อาจารย์มธ.ค้านหยุดเรียน ต้านอธิการบดีสั่งหยุดสอน

รวิวรรณ รักถิ่นกำเนิด ศูนย์ข่าว TCIJ 3 ธ.ค. 2556 | อ่านแล้ว 1450 ครั้ง

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่โถงอาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต คณาจารย์ธรรมศาสตร์ ประกอบด้วย รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์, ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล และสาวตรี สุขศรี จากกลุ่มนิติราษฎร์ ผศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ จัดอภิปรายสาธารณะหัวข้อ ‘ห้องเรียนประชาธิปไตย’ ค้านคำสั่งของ ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ให้ปิดการเรียนการสอนในทุกวิทยาเขต (ท่าพระจันทร์, รังสิต, ลำปาง และพัทยา) ตั้งแต่วันที่ 2-4ธันวาคม

ทั้งนี้คณาจารย์กลุ่มดังกล่าวเห็นว่า เป็นการออกคำสั่งของคนเพียงกลุ่มเดียว โดยไม่ถามความสมัครใจของประชาคมธรรมศาสตร์ตามที่กล่าวอ้าง และอาจแสดงนัยการเลือกข้างของสถาบันการศึกษา เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวสอดคล้องกับคำสั่งนัดหยุดงานของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)

ดร.ยุกติกล่าวว่า การประกาศหยุดเรียนต้องเกิดจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของนักศึกษาและบุคลากร ไม่ใช่เงื่อนไขทางการเมือง และชี้ว่าสัญญาณเริ่มตั้งแต่ การจัดให้มีการเคลื่อนขบวนต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ช่วงเวลาดังกล่าวปรากฏจดหมายเวียนให้นักศึกษาไปร่วมชุมนุมต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยจัดรถรับส่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักศึกษา จากศูนย์รังสิตถึงท่าพระจันทร์ ตลอดจนมีคำพูดในหมู่เจ้าหน้าที่ว่า สามารถไปร่วมได้ไม่ถือเป็นการลาหยุด ถือเป็นการนำองค์กรไปผูกกับเป้าหมายทางการเมือง ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของสถาบันการศึกษา รวมถึงการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของผู้บริหารควรทำในนามส่วนตัว ไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่

ธรรมศาสตร์ขาดประชาธิปไตย?

ด้าน ดร.ประจักษ์ กล่าวถึงทรรศนะของผู้บริหารว่า เป็นการเดินสวนทางกับระบอบการศึกษาที่ต้องกระตุ้นให้นักศึกษาตั้งคำถาม การที่อธิการบดีสั่งหยุดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทุกวิทยาเขต โดยมิได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาคม สะท้อนถึงสภาวะขาดประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ขณะที่สาวตรีกล่าวว่า ไม่แปลกใจที่รูปการณ์ออกมาเช่นนี้ เนื่องจากท่าทีของอธิการบดีมีแนวโน้มชัดเจนมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่การต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

            “ถือเป็นเรื่องตลก เราประกาศค้าน พ.ร.บ.นิรโทษฯ ฉบับสุดซอย แต่กลับประกาศหยุดเรียนสุดซอยเสียเอง” สาวตรีกล่าวต่ออีกว่า สถาบันการศึกษาควรตั้งตนเป็นกลาง การประกาศหยุดเรียนสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของฝ่าย กปปส. ในสถานการณ์แตกขั้วทางการเมืองอย่างรุนแรงเช่นนี้จึงแนวโน้มที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะถูกมองว่าเลือกข้าง

นิติราษฎร์ชี้ สภาประชาชน ไม่มีระบุในรัฐธรรมนูญ

ดร.วรเจตน์ จากกลุ่มนิติราษฎร์ กล่าวว่า การอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ของ กปปส. เรื่องการใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชนเพื่อจัดตั้งสภาประชาชน ถือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่า ‘อำนาจอธิปไตยเป็นของชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้’

เป็นเรื่องของการแบ่งแยกอำนาจว่า ประชาชนใช้อำนาจอธิปไตยผ่านองค์กรต่าง ๆ ของรัฐ ซึ่งการใช้อำนาจอธิปไตยโดยตรงของประชาชนที่ระบุไว้ตามรัฐธรรมนูญ ได้แก่ การไปออกเสียงเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. ในฐานะผู้แทนใช้อำนาจและการออกเสียงประชามติเท่านั้น ไม่มีส่วนไหนที่พูดถึงการตั้งสภาประชาชน

            “อย่างไรก็ตาม แนวทางที่เป็นไปได้ในการตั้งสภาประชาชนคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อตั้งองค์กรให้มาปฏิรูประเทศ จะเห็นว่าการเสนอของอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นการเสนอที่ไม่ได้อยู่บนหลักวิชาการ และเป็นการสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยอำนาจนอกระบบ”

ขณะที่ ดร.ปิยบุตร กล่าวถึงกรณีการให้สัมภาษณ์ของ ศ.ดร.สมคิด เลิศไพทูรย์ ว่า ตามที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรีคนกลางที่ไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้งนั้นไม่สามารถเป็นไปได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่า หากมีการยุบสภาหรือนายกรัฐมนตรีลาออก ยังจำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรักษาการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ไม่มีช่องทางไหนที่เปิดโอกาสให้มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลางหรือสภาประชาชนได้

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: