หนังสือพิมพ์ตรังไทม์ออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 23 มกราคม นายวีระ เจริญฤทธิ์ หรือครูหยา รองประธานคณะกรรมการอิสลาม ประจำจ.ตรัง เผยถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีมวลชน ประมาณ 200 คน อ้างว่าเป็นกลุ่ม กปปส.จ.ตรัง เดินทางไปยังมัสยิดสุโสะ ต.สุโสะ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เพื่อขอความร่วมมือให้ทางโรงเรียนอิสมาอีลียะห์ มูลนิธิ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามและสามัญให้หยุดการเรียนการสอนตามคำประกาศของแกนนำ
นายวีระเปิดเผยว่า ขณะที่เกิดเหตุนั้นตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ได้รับโทศัพท์จากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ประสานไปว่า มีผู้ชุมนุมมากดดันให้ทางโรงเรียนหยุดการเรียนการสอนในทันที โดยนายวิเชียร ใจสมุทร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.สุโสะ เป็นผู้เจรจา ได้ชี้แจงว่า ไม่สามารถหยุดการเรียนได้ทันทีตามคำขอของผู้ชุมนุม เนื่องจากมีเด็กเล็กจำนวนมากอยู่ด้วย และไม่สามารถติดต่อผู้ปกครองได้ทั้งหมด จึงต่อรองว่าจะปิดการเรียนการสอนตามคำขอให้ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งผลก็เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย ทางกลุ่มม็อบเองก็ได้แยกย้ายกันกลับ โดยไม่มีการบุกเข้าไปภายในมัสยิดหรือปิดประตูตามที่มีข่าวออกไปแต่อย่างใด เพราะได้เจรจากันบริเวณด้านหน้ามัสยิดเพียงเท่านั้น
“ในเหตุการณ์ดังกล่าว ยอมรับว่ามีผู้ชุมนุมบางคนที่อยู่ในอาการมึนเมา อีกทั้งผู้ที่มาส่วนใหญ่นั้นก็เป็นกลุ่มวัยรุ่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงน่าจะเกิดจากการขาดสติจากเครื่องดื่มมึนเมาด้วยส่วนหนึ่ง แต่จากกระแสข่าวที่ออกไปว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมาปิดมัสยิดนั้น ตนยืนยันว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มาปิดมัสยิด แต่มาขอความร่วมมือให้ปิดโรงเรียน ซึ่งอยู่ติดกับมัสยิด ส่วนกรณีที่มีเสียงปืนดังนั้น ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นเสียงปืนหรือเสียงประทัด เพราะดังขึ้นแค่เพียงครั้งเดียวแล้วเงียบหายไป และจุดที่เสียงดังก็ห่างจากจุดที่มีผู้ชุมนุมอยู่พอสมควร จึงไม่น่าจะเป็นการยิงขู่กันตามที่กระแสข่าวออกไป” นายวีระกล่าว
นายวีระเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้สังคมพี่น้องมุสลิมทั่วประเทศที่ได้รู้ข่าวเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก เพราะแม้ว่าทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะเข้าไปปิดโรงเรียนก็ตาม แต่โรงเรียนและมัสยิดสำหรับชาวมุสลิมนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ การที่บุคคลดังกล่าวกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการไม่ให้เกียรติพี่น้องชาวมุสลิม ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทางแกนนำกปปส.จากต.ทุ่งยาว ได้ประสานมาว่า จะเข้ามาขอโทษตน แต่ส่วนตัวแล้วตนมองว่า แม้จะเข้ามาขอโทษตนก็ไม่เป็นผล เพราะภาพที่ออกไปมันได้แพร่กระจายไปในสังคมออนไลน์ และถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย จึงอยากจะแนะนำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ทำหนังสือเพื่อชี้แจงและขอโทษต่อท่านจุฬาราชมนตรีดีกว่า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับพี่น้องมุสลิม
“ผมเชื่อว่าหากได้ขอโทษต่อท่านจุฬาราชมนตรีแล้ว พี่น้องชาวมุสลิม ทั้ง 39 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ได้ติดตามเรื่องนี้ ก็จะทำความเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหากท่านจุฬาราชมนตรีว่าอย่างไร ก็เชื่อว่าพี่น้องชาวมุสลิมจะเชื่อฟังท่าน ส่วนตัวไม่อยากให้เรื่องลุกลามบานปลาย เพราะหากปล่อยไว้ไม่เข้าไปทำความเข้าใจก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปถึงมุสลิมทั่วโลก แล้วจะแก้ไขปัญหาได้ยาก”
ขอบคุณข่าวจาก หนังสือพิมพ์ตรังไทม์ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ