เมื่อวันที่ 28 กันยายน ศาลาประชาคม อ.เหนือคลอง จ.กระบี่การไฟฟ้าฯ และบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัดและบริษัท แอร์เซฟ จำกัด ซึ่งได้รับจ้างจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โครงการท่าเทียบเรือขนถ่านหินบ้านคลองรั้วได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 หรือ ค.3 ในการจัดเวทีครั้งนี้ได้มีการระดมเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบทั้งทหารตำรวจและอส.มาคุ้มครองการจัดเวที
ส่วนประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือถ่านหินกระบี่หลายร้อยคนยืนยันไม่เข้าร่วมเวทีค.3 โดยใช้วิธีการแสดงออกเชิงสัญญาลักษณ์คัดค้านโครงการฯ นั่งปิดปากด้วยสก๊อตเทปรอบอาคารศาลาประชาคม เพื่อคัดค้านการจัดเวทีครั้งนี้
นายกฤตภาส รัตนากาญจน์ เครือข่ายปกป้องกระบี่ กล่าวว่า การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่าเทียบเรือถ่านหินบ้านคลองรั้ว (ค.3) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ที่ทำการอำเภอเหนือคลอง จ.กระบี่ ในวันนี้ เป็นเวทีที่ไม่โปร่งใส ขาดความชอบธรรม คนที่เข้าไปร่วมในเวทีหลายร้อยคนเป็นคนนอกพื้นที่ เพราะหากเป็นคนในพื้นที่ กลุ่มคนที่คัดค้านโครงการจะรู้จักแต่คนมามาร่วมแทบทั้งหมดเป็นคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แล้วจะมาอ้างได้อย่างไรว่าเป็นความคิดเห็นของคนในพื้นที่นี้คือความไม่โปร่งใสไม่ชอบธรรมของเวที
เมื่อเดือนธันวาคม 2556 บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัท แอร์เซฟ จำกัด ซึ่งได้รับจ้างจากกฟผ. ให้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EHIA) โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว โดยเดือนมีนาคม 2557 ที่ผ่านมา กฟผ.ได้จัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Public Scoping) (ค.1) และเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้นภายใต้กระบวนการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นขึ้นในพื้นที่จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเดินทางลงพื้นที่เพื่อไต่สวนการละเมิดสิทธิและจัดทำรายงานการไต่สวนดังกล่าว
นายกฤตภาสกล่าวอีกว่า ในกระบวนการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นทั้งครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และวันนี้เป็นครั้งที่ 3ประชาชนในพื้นที่ และเครือข่ายได้แสดงเจตนารมณ์ยืนยันมาโดยตลอดว่าคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือถ่านหินกระบี่ เพราะข้อมูลทางวิชาการยืนยันชัดเจนว่าถ่านหินมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมกระทบต่อสิ่งมีชีวิต การที่โรงไฟฟ้าฯมาอ้างว่าถ่านหินสะอาด เป็นข้อมูลเท็จ ที่แย่มากๆวันนี้ในเวทีมีการนิมนต์พระสงฆ์มาเทศเชียร์โรงการโรงไฟฟ้าถ่านหินว่าดีด้วย ชี้ให้เห็นว่ามีการใช้วิธีการทุกวิธีการแม้แต่ใช้พระสงฆ์เป็นเครื่องมือสนับสนุนโครงการก็ยอมทำ โดยไม่กลัวบาปกรรม
นายกฤตภาสกล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าเวทีค.3 ในวันนี้ คงจะผ่านเหมือนเวทีค.1 ค.2 เพราะฝ่ายจัดเวทีมีการเตรียมการมาจัดเวทีให้ครบขบวนการเท่านั้น กฟผ.และบริษัทที่ปรึกษา ไม่ได้ให้ความสำคัญเสียงคัดค้านของคนในพื้นที่และไม่ให้ความสำคัญต่อกฏหมายบ้านเมือง ในเวทีค.3 วันนี้ไม่มีประชาชนที่คัดค้านเข้าร่วมเวทีแม้แต่คนเดียวจะรอดูว่าผลของการจัดเวทีค.3 สรุปออกมาว่าอย่างไร แต่สำหรับคนกระบี่แล้วยืนยันคัดค้านต่อไป
ด้านนางกนกวรรณ แซ่เอียว บ้านครองรั้ว อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ กล่าวว่า การจัดเวทีค.3 ในวันนี้ ในสายตาคนในพื้นที่รู้สึกตลกมากที่กฟผ.และบริษัทที่ปรึกษา ใช้ทหาร ตำรวจและ อส.หลายร้อยนายมาคุ้มครองการจัดเวที โครงการท่าเรือขนถ่านหินเป็นเรื่องสำคัญมากต่อชีวิตของคนในพื้นที่และสิ่งแวดล้อมที่จะได้รับผลกระทบ ดังนั้นเจ้าหน้าที่รัฐในเครื่องแบบต้องยืนอยู่ในจุดที่ควรยืน ไม่ใช่ไปเลือกยืนอยู่ฝั่งที่จะมาทำลายทำร้ายประชาชนและทำลายสิ่งแวดล้อม วันนี้ได้เห็นภาพเจ้าหน้าที่รัฐในเครื่องแบบพร้อมอาวุธสงคราม ออกมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประชาชน ที่ออกมาปกป้องสิ่งแวดล้อมแล้วรู้สึกตลก ขณะเดียวกันก็รู้สึกอับอายอย่างมากที่ประเทศนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่มีความรู้ ไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ที่สำคัญการที่เจ้าหน้าที่รัฐเลือกยืนในจุดนั้นก็แสดงให้เห็นเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากสนับสนุนโครงการไปโดยปริยาย
นางกนกวรรณกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากฟผ.และบริษัทที่ปรึกษามีการจัดเวทีค.1 แต่ถูกประชาชนคัดค้านอย่างเต็มที่ต่อมามีการแอบจัดเวที ค.2 ผลสรุปของการจัดเวทีมีการบิดเบือนข้อมูลในการกระบวนการศึกษาและจัดทำรายงานดังกล่าว ว่าทั้ง 2 เวทีได้ผ่าน ซึ่งไม่ทราบว่าผ่านมาได้อย่างไร ทั้งที่มีการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เพื่อคัดค้านถ่านหินภายใต้การดำเนินงานของกฟผ.มาตลอด ชาวบ้านยืนยันอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ต้น ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ แต่วันนี้มีกระบวนการใช้กำลังทหาร ตำรวจ อส. อปพร. เพื่อคุ้มครองการจัดเวทีค.3 ให้เป็นไปตามที่กฟผ.ต้องการซึ่งประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิการแสดงความเห็นได้ตามกฎหมาย อีกทั้งมีการกะเกณฑ์ประชาชนจากนอกพื้นที่มาเพื่อสนับสนุนโครงการ ประชาชนที่คัดค้านโครงการ จึงใช้วิธีการแสดงออกเชิงสัญญาลักษณ์คัดค้านโครงการฯนั่งปิดปากด้วยสก๊อตเทปรอบอาคารศาลาประชาคมเพื่อคัดค้านการจัดเวทีครั้งนี้ เพราะประเมินแล้วว่าเข้าไปในเวทีก็ไม่ได้มีความหมายอะไร
ขณะที่ แสง ธรรมดา กลุ่มศิลปินที่ทำเพลงเพื่อแสดงออกถึงการปกป้องกระบี่จากถ่านหิน กล่าวว่า กระบี่เป็นมรกตแห่งอันดามันของเราทุกคน และพลังงานหมุนเวียนคือมิตรแท้ของการท่องเที่ยวและระบบนิเวศ นอกจากความสวยงามของท้องทะเลแล้ว กระบี่ยังเป็นบ้านของพะยูนที่ใกล้สูญพันธุ์เต็มที บ้านคลองรั้ว อ.เหนือคลองจ.กระบี่ มีแหล่งหญ้าทะเลที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศ หญ้าทะเลเป็นอาหารของพะยูน ฝูงใหญ่ที่สุดของทะเลไทย แต่พื้นที่ดังกล่าวถูกกฟผ.และบริษัทที่ปรึกษากำหนดจะสร้างท่าเรือขนถ่านหิน
“ถ่านหินไม่ใช่ทางออกของพลังงาน แต่คนกระบี่กำลังถูกยัดเยียดให้ยอมรับการสร้างท่าเรือขนถ่านหินและโรงไฟฟ้าถ่านหิน การผลิตไฟฟ้า ในระดับสากลมีการใช้พลังงานที่สะดาดอย่างเช่นพลังงานลม พลังงานแสงแดด และข้อมูลเหล่านี้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไป ถามว่าการไฟฟ้าไม่รับรู้ไม่มีข้อมูลหรือ ไม่จริง ต้องรับรู้ต้องมีข้อมูลแต่ไม่ทำต่างหาก”
แสง ธรรมดา กล่าวอีกว่า การจัดเวทีค.3 ในวันนี้ ประชาชนมีคำถามว่า ทำไมทหารไม่สั่งให้กฟผ.และบริษัทที่ปรึกษาหยุดจัดเวทีค.3 ไว้ก่อน แบบเดียวกับที่ทหารเคยสั่งให้ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานหยุดจัดเวทีและหยุดเดินปฏิรูปพลังงาน ทำไมทหารไม่สั่งให้หยุด และทำไมทหารไม่จับกุมการไฟฟ้าและบริษัทที่ปรึกษาเข้าไปควบคุมตัวในค่ายทหารแบบเดียวกันที่ทหารเคยจับขาหุ้นและนำขาหุ้นไปควบคุมตัวในค่ายทหาร และทำไมทหารไม่สั่งให้การไฟฟ้าและบริษัทที่ปรึกษาไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม และสั่งให้รอคณะกรรมการปฏิรูปก่อนแบบเดียวกันที่ทหารสั่งและบังคับให้ขาหุ้นทำ ซึ่งนอกจากทหารไม่สั่งไม่บังคับไม่จับกุมตัวพวกการไฟฟ้าและบริษัทที่ปรึกษาแล้วยังยกกองกำลังนับหลายร้อยนายพร้อมอาวุธสงครามมาคุ้มครองพวกจัดเวที ทำไมทหารไม่ปฏิบัติให้เหมือนกับที่ทหารปฏิบัติกับขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน
อ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ความล้มเหลวของกระบวนการจัดทำรายงาน EHIA โครงการโรงไฟฟาถ่านหินกำลังผลิตติดตั้ง 870 เมกะวัตต์และท่าเทียบเรือถ่านหินที่จังหวัดกระบี่
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ