นายสมศักดิ์โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นชอบกรอบงบประมาณประจำปี 2558 มีวงเงินงบประมาณรายจ่าย 2.575 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 50,000 ล้านบาท โดยมีรายจ่ายลงทุน 450,625 ล้านบาท พร้อมทั้งประมาณการรายได้สุทธิ 2.325 ล้านล้านบาทและขาดดุล 250,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมุติฐานการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ 4 เปอร์เซนต์ และอัตราเงินเฟ้อ 2.3 เปอร์เซนต์ โดยยังคงเป้าหมายงบประมาณสมดุลในปี 2560 ตามเดิม
ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบปฏิทินงบประมาณรายจ่ายปี 2558 ซึ่งมีกรอบการดำเนินงานคือ ขั้นตอนการวางแผนงบประมาณ ที่สำนักงบประมาณกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะร่วมพิจารณารอบวงเงิน โครงสร้าง เป้าหมายและยุทธศาสตร์ ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 12 มิ.ย.2557 จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการจัดทำงบประมาณที่ทุกส่วนราชการต้องจัดทำรายละเอียดเสนอมายังสำนักงบ ก่อนเสนอให้หัวหน้าคสช.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณในวันที่ 29 ก.ค.2557 ก่อนนำเสนอฝ่ายนิติบัญญัติ
ขณะที่ขั้นตอนการอนุมัติงบประมาณ หลังจากที่ผ่านการเห็นชอบจากคสช.แล้วในวันที่ 6 ส.ค.2557 ฝ่ายนิติบัญญัติ จะแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ในวาระที่ 1 จากนั้นในวันที่ 7 ส.ค.- 5 ก.ย.2557 คณะกรรมการธิการฯจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.และจัดทำข้อเสนอต่อฝ่ายนิติบัญญัติ วาระที่ 2-3 เพื่อพิจารณาในวันที่9 ต.ค.2557 และหลังจากนั้นในวันที่ 15ก.ย.2557 สำนักเลขาธิการครม.จะนำร่างดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯถวาย เพื่อให้งบประมาณปี 58 มีผลบังคับใช้ได้ในวันที่ 1ต.ค.2557 อย่างไรก็ตามหากยังไม่สามารถจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติขึ้นมาพิจารณาได้อาจตั้งคณะกรรมการธิการงบประมาณขึ้นมาพิจารณาร่างงบประมาณแทน
อย่างไรก็ตาม คสช.ยังได้เห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ 8 เรื่อง คือ ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเร่งรัดวางรากฐานที่ดีของประเทศยุทธศาสตร์ความมั่นคงของรัฐ ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมยุทธศาสตร์การศึกษา สาธารณสุข คุณธรรม จริยธรรม และคุณภาพชีวิต ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการวิจัยและนวัตกรรม ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศยุทธศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และรายจ่ายค่าดำเนินการภาครัฐ
ทั้งนี้ในยุทธศาสตร์แรก คสช.ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเร่งด่วน 8 เรื่อง คือ เร่งรัดการช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนฟื้นฟูความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน สร้างความปรองดองสมานฉันท์ป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ ดำเนินการตามกรอบข้อตกลงประชาคมอาเซียน ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเร่งรัดใช้งานวิจัยและพัฒนา และเร่งแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายสมศักดิ์กล่าวว่า คสช.ยังเห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณปี 2557 เพราะล่าสุดการเบิกจ่ายงบลงทุนเบิกจ่ายไปเพียง 40 เปอร์เซนต์ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 60 เปอร์เซนต์ จึงต้องออกมาตรการเพิ่มเพื่อให้การเบิกจ่ายทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ 95 เปอร์เซนต์ คือ หากโครงการใดยังจำเป็นต้องดำเนินงาน มีความพร้อมก่อหนี้ผูกพันได้ทันวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ให้เร่งเบิกจ่ายให้เสร็จภายใน 30 ก.ย.2557 ส่วนโครงการใดไม่ทันวันที่ 30 มิ.ย. ให้เสนอหัวหน้าฝ่ายที่รับผิดชอบพิจารณาเป็นรายกรณีขณะที่โครงการใดที่ไม่ทันและหมดความจำเป็น ไม่สามารถดำเนินการได้ มีความซ้ำซ้อนเหลือจ่าย ให้ปรับแผนโดยโอนเปลี่ยนแปลงงบไปยังโครงการที่มีความพร้อม นอกจากนี้ในรายจ่ายงบกลางที่เหลือจ่ายให้ส่งคืนสำนักงบประมาณ และเงินกันไว้เหลือมปีที่ยังไม่มีข้อผูกพันก็ให้ทบทวนถึงความจำเป็นต่อไป
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ