เมื่อวันที่ 7 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานวันสถาปนากรมแพทย์ทหารบก ครบรอบ 114 ปี ถึงข่าวการเคลื่อนย้ายกำลังทหารเพื่อเตรียมปฏิวัติว่า ข่าวลือก็เป็นข่าวที่ไม่จริง ดังนั้นไม่ต้องเชื่อ เพราะเรามีการเคลื่อนย้ายกำลังพลทุกปี และนโยบายในปี 2557 ของกองทัพบกเป็นการนำพากองทัพไปสู่ความทันสมัยในอนาคต ในปีนี้เป็นวาระพิเศษที่เรากำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่า เราจะนำยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ ที่ได้จัดซื้อจัดหามา ให้ประชาชนในกรุงเทพฯ ได้เห็นว่า สิ่งที่เราได้จัดซื้อมามีสมรรถนะเพียงใด ส่วนรถถัง Oplot คงจะเดินทางมาไม่ทัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เราได้ใช้จ่ายงบประมาณในการจัดหายุทโธปกรณ์ได้อย่างโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ อย่ามองคนละประเด็น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนที่มีคนระแวงว่า ทหารจะใช้การปฏิวัติเป็นทางออกสุดท้ายนั้น คนไปกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เมื่อมองไม่เห็นก็อย่าไปกลัว คิดว่า ทุกอย่างมีสาเหตุหมด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเรื่องเดียว ทุกเรื่องต้องมีสาเหตุ ต้องมีเงื่อนไข ดังนั้นต้องไปหาให้เจอว่าอยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีเหตุอะไรก็ไม่มีเรื่อง เหมือนเรื่องอีกากับวัว ถ้าวัวมีแผล อีกาก็จะมาจิกหลังทุกวัน ถ้าไม่มีแผลก็ไม่มีอีกา ประเทศชาติอยู่ด้วยกระบวนการ ศาลยุติธรรม องค์กรอิสระ ถ้าเราอยู่ด้วยการแก้ปัญหาที่ผิดวิธีจะสร้างปัญหาไปเรื่อย ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่าการที่กลุ่มกปปส.จะปิดกรุงเทพฯ จะส่งผลให้เกิดการปะทะกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การปะทะเกิดมาแล้วหลายครั้ง ย้อนกลับไปดูปี 2553 ว่าเกิดอะไรขึ้น ในปี 2553 มีสองฝ่าย คือรัฐบาลกับกลุ่มต่อต้าน ส่วนปีนี้มีรัฐบาลกับกลุ่มต่อต้านคือ กปปส. และยังมีอีกกลุ่มที่เตรียมออกมาอีก สรุปคือมี 3 กลุ่ม ซึ่งต่างจากปี 2553 ตนขออย่างเดียวอย่าให้เกิดความรุนแรง ซึ่งทหารต้องดูแลประชาชนทุกพวกทุกฝ่ายไม่ให้บาดเจ็บล้มตาย ไม่ได้ดูแลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนต้องดูแลคนทั้งประเทศ
“การปิดกรุงเทพฯ ของกปปส.ต้องคอยดูว่า จะเกิดอะไร ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร เพราะไม่ใช่กปปส. หวังเพียงอย่างเดียวว่า จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายมีทางออกร่วมกัน หรือใครจะหวังให้ฆ่ากันตายหมด ใครก็ตามที่ทำให้เกิดความรุนแรง คนนั้นจะต้องรับผิดชอบจำไว้ ไม่ว่าพวกไหนก็แล้วแต่ ถ้าออกมาเมื่อไร ประชาชนตีกัน มีการบาดเจ็บล้มตาย จราจล รัฐบาลต้องรับผิดชอบในหลักการ”
เมื่อถามว่า หากนายกฯลาออกจะจบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ เอง เมื่อถามว่า มีความต้องการให้ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คิดว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเข้าใจ ซึ่งตนอธิบายในที่ประชุมกอ.รมน.ที่ผ่านมา และชี้แจงว่า เราเคยใช้อย่างไร เพราะทหารถูกนำไปเกี่ยวโยงทุกครั้งไป ซึ่งตนชี้แจงถึงเหตุผล และความจำเป็นในการตั้งศอ.รส. ขอย้อนกลับไปเมื่อปี 2553 ก่อนประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรง 6 ครั้ง มีการใช้อาวุธสงคราม โดยไม่รู้ว่าใครทำ จึงมีการประกาศพร.บ.ความมั่นคงฯ จากนั้นมีการพัฒนาสถานการณ์ตามลำดับ โดยมีเหตุการณ์ใช้อาวุธสงคราม 24-26 ครั้ง จึงมีการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และจากนั้นยังมีการเหตุการณ์ความรุนแรงอีก 60 กว่าครั้ง
“ทั้งหมดในปี 2553 มีเหตุการณ์ความรุนแรง ใช้อาวุธสงคราม กระสุน และวัตถุระเบิดทั้งหมด 96 ครั้ง แต่วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งต้องไปพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าเกิดจากใคร ซึ่งผมได้เรียนนายกรัฐมนตรีและศอ.รส.ไปแล้วว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบให้ชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้นในขณะนี้ ใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ต้องชัดเจน จะได้ไม่พัฒนาไปสู่ปี 2553 ซึ่งในปี มีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ตั้งแต่เดือนก.พ.จนไปจบสิ้นการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเวลา 9 เดือนเต็ม แต่ขณะนี้เพิ่งผ่านไปแค่ 2 เดือน ผมพยายามหยุดไม่ให้ยืดยาวไปสุ่จุดนั้น จนทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทุกคนต้องกลับมาแก้ปัญหากันให้เจอ ผมไม่สนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง เจ้าหน้าที่และประชาชนไม่ควรใช้ความรุนแรง ไม่ว่า ผมพูดอะไรก็เสียหายหมดทุกพวกทุกฝ่าย แต่จำเป็นต้องชี้แจง เพราะทหารทุกคนฟังคำสั่งผมอยู่ ไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น ทหารต้องดูแลประชาชนทุกฝ่าย ทุกพวก ทุกสี ถ้าไม่เลิกสี ผมก็ต้องดูทุกสี ถ้ามี10 สี ผมก็ดูคน 10 สี ขอให้ประชาชนเข้าใจ ใครก็ตามที่มีปัญหากัน ต้องไปหาทางกันให้เจอ อย่าเอาผมมาตัดสิน วันนี้เหมือนทำข้อสอบอยุ่ ต่างคนต่างงงว่า ข้อสอบถามว่า อย่างไร ส่วนคนตอบก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร สรุปไม่เข้าใจทั้งคนออกข้อสอบ หรือนักเรียน จึงจะหากรรมการกลางมาตัดสิน ผมว่า มันไม่ใช่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า บอกให้คนประเทศมั่นใจได้หรือไม่ว่า กองทัพจะไม่ทำรัฐประหาร เพราะขณะนี้ข่าวการปฏิวัติทำให้ตลาดหุ้นตก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “มันไม่เกี่ยวกับทหาร อยู่ที่พวกคุณกันเอง หุ้นจะตกหรือไม่อย่ามาโทษทหาร อย่ามาหาว่าทหารจะทำโน่น ทำนี่ เมื่อสื่อเป็นคนสร้าง วาดเรื่องขึ้นมาเอง แล้วให้ผมมายืนยัน ผมไม่ตอบ ผมไม่ยืนยัน”
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าทางกปปส.มีแผนลับ 10 ประการเพื่อให้ทหารปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องตรวจดูว่าจริงหรือไม่ ใช่หรือไม่ วันนี้ใครจะเขียนแผนอะไรก็ได้ ซึ่งตนอ่านแล้วตนก็ขำ วันนี้โลกไม่ได้มีแค่มืดกับสว่าง เพราะถ้าตรงไหนมืดก็เปิดไฟ ถ้าตรงไหนสว่างเกินไปก็ปิดไฟ ถ้าทุกคนมาช่วยกันสุมไฟให้สว่างมันจะร้อนเกินไป ต้องเอาธรรมะเข้าข่ม ต้องมีสติ รู้คิด รู้ทำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งไว้แล้ว
“ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ผมคนเดียว ถ้าให้ผมกับองค์กรของผมมาแก้ปัญหา คงไม่ใช่ ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา เราต้องสร้างความเข้มแข็ง และรวมพลังกันแก้ปัญหาให้ได้ อย่าให้คนใดคนหนึ่งเป็นคนแก้ปัญหา องค์กรใดก็แก้ไม่ได้ เพราะปัญหาวันนี้มีความสลับซับซ้อน วันนี้ทหารทำดีที่สุดแล้ว คือ การทำให้สถานการณ์หยุดนิ่งอยู่กับที่อาจรำคาญบ้างเล็กน้อย แต่อย่าใช้ยาแรง วันนี้เป็นไข้เล็กน้อย อาจจะเติมยาไปสักหน่อย ถ้าใช้ยาแรงมันอันตราย ใครก็ไม่อยากทำให้ประชาชนบาดเจ็บเสียหาย ทั้งนี้กำลังทหารที่ออกไปช่วยศอ.รส.ไปดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ไม่ใช่ไปปราบปรามประชาชน ซึ่งการประชุมกอ.รมน.ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ติดตามคดี เพราะตอนนี้มีคดีมากขึ้น ความผิดเหมือนเดิม อธิบดีก็คนเดียวกัน ซึ่งถ้าจะเคลียร์ปีนี้ เคลียร์ของปี 2553 ให้ผมด้วย เคลียร์ให้จบทั้งสองอัน ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่เลิกกันสักที” ผบ.ทบ.กล่าว
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ