คุยกันหลังหนังจบ: THE LAST OF US PART II การเดินทางของความแค้นและการค้นหาความเป็นมนุษย์

ธนเวศม์ สัญญานุจิต | 8 ก.ค. 2563 | อ่านแล้ว 4503 ครั้ง


บทความชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของเกมส์ The Last of Us part II 

The Last of Us part II เล่นจบแล้ว และคงไม่มีโอกาสจะได้สตรีม จึงมาบอกเล่าว่า นี่คือเกมที่หาญกล้ามากที่สุดในทศวรรษนี้ ต้นจนจบ เกมโยนผู้เล่นเข้าสู่ห้วงความแค้นของ 'เอลลี่' ที่ 'โจเอล' ผู้เปรียบเสมือนพ่อของเธอ ถูกฆ่าตายอย่างทารุณต่อหน้าต่อตา

เธอออกเดินทางตามหาคนที่ต้องรับผิดชอบกับการตายของโจเอล แต่ทุกการต่อสู้ ทุกการฆ่าของเอลลี่ ผู้เล่นในฐานะหนึ่งในพยานที่ร่วมทางไปกับเธอและบังคับเธอตลอดทั้งเกม ยิ่งเล่น ยิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวเอกของเรากำลังทำเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรมแล้วหรือ?

 

ใช่ เราทุกคนผูกพันกับโจเอลมาตั้งแต่ภาคแรกไม่ต่างกับเอลลี่ การฆ่าโจเอลจึงทำร้ายหัวใจผู้เล่นไม่ต่างกับเธอ

เกม คือสื่อกลางที่ทรงพลัง มันให้เรามองโลกผ่านหัวใจตัวละครที่เราควบคุม เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เรายิ่งเห็นความโหดร้ายทารุณของเอลลี่มากขึ้น เธอจมดิ่งลงไปยังความแค้น ทำเรื่องโหดร้ายโดยที่เราเองบางครั้งก็พอใจกับมัน

เพราะเกมพยายาม humanized ทุกตัวละครที่เราต้องเผชิญหน้า ศัตรูทุกตัวที่เป็นมนุษย์ที่เอลลี่หรือแอ๊บบี้ต้องสู้ด้วย ต่างมีชื่อ เวลาที่เพื่อนของมันเห็นพรรคพวกถูกฆ่าตายต่อหน้า มันจะไม่ได้ร้องเตือนว่ามีภัยอันตรายอยู่ใกล้ๆ มันร้องเรียกชื่อเพื่อนของมัน เพื่อเป็นมนุษย์มีตัวตนในโลกใบนี้ บ้างก็หมาดมกลินที่ผู้เล่นจำเป็นต้องสังหาร เจ้าของของมันก็จะร้องเรียกชื่อมัน

ทุกการปะทะและเอาชีวิตในเกม เต็มไปด้วยความโหดร้าย เสียงฟ่อดๆ ของหลอดลมหลังคนๆ นั้นถูกผู้เล่น (และเอลลี่) ปาดให้ขาด ก่อนตาย เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด บางครั้งศัตรูก็ยกมือยอมแพ้ แต่ผู้เล่นก็ต้องสังหารทิ้งเพื่อเดินทางต่อไป เพื่อทวงแค้น

ทุกๆ การฆ่า มีน้ำหนัก และเหลือตะกอนทิ้งไว้ในหัวใจของผู้เล่นเสมอ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง เกมตัดสินใจที่จะ "พลิกโลกของผู้เล่นกลับด้าน" เกมให้เราไปควบคุม แอ๊บบี้ ตัวละครที่ผู้เล่นทุกคนมองว่าเป็น "ตัวร้าย" มาตลอด

มันให้เราเห็นว่าเธอถูกโจเอลช่วงชิงอะไรไป ไม่ใช่แค่พ่อของเธอ แต่แทบจะทุกอย่างในชีวิต มันทำให้เราเห็นแอ๊บบี้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง มีคนที่รัก และห่วงใย มีความแค้น มีเพื่อน มีหมา มีคนที่หลงรัก ตลอดเกมการเล่น "หน้า B" ของเกม คือการปลูกฝัง Emphaty ของผู้เล่นเข้าไปในตัวแอ๊บบี้ มันพยายามทำให้เราเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ แม้จะรู้ว่า ตัวละครที่เธอหยอกล้อ หมาที่เธอเล่นด้วยตัวนั้น จะต้องตายด้วยน้ำมือเอลลี่ เพราะเราเห็นมาแล้วใน "หน้า A"

เกมใช้การเล่าเรื่องแบบให้เราเห็นผลลัพธ์ก่อน จึงเห็นสาเหตุ นั่นยิ่งทำให้ผู้เล่นตั้งคำถามกับความรู้สึกคับแค้นเต็มอกหัวว่าเราแก้แค้นไปเพื่ออะไร และนอกจากการเล่าเรื่องสลับเหตุการณ์ การให้ผู้เล่นมองโลกผ่านสายตาตัวร้าย มันยังเล่นกับ "เรื่องราว" ของแต่ละคน

ในสายตาของเอลลี่ แอ๊บบี้คือวายร้ายที่ต้องตาย แต่ในสายตาของแอ๊บบี้ โจเอลคือวายร้าย ที่เธอต้องฆ่าให้ได้เช่นกัน

ไม่มีใครเป็นตัวร้ายในเรื่องของตัวเองหรอก

 

ยิ่งในโลกของเกมที่เป็น Background ผู้เล่นก็เจอกับกลุ่มต่างๆ ทำสงครามกันด้วยเหตุผลที่ไม่แน่ชัด เหมือนต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในวังวนความรุนแรง แกฆ่าเพื่อนฉัน ฉันฆ่าเพื่อนแก

วูล์ฟ กองทหารที่แอ๊บบี้สังกัดอยู่ทำสงครามกับ เซราไฟต์ กลุ่มลัทธิสุดโต่งซึ่งผู้เล่นต่างมองว่า น่าจะเป็นศัตรู กลับถูก Humanized ตลอดทั้งเกมครึ่งหลัง

แอ๊บบี้ได้รู้จักกับ "เลฟ" และ "ยาร่า" กลุ่มเซราไฟต์ที่เป็นตัวละครสมทบ ทำให้ผู้เล่นมีปฏิสัมพันธ์ ได้ช่วยเหลือ ได้เห็นศรัทธาของพวกเขา บางครั้งผู้เล่นก็จะได้อ่านจดหมายที่ เซราไฟต์ บางคนเขียนทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ หรือบ้านพัก มันเป็นเพียงจดหมายที่บอกเล่าเรื่องราวเล็กๆ จากหน้าฉากเซราไฟต์เหมือนกลุ่มลัทธิคลั่งโรคจิต ในจดหมายนั้นมีบางคนโหยหาถึงคนที่แอบหลงรัก เรื่องราวของความห่วงใยกันของครอบครัวของเซราไฟต์ ความคับข้องใจที่เซราไฟต์มีต่อกลุ่มวูล์ฟ ที่ฆ่าฟันพวกเขา ซึ่งยิ่งทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่า "พวกนี้จะฆ่าแกงกันไปทำไมนะ"

ผู้เล่นต่างรับทราบเรื่องราวเบื้องหลังของสองตัวละคร "เอลลี่" และ "แอ๊บบี้" แล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องไคลแมกซ์

เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน ต่อสู้กัน ตัวผู้เล่นเช่นเรากลับรู้สึกใจสลายที่เห็นทั้งสองคนฆ่าฟันกัน ความแค้นในหัวอกผู้เล่นมันมลายหายไป แต่ไม่ใช่กับเอลลี่ ไม่ใช่กับแอ๊บบี้

เมื่อเอลลี่ละวางความแค้นลง ผู้เล่นจึงได้รับรางวัลที่แท้จริง สิ่งสุดท้ายที่เราเหลืออยู่ (The Last of "US") ในฐานะมนุษย์ ความสามารถที่จะเข้าใจความรู้สึกผู้อื่น เป็นสิ่งเดียวที่มนุษย์มี และอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่บอกว่าเรายังเป็นมนุษย์ นั่นคือเหตุผลที่แอ๊บบี้ไว้ชีวิตเอลลี่ ไว้ชีวิตดีน่า เพราะลึกๆ แล้ว เธอเข้าใจว่าทำไมเอลลี่จึงแค้นตัวเธอ การยิ่งฝากวังวนความแค้นให้กัน ยิ่งทำลายความเป็นมนุษย์ของตัวเอง

นั่นคือเหตุผลที่เอลลี่ก็ไว้ชีวิตแอ๊บบี้ในที่สุด

 

ก่อนหน้านี้ผู้เล่นไม่รู้ว่า เอลลี่รู้แล้วว่าโจเอลทำอะไรลงไป (ในภาคแรก) ก่อนจะเฉลยภายหลังว่าเอลลี่รู้นานแล้ว และคับแค้นใจที่โจเอลฆ่าล้างโรงพยาบาล เพราะรักเอลลี่มากเกินไปกว่าจะยอมให้เอลลี่ตายเพื่อสร้างวัคซีนแก้ไวรัสสปอร์ที่ทำให้โลกล่มสลาย

เอลลี่โกรธแค้นแอ๊บบี้ เพราะเอลลี่รู้สึกเหมือนถูกแย่งชิงผู้ชายที่รักเธอเหมือนลูกสาวไป และ เอลลี่รู้สึกเหมือนถูกแย่งชิง ‘โอกาสที่เธอจะให้อภัยโจเอล’ ไปตลอดกาล โจเอลไม่อาจรับรู้ได้อีกแล้วว่าเอลลี่จะให้อภัยเขาหรือเปล่า

เหลือไว้แต่เพียงคำยืนยันของโจเอลว่าเขารักเอลลี่มากเพียงใด

“ถ้าพระผู้เป็นเจ้า ให้โอกาสที่สองกับฉันให้กลับไปตอนนั้น ฉันก็จะทำแบบเดิม”

เมื่อทุกอย่างจบลง เอลลี่ทิ้งกีตาร์ที่โจเอลเอาให้เธอไว้ในบ้านหลังที่เธอเคยอยู่กับดีน่า และเดินจากไป ตลอดการเดินทาง เอลลี่เล่นกีตาร์ อาจเพื่อระลึกถึงโจเอล กีตาร์ที่สลักรูป มอธ(ผีเสื้อกลางคืน) เอาไว้ แต่ในตอนนี้ เธอทิ้งมันไว้เบื้องหลัง เพราะเธอละทิ้งเส้นทางของการล้างแค้นได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

มันกล้าหาญมาก Naughty Dog สามารถเพลย์เซฟ ให้มันเป็นเรื่องราวแก้แค้นธรรมดาๆ บวกการเล่นหักมุมเล็กน้อย แล้วโกยเงินและคำชมได้มากมาย

แต่ผู้กำกับกลับขอลองเสี่ยง เอาสื่อกลางอย่างวีดีโอเกม มาเล่าเรื่องที่ไม่เคยมีสื่อใดทำได้มาก่อน คือเล่าเรื่องของมนุษย์ เล่าเรื่องที่ไม่มีตัวเอกตัวร้าย และไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดมัน ผมก็ดีใจที่ได้เล่นเกมนี้

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: