ศาลรธน.ชี้'ยิ่งลักษณ์' พ้นนายก-คดีโยกย้าย'ถวิล'

 

7 พ.ค. 2557 | อ่านแล้ว 2435 ครั้ง

ศาลรธน. มีมติเอกฉันท์ กรณี "ยิ่งลักษณ์" ใช้ตำแหน่งแทรกแซงโยกย้าย ขัด รธน.ม.266 ม.268 ทำให้ความเป็นรมต.สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามม.182 และไม่อาจอยู่รักษาการต่อไปได้ และรมต.ที่ร่วมโยกย้าย"ถวิล"ก็พ้นความพ้นตำแหน่งด้วย

เมื่อเวลา 12.20น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเริ่มอ่านคำวินิจฉัย โดย ประเด็นแรกเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีนี้ ระบุว่า ครม.ยังไม่สิ้นสุดสมาชิกภาพ ยังต้องรักษาการจนกว่าครม.ใหม่ทำหน้าที่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการพ้นตำแหน่งเฉพาะตัวไว้แล้ว เมื่อครั้งคดีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรียังไม่พ้นจากตำแหน่งจากการยุบสภาตามคำร้อง  รวมถึง รมต.ทุกคนยังไม่สิ้นสุดความเป็นรมต. ย้ำว่าต่างจากการสิ้นสุดผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองอื่น ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญยืนยันว่ามีอำนาจในการพิจารณาคำร้องไว้วินิจฉัย ประเด็นสิ้นสภาพนายกรัฐมนตรี จากการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขา สมช.

ส่วนในประเด็นที่ 2 การโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ศาลใช้คำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดเป็นฐานและศาลรัฐธรรมนูญสอบสวนความเพิ่ม ซึ่ง กระบวนการการโอนย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม  โดยย้ายพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นเลขาสมช. ทำให้ตำแหน่งผบช.สตช.ว่างลงเพื่อให้เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ดำรงตำแหน่งแทน ทั้งนี้แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอำนาจวินิจฉัยสับเปลี่ยนบุคคลแต่ต้องคำนึงถึงกฎหมาย อยู่ในกรอบของกฎหมาย มีความเหมาะสม เป็นธรรมด้วย และมีข้อเท็จจริงที่พบว่านายกฯ ใช้อำนาจแทรกแซงการโยกย้าย”ถวิล” แม้จะอ้างว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่แรกเริ่ม แต่ก็เข้าข่ายแทรกแซงการแต่งตั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต้องไม่เข้าไปแทรกแซงเพื่อประโยชน์ตนเอง หรือของพรรคในการโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการ โดย ม.266 ห้ามฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติเข้ามาก้าวก่ายการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำ เพื่อป้องกันการขัดผลประโยชน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎหมายและการแต่งตั้งข้าราชการประจำต้องใช้หลักความรู้ ความสามารถเป็นสำคัญ มีการตรวจสอบได้ ยึดหลักคุณธรรมด้วย

ทั้งนี้ได้พบหนังสือลับมาก ไม่ตรงกันสองฉบับมาเป็นหลักฐานและพบพิรุธ ผิดกฎหมาย  กระบวนการรวบรัด ผิดสังเกต ปรากฏหลักฐานอันเป็นเท็จ โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งยังไม่เห็นว่าการย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จะมีประโยชน์ต่อราชการ จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าต้องการให้ตำแหน่งเลขาสมช.ว่างลง เพื่อให้พล.ต.อ.วิเชียร ผบ.ตร. มาเป็นเลขาสมช.แทน และให้ตำแหน่งเดิมว่าง เพื่อเอื้อประโยชน์แก่เครือญาติ เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มาเป็นผบ.ตร.แทน

การเสนอ “เพรียวพันธุ์” ซึ่งเป็นพี่ชายคุณหญิงพจมาน เป็น ผบ.ตร. เป็นกระทำเพื่อประโยชน์ตนเอง เครือญาติ ไม่ใช่ประเทศชาติ แสถงถึงการมีผลประโยชน์ทับซ้อน ใช้สถานะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทรกแซง ตามม.266และ268 เป็นผลให้ตำแหน่ง สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว

ในประเด็นที่ 3 ครม. ต้องรักษาการจนกว่า จะมีคณะรัฐมนตรีใหม่เข้ามาแทนที่ โดยรมต.คนใดมีส่วนร่วมในการลงมติโยกย้าย “ถวิล” ให้สิ้นสุดการทำหน้าที่ด้วย ไม่อาจให้กระทำหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้คำร้องการพิจารณาแต่งตั้งนายกฯคนใหม่ ไม่ได้อยู่ในอำนาจศาล

สำหรับคณะรัฐมนตรีในขณะนั้นที่ต้องพ้นจากตำแหน่งจากการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี แต่ยังคงอยู่ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ประกอบด้วย

1.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ

2.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ

3.นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.กระทรวงต่างประเทศ

4.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม

5.นายปลอดประสพ สุรัสวะดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ

6.พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม

7.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

8.นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที

9.นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์

ถือเป็นการสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย

สำหรับเส้นทางคดี ซึ่งเป็นที่มาของการพ้นจากตำแหน่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เริ่มขึ้นเมื่อ รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีคำสั่งปลดนาย "ถวิล เปลี่ยนศรี" ออกจากเลขาฯสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.  เมื่อวันที่ 7กันยายน 2554 โดยให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีแทน อีก 3 วันต่อมา นายถวิลได้ยื่นหนังสือร้องเรียนความเป็นธรรมต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ในกรณีถูกปลดดังกล่าว จนต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ลงนามย้าย "พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" จากตำแหน่ง ผบ.ตร. มาเป็นเลขา สมช. แทนนายถวิล แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ให้กับคนในเครือญาติ

10 เม.ย. 55 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.)ยกคำร้องกรณีโยกย้ายโดยมิชอบของนายถวิล ที่ยื่นร้องเรียนไว้ก่อนหน้านี้ โดยหลังจากรับทราบผลดังกล่าว นายถวิลได้ออกมาตั้งข้อสงสัยว่าการพิจารณาเป็นเป็นไปโดยชอบหรือไม่ หลังพบว่าประธาน ก.พ.ค. ลงมติซ้ำซ้อน จากนั้นจึงได้เดินทางไปฟ้องศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราว ขณะเดียวกันในวันที่ 30 เม.ย. 55 ก็ได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ ก.พ.ค. ต่อศาลปกครอง ระบุเป็นการใช้ดุจพินิจโยกย้ายโดยมิชอบของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนหน้าที่ต่อมาในวันที่ 1 ต.ค. 55  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แต่งตั้ง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เป็นเลขาธิการ สมช.

กระทั่งวันที่ 31 พ.ค.56 ศาลปกครองได้อ่านคำพิพากษา สั่งให้รัฐบาลยกเลิกคำสั่งย้ายนายถวิลไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ และให้ย้ายกลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช.โดยเร็ว โดยระบุว่า การแต่งตั้งโยกย้ายไปอย่างรีบเร่ง และไม่ชอบด้วยจริยธรรม โดยรัฐบาลยืนอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุด จนวันที่ 7 มี.ค. 57 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง พร้อมกับสั่งให้รัฐบาลคืนตำแหน่ง เลขาฯ สมช.ให้นายถวิล ภายใน 45 วัน โดยระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ สั่งโยกย้ายนายถวิลไม่ชอบด้วยกฎหมาย

หลังคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดไม่กี่วัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ได้นำคำสั่งศาลปกครองสูงสุดไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยกรณีว่ากรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ สั่งย้ายนายถวิล โดยมิชอบจะทำให้พ้นสภาพนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 7 พ.ค.57 ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนปมโยกย้ายเลขาธิการสมช.โดยมิชอบ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ชี้ยกเลิกสถานะไม่ได้เพราะรัฐบาลยุบสภาไปแล้ว จึงไม่มีสถานะนายกฯ แต่ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็อ่านคำวินิจฉัยชี้ขาดให้นายกฯพ้นตำแหน่งและอีก 9 รัฐมนตรี

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: