เมื่อวันที่ 5 มีนาคม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แจงข้อมูลกรณีรักษาการนายกรัฐมนตรีขออนุญาตให้ทนายความมาตรวจพยานหลักฐานในสำนวนคดีโครงการทุจริตจำนำข้าว ระบุว่า ตามที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือลงวันที่ 4 มีนาคม 2557 ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขออนุญาตตรวจพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ทั้งนี้โดยขอให้ทนายความผู้รับมอบอำนาจได้เข้าตรวจดูพยานหลักฐานแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลในคำร้องว่า เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่อยู่ในสภาวะไม่ปกติ และมีกลุ่ม กปปส. ประกาศว่า จะไล่ล่าตัวรักษาการนายกรัฐมนตรี จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยและความสงบ หากต้องเดินทางมาด้วยตนเองนั้น
กรณีดังกล่าวสืบ เนื่องจากประธานวุฒิสภาให้ส่งคำร้อง ขอให้วุฒิสภาถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ส่อว่า จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายและกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุควรสงสัยว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการ ตามอำนาจหน้าที่นั้น และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์คณะไต่สวนได้ มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ให้มีหนังสือเรียกน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกกล่าวหามาพบ และแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ตามระเบียบไต่สวนการทุจริตเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557
ตลอดเวลาดังกล่าวได้มีกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาชน (กวป.) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมมวลชนประมาณ 200 คน รวมตัวกันปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. โดยใช้โซ่คล้องพร้อมล็อกกุญแจประตูด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ห้ามรถและเจ้าหน้าที่ เข้า-ออกเด็ดขาด มีการเตรียมการเทปูนกีดขวางประตู และปีนรั้วเข้ามาภายในสำนักงาน ป.ป.ช. อันถือว่าเป็นความผิดฐานบุกรุก และปิดถนนการจราจรฝั่งด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ช่องทางขาออก มุ่งหน้าถนนติวานนท์ พร้อมตั้งเวทีปราศรัยโดยมีการปักหลักค้างคืน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2557 เพื่อให้สำนักงาน ป.ป.ช. ยุติการไต่สวนคดีทุจริตการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้กรรมการ ป.ป.ช.ลาออก
และในวันที่ 4 มีนาคม 2557 มีการขว้างระเบิดจากรั้วฝั่งด้านตะวันออก ซอยนนทบุรี เข้ามาภายในสำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ แม้การชุมนุมจะยุติไปแล้ว แต่แกนนำก็ยังยืนยันที่จะมาปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. อีก หากกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ลาออกจากตำแหน่งภายในเวลาที่กำหนดไว้
แถลงการณ์ชี้แจงของป.ป.ช.ระบุต่อว่า โดยปกติในทางปฏิบัติ รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องเดินทางมาขอตรวจพยานหลักฐานด้วยตนเอง เช่นเดียวกับคดีกล่าวหาบุคคลอื่น ซึ่งเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการไต่สวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2555 ข้อ 40 ที่ผู้ถูกกล่าวหาอาจยื่นคำร้องขอเป็นหนังสือพร้อมด้วยเหตุผล ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อขอตรวจพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการชี้แจงข้อกล่าวหาได้
ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้แล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า เมื่อรักษาการนายกรัฐมนตรี ประสงค์จะขอให้ทนายความผู้รับมอบอำนาจเข้ามาตรวจพยานหลักฐานแทนตน รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็จะต้องดำเนินการสั่งการ มิให้มีเหตุการณ์ชุมนุม ข่มขู่ ขัดขวาง คุกคามในการปฏิบัติหน้าที่และการไต่สวนคดีดังกล่าว ของเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการ ป.ป.ช. อย่างเด็ดขาด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2557 ให้สำนักงาน ป.ป.ช. มีหนังสือแจ้งไปยังรักษาการนายกรัฐมนตรีภายในวันนี้ว่า อนุญาตให้ทนายความผู้รับมอบอำนาจสามารถมาตรวจสอบพยานหลักฐาน แทนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น หากมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นในระหว่างขอตรวจพยานหลักฐาน เช่น การข่มขู่ ขัดขวาง คุกคามจากกลุ่มมวลชนให้ยุติการไต่สวนรักษาการนายกรัฐมนตรี ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะยุติการอนุญาตให้ตรวจพยานหลักฐานดังกล่าวทันที
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ