เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธานร่วมกับนายอู เอ มินท์ รมว.แรงงาน การจ้างงานและความมั่นคงทางสังคม ประเทศพม่า ในการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย-พม่า เพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง (เจซีซี) ครั้งที่ 4
นายนิวัฒน์ธำรงเปิดเผยว่า ได้มีการลงนามในร่างสัญญา 3 ฝ่าย ระหว่างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (ดีเอสอีแซด) ของพม่า และบริษัท ทวาย เอส อีแซด ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ (เอสพีวี) ที่ไทยและพม่าถือหุ้นร่วมกันฝ่ายละ 50 เปอร์เซนต์ โดยเนื้อหาร่างสัญญาระบุสิทธิที่เหลืออยู่ของไอทีดี เช่น ไอทีดีต้องยกเลิกสัญญาที่เคยได้รับสัมปทานกับดีเอสอีแซด อาทิ สิทธิการเช่าที่ดิน โดยโอนให้เอสพีวีบริหารจัดการทั้งหมด แต่สิ่งก่อสร้างเดิมที่ไอทีดีเคยสร้างไว้ให้กลุ่มบริษัทที่ชนะประมูลโครงการที่จะลงทุนในเฟสนิคมอุตสาหกรรม ไอทีดีต้องจ่ายเงินคืนเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ยให้ไอทีดี นอกจากนี้ไอทีดียังได้สิทธิร่วมประมูลหรือร่วมกลุ่มบริษัทที่จะก่อสร้างในเฟสต่าง ๆ ทั้ง 6 เฟส
นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า นอกจากนี้ ได้ลงนามในสัญญากรอบการดำเนินการโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายฉบับใหม่ ระหว่างดีเอสซีแซดและเอสพีวี โดยให้สิทธิเอสพีวีเป็นผู้ประสานงานหลัก และเป็นที่ปรึกษาของดีเอสซีแซด และเชิญชวน เสนอรายชื่อนักลงทุนที่มีศักยภาพเพื่อให้ดีเอสซีแซดคัดเลือก
อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังเห็นชอบให้คัดเลือกผู้ที่ได้รับสัมปทานในระยะแรก ประกอบด้วย 3 ส่วนได้แก่ 1.ถนน 2 ช่องทางเชื่อมโยงระหว่างชายแดนไทยและนิคมทวาย 2.ท่าเรือขนาดเล็ก 3.นิคมอุตสาหกรรมระยะแรกและสาธารณูปโภคที่จำเป็นในเฟสแรก โดยจะจัดทำทีโออาร์เสร็จสิ้นในเดือนธันวาคมนี้ กำหนดส่งข้อเสนอพัฒนาโครงการในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 คาดให้สัมปทานระยะแรกให้กับผู้ที่รับการคัดเลือกภายในไตรมาสสองของปี 2557 ซึ่งคณะทำงานร่วมไทย-พม่า จะพิจารณารูปแบบการคัดเลือก อาทิ การเปิดประมูล และการรวมกลุ่มบริษัทของบริษัทร่วมค้า การพิจารณาการลงทุน เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานว่ารัฐจะร่วมลงทุนด้วยหรือไม่
“โครงการทวายจะใช้งบลงทุนประมาณ 4 แสนล้านบาท ในพื้นที่ 2 แสนไร่ แบ่งเป็น 6 เฟส จะเริ่มก่อสร้างเฟสแรกในพื้นที่ 3 หมื่นไร่ คาดจะเริ่มก่อสร้างโรงงานในเฟสแรกได้ภายใน 2-3 ปี ส่วนญี่ปุ่นยังอยู่ระหว่างสังเกตการณ์” นายนิวัฒน์ธำรงกล่าว
ด้านนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงนามครั้งนี้ถือว่าสิทธิสัมปทานทวายของไอทีดีหมดไป ส่วนตัวมองว่าดีกับบริษัท ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง จากนี้บริษัทจะเข้าไปประมูลทุกโครงการ เชื่อมั่นว่าบริษัทได้เปรียบ เพราะศึกษาข้อมูลไว้แล้วล่วงหน้า ส่วนมูลค่าโครงสร้างพื้นฐานที่บริษัทลงทุนไปก่อนหน้านี้ 6,000 ล้านบาท
นายอูเซท อ่อง รองประธานธนาคารกลางพม่า กล่าวว่า ญี่ปุ่นจะประกาศท่าทีต่อโครงการทวายในการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ เบื้องต้นทราบว่าญี่ปุ่นจะร่วมลงทุนแน่
ขอบคุณข่าวจากประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ