สปป.จี้เดินหน้าเลือกตั้งลดเหตุรุนแรงได้ ถ้าเลื่อนต้องคืนอำนาจสภาฯแก้กฎหมาย

รวิวรรณ รักถิ่นกำเนิด ศูนย์ข่าว TCIJ 20 ม.ค. 2557 | อ่านแล้ว 1513 ครั้ง

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2557 ที่สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย(สปป.) จัดเสวนาหัวข้อ “2 กุมภาฯ เดินหน้าเลือกตั้ง ร่วมเป็นเจ้าของการปฏิรูป” นำโดย ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เดินหน้าเลือกตั้ง สร้างพื้นที่กลาง

ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี แสดงความเห็นสนับสนุนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 2 ก.พ.นี้ แนะว่า กลไกการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือลดความรุนแรงในพื้นที่ที่มีความรุนแรงดำรงอยู่ กรณี 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ประชาชนในพื้นที่กลับตื่นตัวต่อการเลือกตั้ง สูงถึง 70 เปอร์เซนต์ จากการเลือกตั้งในรอบที่ผ่านมา แม้จะมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง แต่โดยมากเกิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเป็นเป้าหมายหลักของผู้ก่อความไม่สงบ และส่วนหนึ่งเขาเชื่อว่า การเลือกตั้งเป็นการแสดงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมว่า กระบวนการสร้างพื้นที่กลางที่มีความแตกต่างหลากหลายในการสะท้อนความต้องการของประชาชน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวต้องเป็นประชาธิปไตยและทีความเท่าเทียม

          “พื้นที่กลาง เป็นพื้นที่ในการลดความรุนแรง การเลือกตั้งมีขึ้นเพื่อลดความรุนแรง หากไม่มีการเลือกตั้งความรุนแรงจะขยายวงกว้าง” ดร.ศรีสมภพกล่าว

ทั้งนี้ดร.ศรีสมภพ ตั้งข้อสังเกตถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ว่า ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และเกิดในพื้นที่จำกัดคือ กรุงเทพฯ กรณีแปดจังหวัดภาคใต้นั้นตนเชื่อว่าจะไม่เกิดความรุนแรงขึ้น เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่สนับสนุนการเลือกตั้งอยู่แล้ว

เดินหน้าเลือกตั้ง เริ่มต้นปฏิรูป

ด้าน ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ แสดงความเห็นสนับสนุนการเลือกตั้ง เน้นย้ำถึงกระบวนการปฏิรูปว่า จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ตนคิดว่ายังมีความเข้าใจผิดบางประการเรื่องการปฏิรูปอยู่มักคิดไปว่า การปฏิรูปมีอยู่เพียงวิธีการเดียว อาศัยเพียงผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง ซึ่งเราเคยถูกหลอกเมื่อครั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดร.นิธิ ชี้ว่า การพัฒนาและการปฏิรูปนั้นคล้ายกันคือ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจ และจะมีคนจำนวนหนึ่งได้และเสีย ไม่มีใครได้หมดหรือเสียหมด จึงต้องเปิดให้กลุ่มคนที่ได้และเสียจากการเปลี่ยนแปลงสามารถตรวจสอบและโต้เถียงได้

            “เมื่อใดก็ตามที่ใครจะทำอะไรกับบ้านเมือง แล้วคิดว่าสูตรสำเร็จมีอยู่สูตรเดียว และเขาเป็นคนรู้ ให้ระวังสิทธิเสรีภาพของตัวเองไว้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มีเรื่องการเมืองแทรกอยู่เสมอ” ดร.นิธิกล่าวและว่า การปฏิรูปต้องวางเป้าหมายพิจารณาว่า อะไรเป็นปัญหาสำคัญที่สุด และเชื่อมโยงทุกประเด็นเข้าด้วยกัน และต้องโยนข้อสรุปเข้าสู่สังคมเพื่อสร้างการถกเถียง

ทั้งนี้ดร.นิธิกล่าวย้ำถึงสื่อมวลชนว่า เป็นสถาบันแรกที่ต้องปฏิรูป ควรรายงานเรื่องคนกลุ่มเล็กทางสังคมหรือชาวบ้าน มากกว่ารายงานข่าวขององค์กรใหญ่หรือรัฐบาล ให้เสียงของคนกลุ่มเล็กดังกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากนี้รัฐบาลต้องสนับสนุนในประเด็นใหญ่ ๆ เช่น การแก้กฎหมาย และลดอำนาจตัวเอง

เดินหน้าเลือกตั้ง ลดความรุนแรง

ขณะที่ ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ แสดงความเห็นสนับสนุนการเลือกตั้ง โดยยกตัวอย่างจากบทเรียนในต่างประเทศที่เกิดความรุนแรงใช้การเลือกตั้งเป็นทางออก ดร.ประจักษ์กล่าวว่า การเลือกตั้งไม่ได้เป็นเงื่อนไขให้เดินไปสู่ความรุนแรง บทเรียนจากทั่วโลกแม้ในประเทศที่เกิดสงครามกลางเมือง อย่าง อิหร่าน อัฟกานิสถาน กัมพูชา สุดท้ายต้องใช้การเลือกตั้งเป็นทางออก สำหรับสภาวะรัฐล้มเหลวที่ถูกพูดถึงเกิดจากระบอบประชาธิปไตยในรัฐนั้นถูกทำลาย ไม่เกิดการเลือกตั้ง คนไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติเนื่องจากไม่มีกลไกการแก้ไขอย่างสันติหรือพื้นที่กลาง คนจึงลงมาต่อสู้กันบนท้องถนน

อย่างไรก็ตาม ดร.ประจักษ์ มองประเด็นการเลื่อนการเลือกตั้งว่า ไม่ตอบโจทย์ปัญหาประเทศไทยในขณะนี้ ต้องหันกลับมาตั้งสติให้ดีว่า ความรุนแรงจากการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น เป็นความพยายามจากฝ่ายไหนเนื่องจากสังคมไม่ได้วุ่นวาย แต่มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามทำให้วุ่นวาย

            “คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศเองว่า ไม่สนใจจะเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ เป้าหมายคุณสุเทพ คือหยุดประชาธิปไตย” ดร.ประจักษ์กล่าว

ทั้งนี้ดร.ประจักษ์ กล่าวฝากข้อเรียกร้องถึงผู้ชุมนุม กปปส. ให้หันกลับมาต่อสู้ในระบบการเมืองหากไม่ชอบรัฐบาลให้เลือกโหวตโนหรือเลือกพรรคอื่น เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน หากรัฐบาลได้เสียงสนับสนุนน้อยรัฐบาลจะมีอำนาจน้อยและหันมาผลักดันเรื่องการปฏิรูป

นักกฎหมายชี้ เลือกตั้งเลื่อนได้ต้องคืนอำนาจรัฐบาล

ด้านนักวิชาการด้านกฎหมาย ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ กล่าวถึงการเลื่อนการเลือกตั้งว่า สถานการณ์ยังไม่ถึงเหตุสมควรให้เลื่อนการเลือกตั้ง หากกระทำจริงต้องนำรัฐบาลกลับมา แล้วแก้กฎหมายใหม่

            “เมื่อรัฐบาลยุบสภาต้องมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นตามมา ซึ่งในรัฐธรรมนูญกำหนดระยะเวลาการเลือกตั้งใหม่หลังยุบสภา ภายใน 45-60 วัน หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกล่าวว่า สามารถเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ เท่ากับต้องแก้ตัวกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเท่ากับว่าต้องนำรัฐบาลชุดเดิมกลับมา คืนอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อทำการแก้กฎหมาย” ดร.วรเจตน์กล่าว

ขณะที่ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล ความสำคัญของการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ในเชิงการต่อสู้ว่า เพื่อปกป้องประชาธิปไตย

            “ความสำคัญของการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.คือระบอบประชาธิปไตย ที่มีการเลือกตั้งเป็นมาตรฐานขั้นต่ำ เพื่อสู้กับระบอบอะไรไม่รู้ที่ไม่มีมาตรฐานใดใดมาวัด” ดร.ปิยบุตรกล่าว

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai

 

 

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: