเอง

ไม่รู้ว่าแม่จะเข้าใจไหม แต่ขอให้เธอรับรู้ไว้ว่า ฉันรักเธอมากกว่าประชาธิปไตยแน่นอน เพราะมันไม่มีประชาธิปไตย เธอจึงลำบาก เธอจึงต้องทำงานหนัก เธอจึงต้องห่วงลูกตัวเอง เพราะฉันรักเธอฉันจึงออกมาสู้เพื่อเธอ

วันนี้ผมไม่ได้มาแค่ในฐานะ แค่คนพูดปราศรัย แต่ออกมาในฐานะลูกของแม่ด้วยและขอขอบคุณอาจารย์ที่ยืนเคียงข้างเรา และตำรวจชั้นผู้น้อยหากถูกกลั่นแกล้งจากการไม่ทำตามคำสั่งนาย เรื่องทำร้ายประชาชน ประชาชนจะปกป้องท่านเอง

นับแต่จากนี้คือการเริ่มศักราชใหม่ คือการที่พี่น้องพูดในสิ่งตัวเองต้องการ ประชาธิปไตยต้องการรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนและเราต้องการการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะค่าไปกรุงเทพมันแพง เราอยากชุมนุมที่นี่ แต่ต้องไปกรุงเทพเพราะมันรวมศูนย์อำนาจไว้ตรงนั้น กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆอยู่ในกรุงเทพ แต่ไม่เข้าใจว่ามีพวกพรอบพรากันด้า มีบ้านอยู่ทั่วประเทศได้ยังไง

ถ้าเราไม่ลืมว่าข้าราชตุลาการเหยียบย่ำชาวเชียงใหม่โดยการไปสร้างบ้านที่ตีนดอยอย่างไร เราก็ไม่ลืมว่าพวกพรอบพรากันด้าสร้างบ้านอยู่เหนือดอยสุเทพ

ช่วงท้ายๆของการอยู่ที่นั่น มีการปราศรัยจากนักอดีตนักศึกษาที่มาสารภาพผิดว่า เคยเป็นส่วนหนึ่งของระบบโซตัส และจากนี้ไปจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวและสนับสนุนระบบนี้อีก หลังจากวันนั้นก็มีแถลงกาณ์จากมหาวิทยาลัยต่างๆออกมายกเลิกการรับร้องแบบโซตัส

ขณะที่ช่วงท้ายนักเรียนม.ปลายขึ้นพูดประเด็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เรียกเสียงฮือฮาเกรียวกราวจากคนฟังทั้งหมด  แต่ข้อความนั้นไม่สามารถเขียนเล่าขยายออกมาได้ในโอกาสนี้ แต่เราก็จำไว้ว่าวันนี้ลมหนาวพัดมาถึงเชียงใหม่อีกครั้งแล้ว และหลายคนคงอยากให้ประชาธิปไตยหวนมาอีกครั้งด้วย

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: