งานวิจัยสหรัฐฯ พบอัตราการฆ่าตัวตายคนทำงานแนวหน้าต่อสู้กับ COVID-19 เพิ่มขึ้น

แปลและเรียบเรียงโดย พัชณีย์ คำหนัก 3 พ.ค. 2563 | อ่านแล้ว 4154 ครั้ง

งานวิจัยสหรัฐฯ พบอัตราการฆ่าตัวตายคนทำงานแนวหน้าต่อสู้กับ COVID-19 เพิ่มขึ้น

งานศึกษาวิจัยคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของอัตราการฆ่าตัวตายในหมู่คนทำงานแนวหน้าต่อสู้กับ COVID-19 โดยบุคลากรด้านสุขภาพและเจ้าหน้าที่แนวหน้าของรัฐเสี่ยงฆ่าตัวตายมากที่สุด | ที่มาภาพประกอบ: WILX

อัตราการฆ่าตัวตายกำลังสูงขึ้นอย่างมากในหมู่บุคลากรทางการแพทย์ในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของเชื้อ COVID-19

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตแห่งรัฐมิชิแกน กล่าวว่าผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 คือทำให้อัตราการฆ่าตัวตายสูงถึง 32% โดยบุคลากรด้านสุขภาพและเจ้าหน้าที่แนวหน้าของรัฐเสี่ยงฆ่าตัวตายมากที่สุด

"การทำงานหนักของบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วย COVID-19 คือ เหนื่อยล้าและหมดแรง" ดร. Evonne Edwards กล่าว

ผลการศึกษาวิจัยของโรงพยาบาล Pine Rest ในเมือง Grand Rapids รัฐมิชิแกน ออกมาในสัปดาห์เดียวกับที่บุคลากรด้านการแพทย์ชั้นนำในนิวยอร์กจบชีวิตของเธอแม้ว่าเธอจะหายป่วยจาก COVID-19 แล้วก็ตาม

"พวกเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาต้องคัดแยกคน และตรวจเชื้อ" ดร.เอ็ดเวิร์ด กล่าว

เนื่องจากปริมาณงานล้นมือ บุคลากรแนวหน้ามักเครียดและเริ่มวิตกกังวลมากขึ้น

Michael Tobin ผู้ช่วยหัวหน้าหน่วยดับเพลิงเมืองแลนซิง รัฐมิชิแกน กล่าวว่า "ผมทำเพียงพอแล้วหรือยัง ผมจะได้รับการคุ้มครองไหม ครอบครัวของผมจะได้รับการคุ้มครองหรือไม่” นี่คือความกังวลของคนทำงานที่มีอยู่ตลอดเวลา

"สถาบันสอนดับเพลิงแห่งชาติได้เปิดเผยสถิติจากปีที่แล้วว่า พนักงานดับเพลิงจำนวนมากฆ่าตัวตายมากกว่าเสียชีวิตในหน้าที่" โทบินกล่าว

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตกังวลกับปัญหาฆ่าตัวตายมากขึ้นเนื่องจากมีคำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้าน การสั่งปิดสถานที่หลายแห่งที่ผู้คนสามารถใช้บริการเพื่อผ่อนคลายความเครียด เช่น โรงยิมและร้านเหล้า

"มีตัวบ่งชี้มากมายที่อาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หากเราไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้ และหากเราไม่ลงทุนเรื่องการดูแลสุขภาพจิต คนที่เครียดสามารถขอความช่วยเหลือรับมือกับความเครียดได้…และต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะแย่"
ดร.เอ็ดเวิร์ดกล่าว

ดร.เอ็ดเวิร์ดและโทบิน กล่าวว่าเป็นเรื่องดีที่จะตื่นตัวอยู่เสมอ ระวังตัวเองและคนที่เรารัก ที่สำคัญที่สุดคือช่วยเหลือบุคลากรแนวหน้าให้มากที่สุด

ศูนย์สุขภาพจิตชุมชน เช่นที่คลินตัน อีตันและอิงกัม ได้จัดให้มีสายด่วนช่วยเหลือพนักงานในช่วงของการระบาดด้วย


ที่มาเรียบเรียงจาก
https://www.wilx.com/content/news/Study-predicts-increase-in-suicide-rates-among-COVID-19-frontline-workers-570016071.html

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: