สื่อสร้างสุขอุบลฯ ถกลดทุกข์สร้างสุข กับสมัชชาสุขภาพ

สื่อสร้างสุขอุบลราชธานี 30 พ.ย. 2556


ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สื่อสร้างสุขอุบลราชธานี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากยูเสดประเทศไทย (USAID) จัดเวทีเสวนาประชาคมหมู่บ้านสู่สมัชชาสุขภาพ โดยเชิญปราชญ์ชาวบ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และผู้แทนคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) แลกเปลี่ยนความเห็นการกำหนดยุทธศาสตร์ของสมัชชาสุขภาพของจังหวัดอุบลราชธานี

นายกมล หอมกลิ่น ผู้ดำเนินรายการถามถึง 4 ยุทธศาสตร์หลักที่จะดำเนินการในปีนี้ จะนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้หรือไม่ และถามความสำเร็จของการดำเนินงานในชุมชนจากตัวแทน อสม.ซึ่งนางอุบลรัตน์ งอกงาม อสม.ดีเด่นระดับภาคของชุมชนปากห้วยวังนอง ต.ปทุม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ระบุว่า ชุมชนมีปัญหาเรื่องความเจริญที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว กระทบต่อพฤติกรรมของเยาวชนที่เปลี่ยนไปตามค่านิยมและแรงดึงดูดกับสิ่งใหม่ ๆ โดยรอบชุมชนบริเวณอ่างเก็บน้ำ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้มีการตั้งร้านขายอาหาร ร้านจำหน่ายสุรา ทำให้เยาวชนไปมั่วสุมดื่มสุรา ติดยาเสพติด และนำไปสู่การตั้งครรภ์แบบไม่พร้อม เกิดเป็นปัญหาให้ชุมชนต้องแก้ไข

จึงดำเนินโครงการเฝ้าระวังเด็กและเยาวชน โดยเด็กในระบบโรงเรียนสามารถลดปัญหาได้ร้อยละ 95 เพราะมีการอบรมให้ความรู้ แต่ยังมีปัญหามากกับเด็กที่อยู่นอกระบบโรงเรียน เพราะติดตามมาเข้าร่วมโครงการไม่ได้ และปัญหาระหว่างการดำเนินโครงการก็พบข้อมูลใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ต้องตามแก้ไขในแต่ละประเด็น จึงถือว่าโครงการแก้ปัญหาเด็กตั้งครรภ์ไม่พร้อม ยังไม่ประสบความสำเร็จเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

ขณะที่นายโจม ศรีสุข ปราชญ์ชาวบ้านจากบ้านทรายทอง อ.สำโรง ที่ดำเนินโครงการเกษตรอินทรีย์จนนำไปสู่หมู่บ้านปลอดสารพิษ โดยระยะแรกทำด้วยตนเอง เพราะพบว่าในชุมชนมีการใช้สารเคมีกันมาก เนื่องจากเห็นเพื่อนบ้านใช้ก็ใช้ตาม และบางคนมีที่ไร่ที่นาอยู่ไม่ถึง 3 ไร่ ก็ยังต้องจ้างคนอื่นมาทำให้ เมื่อตนเองปลูกข้าว พืชผักปลอดสารพิษแล้วนำมากินมีสุขภาพแข็งแรง ชาวบ้านเห็นก็เลยมาทดลองทำตาม

หมู่บ้านจึงได้รับงบประมาณจากรัฐให้มาดำเนินโครงการต่างๆมากกว่าหมู่บ้านอื่น เพราะต้องการให้หมู่บ้านตนเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนอื่น ที่ปลูกพืชปลอดสารพิษประสบความสำเร็จทั้งหมู่บ้าน ปัจจุบันใน 1 สัปดาห์ชาวบ้านจะมารวมตัวออกกำลังกายกันทั้งหมู่บ้าน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงปลอดจากโรคภัย

ส่วนนายธีรพันธ์ ชัยวัฒธนัน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบัวงาม อ.เดชอุดม เล่าถึงบทบาทหน้าที่ในการเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าไปดำเนินการเรื่องสุขภาพประชาชนเข้มแข็ง เพราะในชุมชนมีผู้ป่วยเรื้อรังเพิ่มมากขึ้นทุกปี จึงเข้าไปทำประชาคมร่วมกับชาวบ้านและชักชวนให้ดำเนินนโยบายสร้างชุมชนเข้มแข็งขึ้นมา พร้อมประสานขอให้แพทย์ พยาบาลของโรงพยาบาลสุขภาพตำบล จัดเป็นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เข้าไปดูแลผู้ป่วย แทนที่ผู้ป่วยจำนวนมากจะมาหาที่โรงพยาบาล เพราะผู้ป่วยบางรายไม่สามารถเดินทางมาพบได้ เนื่องจากมีบ้านอยู่ห่างไกล ซึ่งก็ประสบความสำเร็จคนป่วยได้รับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาการเสียชีวิตของผู้ป่วยเรื้อรังลงได้

ด้าน นายลำพูน ฉวีรักษ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ในฐานะประธานเลขานุการสมัชชาสุขภาพจังหวัดอุบลราชธานี ระบุถึงยุทธศาสตร์แก้ปัญหาเรื่องสุขภาพหรือการรักษาโรคจะทำโดยหน่วยงานของรัฐฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะบางครั้งอาจจะประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ยั่งยืน จึงต้องมาสร้างชุมชนให้พึ่งตนเอง มีการผู้คุยกับผู้นำท้องถิ่น เพื่อดำเนินการจัดสุขภาพระดับหมู่บ้านไปถึงระดับจังหวัด โดยมีชุมชนเป็นตัวจักรสำคัญ

            “สำหรับ 4 ยุทธศาสตร์หลักที่สมัชชาสุขภาพเสนอในวันนี้ จะต้องมีการนำไปใช้ขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิบัติได้จริง เพื่อลดระดับการเจ็บป่วยของประชาชน แต่สำนักงานสาธารณสุขก็ไม่ลดบทบาทด้านการให้บริการประชาชน”

นายวิสุทธิ์ บุญญะโสภิต เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวถึงความร่วมมือของกลุ่มต่าง ๆ ที่เข้ามาเป็นสมัชชาสุขภาพ โดยมีแนวความคิดจากท้องถิ่นคือ ระดับอำเภอ ไปสู่ท้องที่คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท้องทุ่งคือ อสม. และรัฐใช้รวมกันเป็นพลังร่วมกันทำงาน เพราะการแก้ปัญหาจะต้องหาที่มาของสาเหตุในแต่ละท้องถิ่น แล้วนำมาร่วมกันแก้ไข โดยต้องทำให้ครอบคลุมทั้งเรื่องสุขภาพ ครอบครัวเข้มแข็ง ปัญหาขยะมูลฝอย และการทำเกษตรอินทรีย์ ตามแนวคิด “ลดทุกข์แล้วสร้างสุข”

การดำเนินงานกว่า 10 ปี มีการแก้ปัญหาไปได้หลายเรื่อง เพราะสมัชชาสุขภาพยึดหลัก 1 คนก็มี 1 เสียง จะเป็นเทวดามาจากไหนก็มีเสียงมากกว่านี้ไม่ได้ เมื่อทุกฝ่ายมีสิทธิและมีเสียงเท่ากัน ก็ทำให้กระบวนการแก้ไขปัญหาได้การยอมรับและรวมกันเป็นพลังขับเคลื่อนใช้แก้ปัญหาทั้งหมด

            “ตนไม่บอกว่าอุบลราชธานี จะแก้ปัญหาอย่างไร หรือจะต้องทำสำเร็จเมื่อใด เพราะตอบแทนคนเมืองนี้ไม่ได้ เนื่องจากไม่ใช่คนที่นี่ เมื่อปัญหาเกิดที่นี่ก็ต้องให้ผู้อยู่ในจังหวัดร่วมกันแก้ไขกันเอง เพราะจะรู้ปัญหาดีกว่าคนจากที่อื่น”

สำหรับ 4 ยุทธศาสตร์หลักใช้เป็นพลังขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตามชุมชนในปีนี้ ประกอบด้วย การพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยชุมชนมีส่วนร่วมจัดการศึกษาแทนการให้ส่วนกลางเป็นผู้ดำเนินการ เพราะไม่ตรงความต้องการของคนในแต่ละชุมชน

การสร้างชุมชนและครอบครัวแข็งแรง เนื่องจากปัจจุบันเด็กและเยาวชนของไทยมีปัญหาติดเกมส์ ไม่เข้าเรียนไปจับกลุ่มเป็นเด็กแว้น นำมาสู่ปัญหาการท้องก่อนแต่ง และอาหารปลอดภัยผ่านการเกษตรอินทรีย์ เพราะพบว่าปัจจุบันการทำเกษตรกรรมมีการนำสารเคมีมาใช้กันมาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้และผู้กิน จึงต้องรณรงค์ให้ภาคเกษตรกรรมหันมาพึ่งพาเกษตรแบบในอดีต โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

ยุทธศาสตร์สุดท้ายคือ การกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลตามชุมชน เพราะการขยายตัวของคนในชุมชน ทำให้จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มประสบปัญหาไม่มีที่ทิ้งและกำจัดขยะ ทั้งขยะเป็นพิษจากสารเคมีและขยะมูลฝอยจากบ้านเรือน ชุมชนต้องหาทางร่วมมือกันดำเนินการไม่ปล่อยให้เกิดเป็นปัญหาเรื้อรังเหมือนในจังหวัดใหญ่ เช่น เชียงใหม่ สงขลา นครราชสีมา ขอนแก่น เป็นต้น

การเสวนาครั้งนี้ สามารถชมเทปรายการย้อนหลังได้ที่สร้าง สุขแชนแนล วีเคเบิลทีวี โสภณเคเบิลทีวี ราชธานีเคเบิลทีวี และทางทีวีดาวเทียม Next step ช่องของดีประเทศไทย รวมทั้งสถานีวิทยุ Clean radio FM 92.50 MHzอุบลราชธานี

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: