เรามารู้จักต้นกำเนิดของแป้นพิมพ์กันก่อนดีกว่า เริ่มมาจากวิศวกรชื่อเฮนรี่ มิล ที่ประเทศอังกฤษ ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษเครื่องแรกในปีพ.ศ. 2237 ที่มีมากถึง 7 แถว มีปุ่มทั้งหมด 84 ปุ่ม แล้วค่อยพัฒนามาเป็นแป้นพิมพ์สองชั้น ลดจำนวนแถวลงไป เพิ่มตัวอักษรในแต่ละปุ่มให้มากขึ้น และต่อยอดมาเป็นปุ่ม Shift ทำการรวมตัวอักษรไว้ในปุ่มเดียว 2 ตัวอักษร
จนถึงยุคปัจจุบัน แป้นพิมพ์ก็ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนมีปุ่ม Shift, Shift Lock, Alt ตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก (ใช้ในภาษาอังกฤษ) มีอักษรสองแถว และมีปุ่มลบ (Correct) ใช้หลักการแปะเทปลอกหมึกออกมาจากกระดาษ
สำหรับประเทศไทยเรามีรูปแบบคีย์บอร์ดอยู่สองแบบด้วยกัน แบบแรกคือ เกษมณี (รูปแบบคีย์บอร์ดภาษาไทยในปัจจุบัน) ออกแบบโดยหมอยอร์ช บี แมคฟาร์แลนด์ (พระอาจวิทยาคม) คิดค้นร่วมกับพนักงานบริษัทอีก 2 คนคือ นายสวัสดิ์ มากประยูร และนายสุวรรณประเสริฐ เกษมณี (กิมเฮง) ใช้เวลาในการออกแบบนานกว่า 7 ปี ประสบความสำเร็จในปี พ.ศ.2474
แบบที่สองคือ ปัตตะโชติ เป็นแบบที่พัฒนาต่อมาจากเกษมณี เพราะพบว่าแบบเก่ายังมีข้อบกพร่องอยู่ จึงคิดวางตัวอักษรแป้นพิมพ์ซะใหม่ เมื่อแบบแป้นพิมพ์ใหม่ออกมาแล้ว ปรากฎว่าช่วยให้พิมพ์ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 25.8% แถมยังช่วยลดอาการปวดนิ้วมือจากการพิมพ์ได้อีกซะด้วย แต่!! ปัตตะโชติก็ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าเกษมณีซักเท่าไหร่
สำหรับรูปแบบคีย์บอร์ดที่นิยมใช้ในไทยปัจจุบันคือ เกษมณี หรือ QWERTY นั่นแหละ ที่เขาไม่เรียงตัวอักษรมาให้ มีเหตุผลง่ายๆ แค่ข้อเดียว อยากให้คนพิมพ์ช้าลงบ้าง ไม่ต้องรีบ
เพื่อป้องกันปัญหาก้านพิมพ์พันกัน สาเหตุหนึ่งที่ทำให้แป้นพิมพ์ติดหรือค้างบ่อยๆ นั่นเอง ถึงแม้จะมีรูปแบบใหม่ๆ ออกมาเพื่อช่วยให้พิมพ์เร็วขึ้น คนส่วนใหญ่ก็นิยมแบบนี้อยู่ดี คงจะชินกันไปแล้วล่ะ
ที่มา http://www.catdumb.com/
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ