ถอดบทเรียนสังคมไทย กรณี ‘เปรี้ยวหั่นศพ’

กฤติน ลิขิตปริญญา TCIJ School รุ่นที่ 5 / บัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ: 5 ต.ค. 2561 | อ่านแล้ว 14906 ครั้ง

คดีฆ่าหั่นศพสาวคาราโอเกะ  ตกเป็นข่าวดังเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2560  โดย น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว ผู้ต้องหาซึ่งถูกจับกุมได้ เป็นเรื่องราวที่สะเทือนขวัญผู้คนและแพร่สะพัดในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง ‘เปรี้ยวหั่นศพ’ ‘สวยสังหาร’ กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง สื่อต่างๆ พากันประโคมข่าวคดีฆาตกรรมอันเหี้ยมโหดครั้งนี้ในทุกๆแง่มุม  ในขณะที่คนจำนวนหนึ่งส่งเสียเชียร์ฆาตรกรสาว เป็นที่มาของการตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย ?

สวยสังหารกับการยอมรับได้ของคนบางจำนวน

เราต่างประณามการใช้กำลังในการยุติปัญหา ปฏิเสธว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกยกย่องและไร้ความเป็นอารยะ  แต่ดูเหมือนว่าโลกไม่เคยหลีกหนีการใช้กำลังและความรุนแรงได้เลย  ร้ายแรงไปกว่าการใช้กำลังจบปัญหาก็คือ การลงมือ’ฆ่า‘ให้ถึงแก่ความตาย ทั้งด้วยอาวุธร้ายแรงและวิธีการต่างๆที่ทำให้ขาดอากาศหายใจ หัวใจล้มเหลว ร่างกายแหลกสลาย หรืออื่นๆ  พฤติกรรมอันแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและด้านมืดในหัวใจมนุษย์ มีปรากฏเสมอมาทุกยุคทุกสมัย  ข่าวการ’ฆ่าหั่นศพ’ โดยหญิงสาววัยรุ่นหน้าตาสะสวยราวกับดารา และมีคนติดตามข่าวเธอราวกับติดตามภาพยนตร์ซีรีย์ดัง  กระทั่งเห็นด้วยกับตัวฆาตกร จนถึงกับส่งเสียงเชียร์อยู่ในโลกออนไลน์  สะท้อนมุมกลับอันเลวร้ายของสังคมไทยในวันนี้หรือไม่ อย่างไร ?

‘เปรี้ยวหั่นศพ’  กลายเป็นอีกชื่อหนึ่งที่ไม่มีใครไม่รู้จักในปี พ.ศ.2560 นอกจากความโหดอำมหิตของเธอที่ทำให้ข่าวแพร่สะพัดไปทั้งโลกออนไลน์แล้ว รูปร่างหน้าตา ความสวยงามก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เธอกลายเป็นที่สนใจ

ย้อนกลับไปวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2560  ที่โน่นสง่า อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ชาวบ้านพบศพหญิงสาวนิรนามถูกหั่นออกเป็นสองท่อนยัดในถุงดำ ใส่ถังน้ำเพื่ออำพรางคดี ทราบชื่อ นางสาว วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม แรกเริ่มเดิมทีเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นประเด็นทางชู้สาว แต่ภายหลังจากการสอบสวนไม่พบพิรุธและได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ตายได้ขึ้นรถ C-RV เป็นภาพสุดท้ายจึงเปลี่ยนประเด็นเป็นความแค้นส่วนตัวที่มียาเสพติดเข้าไปเกี่ยวข้อง

29 พฤษภาคม พ.ศ.2560 ตำรวจขอหมายจับ 4 ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าหั่นศพ ประกอบด้วย นายวศิน นาม พรหม อายุ 22 ปี, เปรี้ยว(หัวหน้ากลุ่ม), เอิร์น, และแจ้ โดยมีข่าวว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปประเทศเมียนมาร์

3 มิถุนายน พ.ศ.2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าสามารถจับกลุ่ม เปรี้ยว, เอิร์น, และแจ้ได้แล้ว โดยนาย วศิน นามพรหม ถูกจับกุมไปตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2560 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกับทางการ สปป.ลาว และตม.หนองคาย  อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้เจ้าหน้าที่ยังตามจับกุม น.ส. จิดารัตน์ หรือเบนซ์ พรหมคุณ อายุ 21 ปี ที่จังหวัด อุบลราชธานี ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่า เป็นแต่เพียงผู้นำทรัพย์สินมีค่าไปเท่านั้น

คดีดังกล่าวแพร่สะพัดในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง  ‘เปรี้ยวหั่นศพ’ หรือ’สวยสังหาร’  กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้วยเวลาอันรวดเร็ว สื่อต่างๆ พากันเกาะติดคดีฆาตกรรมอันเหี้ยมโหดครั้งนี้ในทุกๆ แง่มุม ยก ตัวอย่างเช่น ฆาตกรเคยสวมเสื้อลายตุ๊กตาชัคกี้ (ตุ๊กตาผี) และเคยใช้รูปโปรไฟล์เฟสบุ๊คด้วยภาพตุ๊กตาผีตัวดังกล่าว อีกทั้งการไม่สวมกุญแจมือกับฆาตกร จนเจ้าหน้าที่ต้องออกมาชี้แจง หรือแม้แต่การแชร์ภาพลายสักตามร่างกายแนวซาดิสต์และอื่นๆ ของเปรี้ยว ก็ยังถูกขุดขึ้นมาจากบัญชีเฟสบุ๊ค แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ แม้แต่การแต่งหน้า ทานของหวานของกลุ่มฆาตกรต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจบนโรงพัก ก็ยังถูกแพร่สะพัดออกไปในโลกออนไลน์

อย่างไรก็ตามนายแพทย์ณัฐกร จำปาทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวช ขอนแก่นราชนครินทร์ กล่าวว่า การกล่าวหาว่าน.ส.ปรียานุช(เปรี้ยว) เป็นฆาตรกรโรคจิตนั้นถือว่าสังคมมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน  เพราะคนเป็นโรคจิตคือคนที่ไม่อยู่ในโลกของความเป็นจริง ผู้ป่วยโรคจิตจะมีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน ต่างจากน.ส.ปรียานุช ที่มีการวางแผนซับซ้อน มีการโต้ตอบซึ่งต่างจากผู้ป่วยโรคจิต

“สำหรับการโพสต์ภาพตุ๊กตาชัคกี้ การสักลาย ถือว่ามีนัยยะ จากการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมที่ประมวลมาจากการบอกเล่า ข่าว รวมถึงการโพสต์ของผู้ก่อเหตุเอง พบว่าน.ส.ปรียานุช มีภาวะบุคลิกภาพผิดปกติ เข้าข่ายลักษณะที่เรียกว่าต่อต้านสังคม ส่วนสาเหตุ อาจมาจากการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก ที่มีปัญหาด้านสัมพันธภาพกับผู้เลี้ยง คนใกล้ชิด ในช่วงการเติบโตมีการสร้างสัมพันธภาพที่ผิดปกติ โดยสังเกตได้จากบุคลิกคือ ความรู้สึกผิดต่อการกระทำจะน้อยกว่าที่ควรเป็น เพราะคนทั่วไปจะรู้ศีลธรรม จริยธรรมขั้นพื้นฐาน สิ่งใดควรหรือไม่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์  แต่สำหรับน.ส.ปรียานุชเมื่อได้ก่อความรุนแรงแล้ว พบว่า ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีขาดหายไป นอกจากนี้กลุ่มคนต่อต้านสังคม จะมีพฤติกรรมที่สามารถสังเกตเห็นได้ทั้งการใช้ยาเสพติด โพสต์เรื่องเงินทอง การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงจรบางอย่างที่อยู่ในข่ายผิดกฎหมาย ที่สำคัญคือการใช้ความรุนแรงทั้งกับตัวเองและผู้อื่น เพื่อแสดงสัญลักษณ์บางอย่าง และจะพบได้ทั้งผู้ที่มีไอคิวสูงและไอคิวต่ำ”

คดีฆาตกรรมครั้งนี้ พฤติกรรมและคำอธิบายสภาวะจิตของฆาตกรไม่ใช่สิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียว แต่พฤติกรรมของสื่อที่นำเสนอแม้กระทั่งความรักสวยรักงามของฆาตรกรกลุ่ม ‘ฆ่าหั่นศพ’ ก็นับเป็นประเด็นสำคัญด้วย  เพราะปรากฏในเวลาอันไล่เลี่ยกันต่อมาว่า มีผู้ใช้เฟสบุ๊คจำนวนหนึ่งออกมาสนับสนุนตัวฆาตกร โดยติดแฮชแทค #ทีมเปรี้ยว  พร้อมข้อความให้กำลังใจโพสต์ลงบนโลกโซเชียล สิ่งที่ควรคำนึงสำหรับประเด็นนี้ก็คือ การสนับสนุนตัวฆาตกรเป็นผลมาจากการนำเสนอของสื่อต่างๆ ใช่หรือไม่ ถ้าใช่    สิ่งเหล่านี้กำลังนำทางเราไปสู่อะไร ?

รศ.สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต  นักวิชาการด้านจิตวิทยา ออกความเห็นเกี่ยวกับประเด็นข้างต้นในงานจุฬาเสวนา ครั้งที่ 6  หัวข้อบรรยาย “ฆ่า หรือ ค่า สื่อกับดราม่าความรุนแรงในสังคมไทย”  เมื่อวันพุธที่ 7 มิถุนายน 2560 ว่า เหตุการณ์อาชญากรรมในสังคมไทยเป็นเรื่องปกติที่มีมานาน แต่กรณีที่เกิดกระแสในระดับที่ทำให้คนในสังคมเริ่มคล้อยตามกำลังมีเพิ่มมากขึ้น “ระยะสั้นอาจยังไม่มีผลกระทบมาก แต่อนาคตจะกลายเป็นแผลลึกทำให้สังคมไทยเกิดความรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่กำลังค้นหาพฤติกรรมตัวเอง สื่อยิ่งนำเสนอทำให้ผู้รับสารจดจำและกลายเป็นความเคยชินกับความรุนแรง โดยเฉพาะเยาวชนหากปล่อยให้ซึมซับโดยไม่มีวุฒิภาวะแยกแยะว่าอะไรถูกหรือผิด คิดเพียงว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ หากปล่อยไปอีกไม่นานสังคมไทยจะเกิดปัญหา”

ทางด้าน ผศ.มรรยาท อัครจันทโชติ นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน ออกความเห็นกับเรื่องดังกล่าวในเวทีเสวนาเดียวกันว่า “สื่อยุคปัจจุบันต้องทำเพื่อปากท้อง แม้จะผิดหลักจรรยาบรรณก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด หากไม่ทำอาจถูกหัวหน้าให้เลือกว่าจะทำงานหรือให้ลาออก เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ปฏิบัติงานต้องเลือกระหว่างเรื่องอุดมการณ์กับปากท้อง จนทำให้คนในสังคมมองว่า สื่อยุคนี้เป็นเสือกระดาษหรือแมลงวันไม่ตอมแมลงวัน ไม่สามารถกำกับดูแลกันได้จริง สุดท้ายคนจึงหันไปสนใจสื่อประเภทอื่นที่แปลกใหม่ น่าสนใจ และเล่นข่าวหนักๆ มากกว่า”

อ้างอิง

https://www.thairath.co.th/content/962152 , สืบค้นเมื่อ 14 /06/2561

https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_381243 ,สืบค้นเมื่อ 14 /06/2561

https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_374591 , สิบค้นเมื่อ 14/06/2561

ย้อนรอยคดีฆ่าหั่นศพในอดีต

คดีฆ่าหั่นจู๋ พนักงาน รฟม. คดีเขย่าขวัญคนกรุงรับปี 2550 เมื่อมีคนพบศพนายพิชัย ทองใบ พนักงานช่างเทคนิคของ รฟม. ในสภาพถูกฟันที่ท้ายทอย คอถูกปาดลึกเกือบขาด รวมทั้งอวัยวะเพศของผู้ตายถูกคนร้ายใช้มีดตัดเกือบขาดเช่นกัน อีกทั้งยังใช้เลือดเขียนเป็นรูปหัวใจไว้ที่กลางหน้าอกของผู้ตาย สร้างความสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง จนในที่สุดนายกฤษฎาพร บรรพชาติ หรือนายเก่งรฟม.ผู้ที่ลงมือฆ่าก็ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เนื่องจากทนแรงกดดันไม่ไหว โดยนายเก่งสารภาพถึงมูลเหตุจูงใจมาจากเรื่องชู้สาว 
คดีหมอผัสพร  แพทย์หญิงโรงพยาบาลรถไฟที่หายตัวไปนานร่วมเดือน นำไปสู่การสืบสวนสอบสวน น.พ.วิสุทธ์ บุญเกษมสันติ ผู้เป็นสามีซึ่งให้การปฎิเสธมาโดยตลอด จนเมื่อทีมสืบสวนเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นอาคารวิทยนิเวศน์พบคราบเลือดและเส้นผมและหลักฐานสำคัญ ที่เป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ในบ่อพักน้ำเสียของอาคาร ซึ่งตรงกับ DNA ของหมอผัสพร สอดคล้องกับพยานที่เห็น น.พ.วิสุทธิ์ อยู่กับหมอผัสพรเป็นคนสุดท้าย รวมถึงเรื่องการฟ้องหย่าที่มีปัญหาขัดแย้งกันมานานจนนำไปสู่มูลเหตุจูงใจฆ่า  ศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิต แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์ นำไปสู่คำตัดสินจำคุก และปัจจุบัน น.พ.วิสุทธิ์ พ้นโทษจำคุกแล้ว
คดีเสริม สาครราษฎ์  นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี แฟนสาว โดยนายเสริมให้การว่าใช้ปืนสังหารที่ขมับ น.ส.เจนจิรา เนื่องจากตกลงกันไม่ได้เรื่องมีชายอื่นมาพัวพัน หลังจากนั้นได้ใช้มีดผ่าตัดเฉือนศพเป็นชิ้นๆ ทิ้งลงชักโครก จนมีผู้พบชิ้นเนื้อมนุษย์ จนนำไปสู่การพิสูจน์ DNA ก็พบว่าตรงกับเจนจิรา 
คดีศยามล อีกหนึ่งคดีที่สร้างความสลดหดหู่ยิ่งนัก เมื่อมีผู้พบศพพยาบาลสาวถูกฆ่าโดยอำพรางศพว่าเป็นการข่มขืนและทิ้งศพไว้ในรถโดยมีลูกสาววัย 2 ขวบ ร้องไห้กอดศพผู้เป็นแม่อยู่ทั้งคืน ซึ่งผู้ที่บงการสั่งฆ่าก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือสามีหมอของเธอนั่นเอง
คดีนวลฉวี   ย้อนหลังไปเมื่อ 40 กว่าปีก่อน เกิดคดีเขย่าขวัญคนกรุง เมื่อมีผู้พบศพพยาบาลสาวถูกฆ่าข่มขืนอย่างทารุณแล้วโยนศพทิ้งน้ำ บริเวณสะพานนนทบุรี ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ สะพานนวลฉวี ผู้ที่บงการสั่งฆ่านั่นก็คือหมออุทิศผู้เป็นสามีของเธอ  สาเหตุมาจากความหวั่นวิตกของหมอว่าเธอจะไปทำลายครอบครัวของเขา เขาก็เลยสั่งฆ่าทั้งๆที่ยังรักเธออยู่ และแม้ว่าต่อมาหมออุทิศจะยกเลิกคำสั่งนั้น แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: