แฉจนท.อุ้มผู้นำกะเหรี่ยง ร้องผู้ว่าฯเพชรบุรีเร่งหาตัว

21 เม.ย. 2557 | อ่านแล้ว 1412 ครั้ง

เมื่อวันที่ 20 เมษายน เว็บไซต์คนชายข่าว คนชายขอบ http://transbordernews.in.th/ รายงานว่า นายกระทง โชควิบูลย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 เมษายน เวลา 11.00 น. ลูกเมียของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ สมาชิกอบต.ห้วยแม่เพรียง ซึ่งถูกอุ้มตัวหายไป ตั้งแต่เย็นวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะเดินทางไปยังอ.แก่งกระจาน เพื่อเตรียมดำเนินการช่วยเหลือชาวบ้านฟ้องศาลปกครอง ภายหลังเกิดข้อขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานแห่งหนึ่ง กรณีเผาบ้านกะเหรี่ยงหมู่บ้านบางกลอย จะเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ที่ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี

นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ สมาชิกอบต.ห้วยแม่เพรียง ซึ่งถูกอุ้มตัวหายไป

นายกระทงกล่าวว่า ตนเชื่อว่านายบิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยงานแห่งหนึ่งอุ้มตัวไป เพราะมีเจ้าหน้าที่ออกมายอมรับว่า ไมีการจับนายบิลลี่ ตอนเวลา 14.00 น.ของวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างที่นายบิลลี่กำลังขี่รถจักรยานยนต์นำน้ำผึ้งไปฝากคนรู้จัก โดยนำตัวนายบิลลี่และรถจักรยานยนต์ไป แต่เขาอ้างว่าหลังจากจับแล้วก็ปล่อยตัวนายบิลลี่ที่บริเวณใกล้ค่ายทหาร

            “เราเชื่อว่าบิลลี่คงไม่หลงทางแน่ เพราะเขารู้จักเส้นทางแถวนี้เป็นอย่างดี ตอนนี้ทั้งลูก ทั้งเมียบิลลี่ต่างรู้สึกเป็นห่วงบิลลี่มาก เราจะไปร้องขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยตามหานายบิลลี่ให้กลับมาอยู่กับลูกและเมีย เพราะลูก ๆ เขายังเล็กมาก หากเขาทำอะไรผิดไปก็จะให้เขาปรับปรุงตัว” นายกระทงกล่าวและว่า นอกจากนี้พวกตนยังอยากขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าฯในเรื่องอื่นด้วย เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก

ด้านนางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมุนอ ภรรยานายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ เปิดเผยว่า ตนพร้อมลูก ๆ จะเดินทางไปยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือต่อผู้ว่าฯเพชรบุรี ให้ช่วยตามหานายบิลลี่ โดยจะมีชาวบ้านบางกลอยร่วมเดินทางไปด้วย

            “อยากจะไปอ้อนวอนผู้ว่าฯให้ช่วยตามหาบิลลี่ให้หน่อย ดิฉันเชื่อว่าบิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่อุ้มตัวไป เพราะมีชาวบ้านเห็นบิลลี่พร้อมรถจักรยานยนต์อยู่บนรถของเจ้าหน้าที่หน่วยงานแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะขาดการติดต่อและหายไปจนถึงวันนี้” นางพิณนภากล่าว

นางมุนอกล่าวว่า ตนแต่งงานกับนายบิลลี่มากว่า 10 ปี มีลูก 5 คน โดยคนโตอายุ 10 ขวบ และ 9, 7,4 ตามลำดับ ส่วนคนเล็กสุดอายุเพียง 1 ขวบกว่า

             “ลูกคนโตก็ถามเหมือนกันว่าพ่อหายไปไหน แต่ลูกคนอื่นยังไม่ค่อยได้ถาม เพราะยังเล็กอยู่ ทุกวันนี้รายได้หลักของเราคือ เงินเดือนของบิลลี่จากการเป็นอบต.เดือนละ 6,800 บาท หากทางการไม่สามารถหาตัวบิลลี่เจอ ดิฉันและลูก ๆ ก็ต้องพยายามอยู่ให้ได้ และช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด” นางมุนอกล่าว

น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เรื่องนี้สะท้อนถึงการขาดความมั่นคงทางชีวิตของแกนนำที่ต่อสู้เรื่องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะชาติพันธุ์ที่เป็นบุคคลชายขอบของประเทศไทย และสะท้อนถึงผลกระทบจากความขัดแย้งเกี่ยวกับคดีความระหว่างสิทธิชาติพันธุ์ กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ

            “ที่ผ่านมาสังคมรู้ดีว่า บิลลี่เป็นอาสาสมัครในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม เขาเป็นนักต่อสู้ทางสิทธิ มนุษยชน แต่การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยดังกล่าว เป็นการสะท้อนถึงความซับซ้อนของสังคมไทยว่า มีช่องโหว่เรื่องการคุ้มครองบุคคลที่ต่อสู้เพื่อสิทธิต่าง ๆ แต่กรณีนี้อยากให้ตำรวจทำหน้าที่ในการตามหาโดยเร็ว เพราะยิ่งปล่อยเงียบ ยิ่งทำให้ภาคประชาชนตั้งคำถามถึงความไม่ยุติธรรมของเจ้าหน้าที่” น.พ.นิรันดร์กล่าว

น.พ.นิรันดร์กล่าวว่า การหายตัวของบิลลี่นอกจากสะท้อนความไม่ปลอดภัยของบุคคลที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมแล้ว ยังเป็นเงาสะท้อนปัญหาเรื่องความขัดแย้งในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของ ประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งปัญหาความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2540 โดยเฉพาะกลุ่มคนคนชายขอบไม่เคยได้รับสิทธิในการเข้าถึงการจัดการทรัพยากรเลย ทั้งที่สิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า ชุมชนสามารถมีวิถีชีวิตใน การจัดการทรัพยากรได้ แต่ที่ผ่านมาสังคมไทยไม่เคยทำตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2553 ดังนั้นกรณีอยากให้เป็นตัวอย่างแก่สังคมว่า การปิดกั้นคนชายขอบจากสิทธิต่างๆ เป็นเรื่องที่ประเทศไทยควรไตร่ตรองให้ดี

อย่างไรก็ตามกระแสสังคมที่เผยแพร่ภาพและข่าวการหายตัวของแกนนำครั้งนี้ ผ่านโลกออนไลน์จะเป็นสารสำคัญอีกอย่าง ทำให้รู้ว่าผลของนโยบายการจัดการทรัพยากร ที่ไม่เปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมนั้นนำมา ซึ่งปัญหาสังคมอีกมากมาย โดยเฉพาะความขัดแย้งอันนำไปสู่ความไม่ปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: