นางนภาดา พงษ์สามารถ ( เพ็ญ ) จบการศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น เล่าให้ฟังว่า นายนิธาธร พงษ์สามารถ หรือ โจว  สามีกลับมาจากสหรัฐอเมริกาในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรดถล่ม และปรึกษากันว่าจะทำธุรกิจอะไรกันต่อดี เพราะธุรกิจเดิมที่ทำคือ ส่งออกของเก่าเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ยางพาราและไม้สัก แต่เหตุการณ์เลวร้ายในอเมริกา ทำให้ผู้คนประหยัดที่จะซื้อของตบแต่งบ้านและของเก่า ทำให้เกิดผลกระทบกับธุรกิจหลักในครอบครัว สามีจึงวางแผนไว้ว่า จะเปิดร้านอาหารไทยร่วมกับพี่ชาย ซึ่งตัวสามีชอบกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลามาก แต่ในอเมริกาไม่มีร้านอาหารที่ขายลูกชิ้นปลาอร่อย ๆ จึงเห็นช่องว่าง บวกกับสิ่งที่ตัวเองชอบ ทั้งสองคนจึงพากันหาที่เรียนทำลูกชิ้นปลา

โดยเรียนทั้งกับคนเฒ่าคนแก่แบบสูตรโบราณ และกับผู้มีความเชี่ยวชาญการทำลูกชิ้นปลาเป็นอาชีพ เพื่อนำมาผสมผสานแบบใหม่และเก่า ซึ่งกว่าจะได้สูตรที่อยากได้ ก็เสียเงินเรียนเป็นแสนบาท เปลี่ยนคนสอน 4-5 คน จึงจะได้สูตรตามที่ต้องการ เมื่อได้สูตรแล้ว สองสามีภรรยาก็กลับมาทำให้คนแถวบ้านชิมบ้าง เพื่อนชิมบ้าง ปรับสูตรจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงเตรียมตัวที่จะกลับไปสหรัฐอเมริกาพร้อมครอบครัว เพื่อไปเปิดร้านที่นั่น พอดีพ่อบุญธรรมของคุณโจว ขับรถผ่านมาย่านแยกสะพานควาย เห็นตึกข้างทางให้เช่า ก็มาบอก  เมื่อทั้งสองเห็นทำเลแล้ว ก็ขอเช่าโดยไม่รีรอ เพราะเห็นว่าตรงถนนแยกสะพานควายนี้ ผู้คนคึกคักและจอดรถริมถนนหน้าร้านได้เป็นบางวัน

จากนั้นก็ซ่อมแซมตกแต่งร้านและสั่งเครื่องทำลูกชิ้นเข้ามา “10 ปีก่อน ราคาเครื่องทำลูกชิ้นสูงถึง  500,000 บาทเลยนะ  ซึ่งเรายอมลงทุน” คุณเพ็ญเล่าย้อนความให้ฟัง เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงเปิดร้านในเวลาต่อมา “ในวันเปิดร้านเราใช้กลยุทธ์เรียกแขก ขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ชามละ 10 บาท ชนิดที่ว่าเหมือนแจกฟรีให้ลูกค้าชิมก่อน” มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนมากมาย ร้านเปิดไม่กี่ชั่วโมงในวันแรกก็ขายหมด โดยลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนแถวสะพานควายและลูกค้าที่เดินผ่านไปมา จากวันแรกที่เปิดร้านจนถึงทุกวันนี้กว่า 10 ปีแล้วที่ประสบความสำเร็จ มีลูกค้าประจำและลูกค้าจรมาอุดหนุนตลอดวัน ร้านจะเปิด 09.00-17.00 น. ของทุกวัน วันจันทร์ปิดดึกหน่อย 20.00 น. เพราะไม่มีแผงลอยมาขายอาหารตอนกลางคืนบริเวณหน้าร้าน

คุณเพ็ญย้ำว่า สิ่งที่ทางร้านยึดหลักในการขายคือ วัตถุดิบต้องใหม่ สด ไม่มีสารเจือปน และต้องใส่ใจลงรายละเอียดทำเองทุกอย่าง สั่งซื้อแต่เส้นก๋วยเตี๋ยว ปลาที่ใช้ก็เป็นปลาทะเล สด ใหม่ ส่งตรงมาจากสะพานปลา ในทุกวันช่วงบ่ายจะทำลูกชิ้นและตุ๋นน้ำซุปจากกระดูก และนำน้ำลูกชิ้นมาใส่ในน้ำซุปและเปิดไฟตุ๋นน้ำซุปจากเที่ยงวันข้ามอีกวัน เพื่อให้ได้น้ำซุปที่อร่อยกลมกล่อม

ลูกชิ้นปลานายโจว จึงไม่มีสารเจือปนและไม่นำแป้งมาผสมลูกชิ้น ลูกชิ้นจะเป็นเนื้อปลาล้วน ๆ ไม่คาว ด้วยกรรมวิธีทำให้กรอบโดยไม่ใส่สารเคมีใด ๆ “เทคนิคที่ว่า ขนาดเราไปเรียนด้วยกันกับสามี เรายังทำไม่ได้ แต่เขาทำได้”

คุณเพ็ญเล่าต่ออีกว่า เพราะอยากให้ลูกค้าได้กินลูกชิ้นปลาสูตรนายโจวแบบที่เขาชอบ จึงต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่างตั้งแต่ วัตถุดิบ การจัดร้านต้องนั่งกินสบาย ไม่ร้อน โต๊ะเก้าอี้ต้องแข็งแรง สะอาด แม้กระทั่งเมื่อวันเปิดร้านวันแรกทั้งสองสามีภรรยาลวกก๋วยเตี๋ยวไม่เป็น ยังต้องจ้างคนที่เคยลวกก๋วยเตี๋ยววันละ 500 บาทมาลวกให้ เครื่องปรุง น้ำพริกเผา ทางร้านก็คั่วเอง

สำหรับอนาคตที่ลูกชิ้นนายโจวได้วางแผนไว้คือ ขายทั้งหน้าร้าน ต่อยอดขายแฟรนไชส์ และจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ซึ่งเตรียมแผนไว้ว่าหากมีผลกระทบในเรื่องตึกเช่า ธุรกิจก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ตอนนี้มีแฟรนไชส์ 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดแล้ว และรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่

“เคยไปจัดเลี้ยงที่รัฐสภากับธนาคารออมสิน ครั้งหนึ่งกว่า 2,000 ชาม เฉลี่ยชามละ 40 บาท ในการเหมาครั้งหนึ่งได้รายได้วันละกว่า 80,000 บาท ทำให้ลืมเรื่องไปเปิดร้านอาหารไทยในอเมริกาไปเลย” คุณเพ็ญเล่าด้วยดวงตาเป็นประกาย “สิ่งที่เราได้จากการเปิดร้านในครั้งนี้ คือความเชื่อ ความศรัทธาในตัวสามีที่มีมุมมองในการลงทุน ซึ่งเราสองคนไม่มีประสบการณ์การค้าขายอาหารมาก่อน แต่ด้วยการชอบกินและความเอาใจใส่ในรายละเอียด การเคารพในการตัดสินใจ ให้การสนับสนุนกันและกันอย่างเต็มที่”

ถึงแม้สะพานควายวันนี้ อาจไม่มีผู้คนคึกคักพลุกพล่านเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้สะพานควายกลายเป็นถนนสายเศรษฐกิจ มีโรงแรม กรุ๊ปทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีคอนโดมิเนียมสร้างใหม่เกิดขึ้นมากมาย ได้ทำให้สะพานควายเป็นหย่อมย่านที่มีความหลากหลาย คลุกเคล้าปะปนทั้งบรรยากาศของความเก่าความใหม่ ชีวิตการค้าขายในย่านนี้ จึงยังบอกเล่าวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน ผ่านสายตาของกลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนไป

หากใครต้องการมาชิมลูกชิ้นปลานายโจว ร้านอยู่บนถนนประดิพัทธ์ ประมาณ 1 ป้ายรถเมล์ จากสี่แยกสะพานควาย ก๋วยเตี๋ยวลวกเส้นพอดี และใส่เครื่องให้เต็มชาม น้ำซุปหอมกลมกล่อม เมนูก๋วยเตี๋ยวมีให้เลือกหลากหลาย ราคาตั้งแต่ 15-50 บาท อยากแนะนำหากสั่งเส้นปลาเย็นตาโฟต้มยำ แล้วจะรู้เลยว่าเส้นปลาทำจากเนื้อปลาแท้ ๆไม่มีแป้งปน และปรุงรสด้วยน้ำมะนาวแท้ ๆ ได้รสชาติกลิ่นหอมมะนาวครบเครื่องต้มยำ แม้ในช่วงฤดูมะนาวแพงลูกละ 10-12 บาท ทางร้านก็ยังคงใช้มะนาวแท้ปรุงให้ลูกค้า พริกเครื่องปรุงรสชาดเผ็ดจัดจ้านทีเดียว ขอให้ชิมก่อนปรุง เดี๋ยวจะแซ่บเวอร์ไป