กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า) หวั่นสื่อไทย-เทศ ประโคมข่าวสร้างความกังวลใจ หลังรัฐบาลอนุมัติแจกจ่ายอาวุธปืนสงคราม 2,700 กระบอก แก่ชุดรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุมีการจัดทำบัญชีคุม ยิงเก็บปลอกกระสุนและจัดทำประวัติบุคคลอย่างละเอียด ชี้เป็นการเสริมสร้างศักยภาพให้กำลังฝ่ายพลเรือนและกำลังภาคประชาชน เพื่อสร้างชุมชนเข้มแข็งป้องกันตนเองได้ พบงบแก้ปัญหาชายแดนใต้ไตรมาสแรกใช้งบ 7,786 ล้าน รวม 11 ปีถลุงแล้ว 208,323 ล้าน
สืบเนืองจากการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2557 ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมรับทราบการพิจารณาสนับสนุนอาวุธประจำกาย ได้แก่อาวุธปืน 2,700 กระบอก โดยกองทัพบกจัดหาให้กระทรวงมหาดไทย แจกจ่ายให้อาสาสมัครรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบปัญหาการขาดแคลนกำลังตำรวจจำนวน 2,000 อัตรา โดยจะสรรหาจากผู้ที่มีภูมิลำเนาใน 14 จังหวัดภาคใต้ 1,000 อัตรา และพื้นที่อื่นอีก 1,000 อัตรา คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. 2558
จากนั้นในวันที่ 4 พ.ย. 2557 พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ได้ออกมาระบุว่าการสนับสนุนดังกล่าวเป็นโครงการที่เสนอโดยกระทรวงมหาดไทย ในการประชุม คปต. ครั้งที่ 1/2557 เมื่อ 30 มิ.ย. 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนต่อการปฏิบัติภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ในการแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อใช้เป็นอาวุธประจำกายให้กับสมาชิกกองกำลังอาสารักษาดินแดน (อส.) ที่จัดตั้งใหม่ และกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้า คสช. ผ่าน กอ.รมน. ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้อนุมัติในหลักการให้ กระทรวงมหาดไทยโอนให้กับกองทัพบกเป็นหน่วยดำเนินการจัดหาปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มม. และพิจารณาปรับโอนอาวุธที่ใช้ประจำการให้ กระทรวงมหาดไทย เสนอเรื่องไปยังสำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการ และต่อมากองทัพบกได้อนุมัติหลักการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง (ปค.) เบิกยืมปืนเล็กยาวแบบ 11 (ปลย.11) หรือที่ใช้ชื่อว่า HK-33 จำนวน 2,700 กระบอก เพื่อใช้เป็นอาวุธประจำกายสนับสนุนการปฏิบัติงานของสมาชิก อส. ทดแทนการจัดซื้อใหม่ โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2557 ที่ผ่านมา กรมสรรพาวุธทหารบก (สพ.ทบ.) ได้ดำเนินการลงนาม MOU กับ ปค. และได้ส่งมอบให้กับหน่วยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ 11 ก.ย. 2557
ล่าสุดเมื่อ 6 พ.ย. 2557 ที่ผ่านมา พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า) เปิดเผยว่าจากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่อต่างๆ ในประเทศและในต่างประเทศว่ารัฐบาลไทย ได้อนุมัติแจกจ่ายอาวุธปืนสงครามจำนวน 2,700 กระบอก ให้กองกำลังภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อใช้ต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงทำให้หลายฝ่ายเกิดการเข้าใจผิดและมีความเป็นกังวลนั้นทาง กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจในกรณีนี้ ดังนี้
1. การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบัน อยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 โดยมุ่งเน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กำลังฝ่ายพลเรือนควบคู่ไปกับการพัฒนา ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำการฝึกทบทวน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกองกำลังอาสารักษาดินแดน (อส.) ให้มีขีดความสามารถในการดูแล ความปลอดภัยให้ตัวเองและชุมชน และสามารถแจ้งเตือนเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้อย่างทันเวลา ทั้งนี้เพื่อเตรียมการส่งผ่านการแก้ปัญหาไปสู่ระยะสุดท้าย คือ “การเสริมสร้างสันติสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ในอนาคต
2. ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้อาวุธปืนลูกซอง ซึ่งได้รับการแจกจ่ายจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อดูแลชุมชนให้ปลอดภัยโดยไม่ได้มีการแจกจ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด สำหรับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ยังขาดแคลนอาวุธประจำกาย เป็นจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครองได้เบิกยืมจากกองทัพบก จำนวน 2,700 กระบอก เพื่อใช้เป็นอาวุธประจำกายสนับสนุนการปฏิบัติงานของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พุทธศักราช 2497 เช่นเดียวกับพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ของประเทศ เพื่อปฏิบัติภารกิจในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้พี่น้องประชาชน ทั้งนี้ได้มีการจัดทำบัญชีคุม, ยิงเก็บปลอกกระสุนและจัดทำประวัติบุคคลอย่างละเอียด
และ 3. จากที่กล่าวมาแล้ว จึงเห็นได้ว่ารัฐบาลมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแนวทางสันติวิธี ภายใต้หลักกฎหมายที่เสมอภาคและเป็นธรรมและเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน อาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เสริมสร้างศักยภาพให้กำลังฝ่ายพลเรือนและกำลังภาคประชาชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่ เพื่อสร้างชุมชนเข้มแข็ง สามารถป้องกันตนเองและชุมชนให้เกิดความปลอดภัย มิใช่การต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงแต่อย่างใด
อนึ่งในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2557 ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบหลักการของแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้เร่งปฏิบัติในไตรมาสแรกโดยใช้งบ 7,786 ล้านบาท และให้ประเมินผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจากข้อมูลจากสำนักงบประมาณ พบว่างบประมาณแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2547 - 2557 พบว่าในแต่ละปีได้ใช้งบประมาณดังนี้
ปี 2547 จำนวน 13,450 ล้านบาท ปี 2548 จำนวน 13,674 ล้านบาท ปี 2549 จำนวน 14,207 ล้านบาท ปี 2550 จำนวน 17,526 ล้านบาท ปี 2551 จำนวน 22,988 ล้านบาท ปี 2552 จำนวน 27,547 ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 16,507 ล้านบาท ปี 2554 จำนวน 19,102 ล้านบาท ปี 2555 จำนวน 16,277 ล้านบาท ปี 2556 จำนวน 21,124 ล้านบาท ปี 2557 จำนวน 25,921 ล้านบาท รวม 11 ปีงบประมาณ ใช้งบประมาณไปแล้วทั้งสิ้นถึง 208,323 ล้านบาทแล้ว.
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ