เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาส.ว.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ในวันที่ 20 พ.ย. ว่า ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะมีประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานจำนวนมากพอสมควร ส่วนที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมบอกว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะมีจำนวนเป็นล้านคน ในวันที่ 24 พ.ย.นั้น ถือเป็นปฏิบัติการข่าวสารที่ต้องการสื่อออกมาทางสาธารณะ แต่เชื่อว่าปริมาณจะไม่มากถึงจำนวนนั้น ทั้งนี้การชุมนุมที่ผ่านมาจำนวนสูงสุดเพียงหลักหมื่นคน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเตรียมรับสถานการณ์อย่างไรหากมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาเป็นจำนวนมาก พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ยังยึดหลักป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเผชิญหน้ากัน และเรื่องมือที่สามโดยประชาสัมพันธ์ให้รู้เท่าทันสถานการณ์ และใช้สติแสวงหาทางออกร่วมกัน เมื่อถามว่าจำเป็นต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพิ่มเติมในพื้นที่การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ย่านหัวหมากหรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ยังไม่จำเป็นต้องประกาศเพิ่ม เพราะหากการชุมนุมเป็นไปโดยสงบก็สามารถชุมนุมได้ ทั้งนี้ได้ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลสถานที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญด้วย

เมื่อถามถึงกระแสข่าวมือสไนเปอร์เตรียมที่จะสังหารแกนนำผู้ชุมนุม พล.ท.ภราดรกล่าวว่า เป็นการปฏิบัติการข่าวสารเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะขณะนี้เป็นการใช้ทฤษฎีผลิตซ้ำทางความคิด สร้างความเชื่อ กุข่าวขึ้นมา เพื่อสร้างความไม่พึงพอใจต่อกันและกัน รวมทั้งทฤษฎีที่สร้างความเกลียดชังแก่กัน ซึ่งนิยมใช้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งนี้หากมีการขยายไปในวงกว้างก็จะทำให้นำไปสู่วิกฤติได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าประชาชนจะมีสติและรู้เท่าทันสถานการณ์เพื่อหาทางออกซึ่งกันและกันได้

เมื่อถามว่าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 20 พ.ย.จะทำให้จำนวนผู้ชุมนุมมากขึ้นจนกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมมีผลแน่นอน อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นต่อศาลว่า จะมองในทุกมิติให้รอบได้ และคำนึงถึงความสงบเรียบร้อยของประเทศและยึดหลักความเป็นธรรม

ขอบคุณภาพจากกรุงเทพธุรกิจ

อ่านข่าวออนไลน์จากแฟนเพจเฟสบุ๊คของ TCIJ ได้ทุกวัน

www.facebook.com/tcijthai