น้ำมันรั่ว-ปิด‘อ่าวพร้าว’ ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ

29 ก.ค. 2556 | อ่านแล้ว 2581 ครั้ง

 

จากกรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เกิดรั่วไหลในทะเลบริเวณท่าเทียบเรือนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำมันดิบไหลลงทะเล 50,000 ลิตร

 

 

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสคลื่นลมทะเลได้พัดคราบน้ำมันที่รั่วออกมาดังกล่าว เข้าไปยังบริเวณเกาะเสม็ด จ.ระยอง เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา ล่าสุด นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วย นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 เดินทางไปยังอ่าวพร้าว บนเกาะเสม็ด หมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบคราบน้ำมันดิบถูกกระแสลมพัดเข้าไปยังชายหาดยาวประมาณ 600 เมตร มีความหนาประมาณ 20-30 เซนติเมตร คราบน้ำมันจะเป็นลักษณะสีดำหนา และห่างออกไปในทะเลจะเป็นลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์ม

นายวิชิตเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประกาศพื้นที่บริเวณอ่าวพร้าว เป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเลแล้ว และขั้นแรกจะต้องป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันกระจายไปยังชายหาดอื่นที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมกับสั่งการให้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 องค์การบริหารส่วนตำบลเพ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด พร้อมกับประสานไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเรือ 100 นาย มาสนับสนุนการจัดเก็บคราบน้ำมันโดยด่วน และคาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 15 วัน ในการเก็บกู้คราบน้ำมันและฟื้นฟูชายหาดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

 

 

ด้านนายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณอ่าวพร้าวที่น้ำมันทะลักเข้าชายหาดในครั้งนี้ด้วย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่นำแผ่นซับคราบน้ำมันมาเก็บคราบน้ำมันทั่วชายหาด นอกจากนี้บริษัทฯใช้เรือฉีดพ่นสารเคมีสลายคราบน้ำมัน พร้อมกับนำบูมยางมากั้นในวงจำกัด เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันหลุดออกไปยังอ่าวบ้านเพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักในโรงแรมและรีสอร์ทบริเวณอ่าวพร้าวจำนวนมาก ต่าง เดินทางออกก่อนกำหนด เพราะมีกลิ่นเหม็นของน้ำมันไปทั่วบริเวณ และไม่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: