ทั้งนี้เด็กที่กำพร้าและไม่มีผู้ปกครองดูแลจะถูกส่งไปโรงเรียนที่มีมูลนิธิดูแลเด็กกำพร้าทั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้และนอกพื้นที่ อาทิเช่น มูลนิธิอะมีรุลมุอ์มินีนเพื่อเด็กกำพร้า จังหวัดยะลา มูลนิธิอัลเกาษัร จังหวัดสมุทธปราการ ผลกระทบในช่วงวัยเด็กอาจส่งผลร้ายต่อวิถีชีวิตของเด็กในระยะยาวมากกว่าผู้ใหญ่โดยพิจารณาเด็กที่สูญเสียโอกาสในการศึกษาในระหว่างสงคราม เด็กที่ถูกบังคับให้ต้องเคลื่อนย้ายไปยังค่ายผู้อพยพ ที่ๆ ซึ่งต้องใช้เวลารอคอยหลายปีเพื่อให้มีชีวิตปกติในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก นอกจากนี้ ยังมีการสูญเสีย แขน ขา การมองเห็น ความสามารถในการรับรู้ สูญเสียโอกาสในโรงเรียนและชีวิตในสังคม เด็กหญิงที่ถูกข่มขืนอาจจะสูญเสียโอกาสทางสังคมและสูญเสียโอกาสในการแต่งงาน ในระยะยาวหลังสงครามจบสิ้นลงชีวิตพวกเขาไม่เคยที่จะไปถึงเป้าหมายที่ศักยภาพที่พวกเขามีก่อนที่จะได้รับผลกระทบจากสงคราม
การเก็บข้อมูลพื้นฐานจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ข่าวสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อทางเลือก การทำการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อรวบรวมประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเด็กและผู้หญิงและทำการสรุปประเด็น รวมไปถึงการเก็บข้อมูลในพื้นที่ และการสัมภาษณ์ผู้ได้รับผลกระทบและผู้ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่มกราคม 2556 จนถึง 31 ตุลาคม 2556
1) ผลกระทบทางด้านกายภาพ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กที่เราสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน คือ ผลกระทบต่อร่างกายดังที่เราจะเห็นได้จากสถิติของเด็กที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ ถึงแม้หลายฝ่ายได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ และนำไปสู่การแสวงหาทางออกหลากหลายรูปแบบทั้งการใช้ยุทธศาสตร์ทางทหารและตำรวจ หรือแม้แต่การพูดคุยกับขบวนการปลดปล่อยปัตตานี เมื่อพิจารณาผลกระทบทางด้านกายภาพกับเด็กกลับพบว่าการแก้ปัญหาที่ผ่านมายังไม่เพียงพอต่อการปกป้องเด็กดังตัวเลขเชิงสถิติที่ปรากฏในตารางที่ 1 ซึ่งจากตัวเลขเราจะเห็นได้ชัดเจนว่าจำนวนเด็กที่เสียชีวิตไม่ได้ลดลงเลยแต่กลับมีสถิติที่คงที่มาตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน คือ ปี 2556 ที่มีตัวเลขจนถึงเดือนตุลาคม มีเด็กที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบจำนวน 4 คน เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากการถูกยิงขณะอยู่กับผู้ปกครองซึ่งมีเหตุการณ์ยิงและกราดยิงจำนวน 21 เหตุการณ์ซึ่งพวกเด็กๆ เสียชีวิตเหมือนกับพลเรือนทั่วไปที่เป็นเหยื่อจากความรุนแรง
สำหรับจำนวนเด็กที่ได้รับบาดเจ็บกลับมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เกิดจากการใช้ระเบิดซึ่งมีจำนวน 11 ครั้ง ที่ส่งผลกระทบต่อเด็กโดยตรง ถึงแม้เป้าหมายคือเจ้าหน้าที่ แต่การที่ระเบิดอยู่ในพื้นที่ที่มีเด็กอยู่ด้วยจึงทำให้ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น ในกรณีเหตุการณ์วันที่ 10 กันยายน 2556 ที่โรงเรียนคณะราษฎร์บำรุง 2 การได้รับบาดเจ็บยังส่งผลต่อร่างกายของเด็ก ที่หลายๆ คนต้องพิการจากความรุนแรงจากการต้องสูญเสียอวัยวะต่างๆ หรือได้รับบาดเจ็บร้ายแรงที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ หลายๆ คนไม่สามารถเข้าถึงบริการการรักษาหรือได้รับการดูแล เด็กอาจจะใช้เวลา 10 ปี ในการรอคอยแขน ขาเทียม เด็กที่รอดชีวิตจากการระเบิดจะได้รับแขนขาเทียมที่จะทำให้พวกเขาเจริญเติบโตต่อไปได้ เด็กๆ บางรายต้องสูญเสียดวงตา และบางรายต้องใช้ชีวิตด้วยเครื่องช่วยหายใจ
นอกจากนี้ ผลกระทบทางร่างกายอีกประการหนึ่งคือ การถูกละเมิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในปี 2556 พบว่า มีเด็กที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารทำร้ายร่างกาย 3 คน ในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว หลังจากนั้นยังไม่มีข้อมูลที่แสดงถึงการทำร้ายเด็กอีก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเฝ้าระวังและป้องกันมิให้เกิดเหตุซ้ำของหน่วยงานความมั่นคง ทั้งนี้เด็กๆ ในจังหวัดชายแดนใต้ที่ได้รับบาดเจ็บและเผชิญกับความทุกข์ยากจากการบาดเจ็บซึ่งเป็นผลจากความขัดแย้ง หลากหลายอาวุธที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพวกเด็กๆ การระเบิดจะฆ่าหรือทำให้เกิดอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงต่อเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ และพวกเขาจะเจ็บปวดเป็นเวลานานทั้งนี้เด็กต้องเผชิญกับอาวุธหลากหลายชนิด ทั้งระเบิด อาวุธปืนโดยเฉพาะระเบิดที่มีอานุภาพร้ายแรงและเป็นวงกว้าง ไม่จำกัดเป้าหมาย
2) ผลกระทบจากความขัดแย้งต่อเด็กทางด้านสุขภาวะและจิตใจ
โรคภัย ไข้เจ็บ
การดูแลรักษาสุขภาพของเด็กๆ ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ในสภาพความขัดแย้ง ภาวะโภชนาการ น้ำสะอาด สุขอนามัย ที่อยู่อาศัย การเข้าถึงบริการการรักษาสุขภาพ ต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความเจ็บป่วยของเด็กๆ ในสภาพแบบนี้เด็กจะขาดแคลนการฉีดวัคซีนป้องกันโรค เด็กที่อยู่ในภาวะแบบนี้จะง่ายต่อการขาดสารอาหาร และการติดโรคต่างๆ ที่ส่งผลต่ออัตราการตายของเด็กๆ ได้ ในบางกรณีที่มีการวางระเบิดถนนทำให้เด็กๆ ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที หรือเกิดการคลอดเพราะภาวะได้รับการกระทบกระเทือนทำให้ส่งผลต่อสุขภาพเด็กแรกเกิด
การข่มขืน
สำหรับในจังหวัดชายแดนใต้มีกรณีข่มขืน การล่วงละเมิดทางเพศโดยเจ้าหน้าที่ทหารตกเป็นข่าวสาธารณะเพียง 1 รายเมื่อปี 2555 แต่มีข้อกล่าวหาหลายๆ กรณีที่ผู้เสียหาย ครอบครัว ชุมชน ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ได้ร้องเรียนต่อหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จึงสมควรมีการตรวจสอบในเรื่องนี้เพื่อหาแนวทางในการป้องกันต่อไป
ความเจ็บป่วยทางด้านจิตใจ
ในจังหวัดชายแดนใต้เผชิญกับปัญหาความสูญเสียที่ส่งผลให้กลายเป็นเด็กกำพร้าซึ่งจากความรุนแรงตั้งแต่ปี 2547 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2556 พบว่ามีเด็กกำพร้าบิดาจำนวน 5,141 คน กำพร้ามารดา จำนวน 223 คน กำพร้าทั้งบิดาและมารดาจำนวน 84 คน รวมเด็กกำพร้าทั้งหมด 5,448 คน
เด็กที่ต้องระวังผลกระทบทางจิตใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเด็กที่เห็นเหตุการณ์ร้ายแรงหรือประสบเหตุด้วยตนเองจำนวนมากและส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีอายุ 4-11 ปี เพราะเด็กๆ สามารถที่จดจำรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้ว ดังในกรณียิงครูชลธี เมื่อปลายปี 25558
จากการสัมภาษณ์ขบวนการปลดปล่อยปัตตานี พบว่าเด็กที่สูญเสียบิดาและมารดาได้เลือกใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ผู้ที่กระทำต่อครอบครัวของเขา หากในกรณีที่เด็กถูกกระทำจากขบวนการปลดปล่อยปัตตานีก็จะเข้าร่วมในกองกำลังฝ่ายรัฐ และหากเด็กที่ถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่หรือบุคคลอันเป็นที่รักถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่ หรือเด็กที่ถูกกระทำรุนแรงซ้ำซ้อน จากสถานการณ์ความไม่สงบ เช่น การปฏิบัติที่โหดร้าย การถูกซ้อมทรมาน ทำให้เขาเกิดความเกลียดชังต่อรัฐและเลือกที่จะใช้ความรุนแรงตอบโต้
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และผลกระทบทางด้านอารมณ์
ประสบการณ์ที่แตกต่างจากทั่วโลก ความเลวร้าย การปองร้ายอาจจะเป็นสาเหตุให้เด็กมีความยากลำบากและสูญเสียความหมายในการมีชีวิต พวกเขาอาจมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองทางจริยธรรม เช่น การโกหก การขโมย มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางจริยธรรมเรื่องความรุนแรง การฆ่า หรือการฝึกให้ฆ่า
การสูญเสียทางสังคมและวัฒนธรรม
เด็กๆ อาจจะสูญเสียความเป็นชุมชนและวัฒนธรรมระหว่างความขัดแย้ง บางครั้งอาจมีกิจกรรมฟื้นฟูวัฒนธรรมพื้นที่ความขัดแย้ง หรือในค่ายผู้อพยพหรือกลุ่มคนที่อยู่นอกประเทศ ในกรณีของจังหวัดชายแดนใต้ก็มีข้อถกเถียงเรื่อง สื่ออินเตอร์เนท การใช้ภาษาถิ่น การปฏิบัติตามหลักศาสนาและวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีการไหลบ่าของวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นต้น
ทหารเด็ก
จากรายงานของมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพเมื่อปี 2554 พบว่ามีการใช้เด็กเป็นเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งมีหน้าที่คือการปกป้องหมู่บ้านจากภัยอันตรายต่างๆ ที่รวมถึงการโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธด้วยพวกเขาระบุหน้าที่ของตนดังนี้การลาดตระเวนหมู่บ้านการประจำด่านตรวจที่ทางเข้าหมู่บ้านการเฝ้ารักษาความปลอดภัยสถานที่ที่อาจจะถูกโจมตีโดยเฉพาะโรงเรียนและมัสยิดและในบางกรณีก็รักษาความปลอดภัยให้ครูด้วย ชรบ.ยังอาจจะต้องช่วยตำรวจหรือทหารในท้องที่ในการระบุตัวผู้ต้องสงสัย รวมถึงผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธหรือบางครั้งก็ต้องเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่โดยรอบ หรือเข้าร่วมการลาดตระเวนกับทหารและปฏิบัติการตรวจค้นและปิดล้อม
ทั้งนี้จากรายงานยังพบอีกว่าเด็กได้รับการฝึกให้ใช้อาวุธ แต่ในปัจจุบันได้รับการแก้ไขจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องว่ามีการแก้กฎหมายในการกำหนดอายุของผู้ที่จะสมัครเป็น ช.ร.บ และอาสาสมัครทหารพรานว่าต้องไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ แต่ในอีกมุมหนึ่งในกรณีความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กที่เติบโตมาในสภาวะการใช้ความรุนแรงและผลักดันให้เด็กเลือกใช้วิธีการรุนแรงแสดงออกถึงความโกรธแค้นในใจรวมไปถึงการเข้าร่วมเป็นทหารทั้งฝ่ายรัฐและขบวนการปลดปล่อยปัตตานีเพื่อต้องการแก้แค้นให้กับบุคคลในครอบครัว
จากการสัมภาษณ์สมาชิกขบวนการปลดปล่อยปัตตานีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2556 พบว่าการสูญเสียบุคคลในครอบครัว การอยู่ในพื้นที่ความรุนแรง ทำให้มีความต้องการปกป้องตนเอง และบุคคลในครอบครัว โดยการเข้าร่วมต่อสู้กับขบวนการปลดปล่อยปัตตานี ทั้งนี้เด็กจะได้รับมอบหมายในการดูต้นทางติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จัดหาอุปกรณ์สำหรับทำระเบิดเป็นต้น
3) ผลกระทบจากการใช้กฎหมายทั้งหมดในจังหวัดชายแดนใต้
การจับกุม ซักถาม และควบคุมตัวด้วยกฎหมายพิเศษ
เด็กที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธจะถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกและ/หรือพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พรก.ฉุกเฉิน) ในรายงานการคุ้มครองต้องมาก่อนป้องกันไม่ให้เด็กมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มพลเรือนติดอาวุธในภาคใต้ของไทย เมื่อเดือน มีนาคม 2554 ของมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ พบว่ามีเด็ก 79-115 คนถูกกักขังตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งแต่ปี 2548 ที่ศูนย์ควบคุมโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 9 จ.ยะลา หรือศูนย์พิทักษ์สันติโดยไม่มีเด็กถูกจับกุมตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ จากการเก็บบันทึกข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2556 และจากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจ 41 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2556 พบว่ามีเด็กที่ถูกควบคุมตัวด้วยกฎอัยการศึก และพรก.ฉุกเฉิน จำนวน 6 คน มี มีการควบคุมตัวตั้งแต่ 3 วัน 5 วัน 7 วัน ภายใต้กฎอัยการศึก และ 21 วัน ภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน (สัมภาษณ์นาย A อายุ 16 ปี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2556) โดยกรณีที่มีความผิดร้ายแรง เช่น วางระเบิด ร่วมวางระเบิด ในการสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้มีการให้นักจิตวิทยา นักสิทธิมนุษยชน ผู้ปกครอง ทนายความของทางราชการ มาพูดคุยเพื่อสอบถามความเป็นอยู่ของเด็กว่าถูกละเมิดหรือไม่ ซึ่งภายใต้ พรบ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (แก้ไข พ.ศ. 2553) เด็กจะได้รับการคุ้มครองตั้งแต่การจับกุม ควบคุมตัว และสวบสวน ที่สำคัญคือจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของเด็กเป็นหลัก
ข้อกังวลต่อการใช้กฎหมายพิเศษ
การซักถามภายใต้กฎหมายพิเศษ ผู้ต้องสงสัยที่เป็นเด็กจะใกล้เคียงกับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ต้องสงสัยที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ก็มีข้อที่น่าห่วงกังวลต่อการละเมิดสิทธิเด็ก ดังนี้
1) การจับกุมในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบอย่างชัดเจนในเรื่องสถานที่ที่ควบคุมตัว เป็นเหตุให้ทางครอบครัวของเด็กมีความกังวลใจ
2) การควบคุมตัว ยังมีข้อห่วงกังวลเรื่องสถานที่ควบคุมตัวเด็กที่อยู่ในค่ายทหารหรือตำรวจ ซึ่งมีการให้อยู่คนเดียวในห้องแคบ
3) การซักถาม จะซักถามโดยเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ ไม่มีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ผู้ปกครอง ทนายความ อัยการ เข้าร่วมในการซักถาม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้อธิบายว่าเป็นการควบคุมตัวภายใต้กฎอัยการศึก และ พรก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่การควบคุมตัวภายใต้กฎหมายอาญาทั่วไปในกรณีที่มีเด็กเป็นผู้ถูกกล่าวหา ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องดำเนินการภายใต้ พรบ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (แก้ไข พ.ศ. 2553)
4) อำนาจในการปฏิบัติการภายใต้กฎอัยการศึก คือ เจ้าหน้าที่ทหารยศพันเอก การปฏิบัติขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ปฎิบัติ ไม่มีได้มีระเบียบแบบแผนเป็นมาตรฐาน เพราะในกรณีการควบคุมตัวเด็กมีน้อยราย และทางแม่ทัพ ภาค 4 จะเป็นผู้ออกคำแนะนำ ทั้งนี้ ในปี 2556 มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 300 คน แต่มีการควบคุมตัวเด็กเพียง 6 คนเท่านั้น ซึ่งจากการซักถามตามอำนาจ พรก.ฉุกเฉิน พบว่ามีความเกี่ยวข้องในการดูต้นทาง 3 คนและเกี่ยวข้องกับการวางระเบิด 3 คน
5) เวลาในการซักถามเจ้าหน้าที่จะสอบสวนในเวลา 08:00-10:00 น และ 20:00-22:00 น และนอนในห้องที่เปิดไฟตลอดคืน การสอบสวนจะมีคำพูดข่มขู่ เช่น ถ้าไม่รับสารภาพจะต้องติดคุกนาน เจ้าหน้าที่ทหารเป็นคนซักถาม มีจับแขน บีบแขน สอบถามเรื่องคนที่อยู่ในบ้าน เป็นใคร การสอบสวนไม่จำกัดเวลาแล้วแต่เจ้าหน้าที่จะเรียกสอบ
การดำเนินคดีความมั่นคงต่อเด็ก
การดำเนินคดีต่อเด็กที่กระทำผิดในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงนั้น โดยส่วนใหญ่เด็กจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนเหตุความรุนแรง เช่น การดูต้นทาง การขับรถเพื่อไปกระทำผิด การโรยตะปูเรือใบขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดทางอาญา ในปี 2556 เด็กที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยจำนวน 6 คน ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจำนวน 3 คน และมีคำพิพากษาลงโทษ 1 ราย อัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ราย และ ศาลพิจารณายกฟ้อง 1 ราย
การติดตามพฤติกรรมหลังการปล่อยตัวเด็กผู้ต้องสงสัย
หลังจากปล่อยตัวเด็กไปเจ้าหน้าที่ทหารจะมีการติดตามพฤติกรรมโดยหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ เช่น การไปเยี่ยมเยียน เรียกมาพบปะ จัดกิจกรรมกลุ่มทางศาสนาหรือดะวะห์ เพื่อปรับทัศนคติ ให้กับเด็ก ซึ่งสอดคล้องกับกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องเด็ก และมีการดำเนินการถอนหมาย พรก.ฉุกเฉิน โดยมีเงื่อนไขคือต้องไปดะวะห์ (กิจกรรมเผยแพร่ศาสนา) เป็นเวลา 20 วัน ตามที่เจ้าหน้าที่ทหารกำหนด ซึ่งการดะวะห์หรือการเยี่ยมโดยเจ้าหน้าที่ทำให้เด็กมีความรู้สึกกลัวและกังวล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการแย่งชิงมวล (เยาว) ชน สามจังหวัดชายแดนใต้
ที่มา
รายงานสถานการณ์เด็กและผู้หญิงจังหวัดชายแดนใต้ 2556 โดยมูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) เครือข่ายส่งเสริมสิทธิและเข้าความยุติธรรม (HAP) กลุ่มด้วยใจ (Duayjai Group)
ขอบคุณรูปภาพจาก http://rcmedianews.files.wordpress.com
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ