เตือนระวังกระพรุนกล่อง คนถูกพิษตายใน1-2นาที

ปาลิดา พุทธประเสริฐ ศูนย์ข่าว TCIJ 11 มิ.ย. 2556 | อ่านแล้ว 4018 ครั้ง

เป็นที่ทราบกันดีว่า ใต้ท้องทะเลมีสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์ บางชนิดมีไม่มีพิษ บางชนิดมีพิษถึงตาย ขณะที่ในประเทศไทย มีพื้นที่ชายทะเลที่สวยงามที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนได้ตลอดทั้งปี และที่ผ่านพบว่ามีนักท่องเที่ยวได้รับอันตรายจากสัตว์ทะเลมีพิษอยู่เป็นระยะ บางรายเป็นเพียงแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย แต่บางรายถึงขนาดได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการสัมผัสสัตว์ทะเลมีพิษเหล่านี้เป็นข่าวดังมาแล้วเช่นกัน

 

 

ล่าสุดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยข้อมูล พบแมงกะพรุนกล่องหรือตัวต่อทะเล ในพื้นที่น่านน้ำไทย ซึ่งแมงกะพรุนดังกล่าวจัดว่าเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง

 

 

 

พบแมงกะพรุนกล่อง เพิ่มมากขึ้นในชายทะเลไทย

 

 

น.ส.จรัสศรี อ๋างตันญา นักวิชาการประมง สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน เปิดเผย การสำรวจแมงกะพรุนในปีพ.ศ.2553-2556 พบแมงกะพรุนกล่อง ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน 5 จังหวัด และพื้นที่ฝั่งอ่าวไทย 13 จังหวัด ดังนี้

-          อ่าวไทยฝั่งตะวันออก ได้แก่ จ.ชลบุรี ระยอง และตราด

-          อ่าวไทยตอนบน ได้แก่ จ.เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา

-          อ่าวไทยตอนกลาง ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี

-          อ่าวไทยตอนล่าง ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี

-          ทะเลอันดามันตอนบน ได้แก่ จ.พังงา และภูเก็ต

-          ทะเลอันดามันตอนล่าง ได้แก่ จ.กระบี่ ตรัง และสตูล

น.ส.จรัสศรีกล่าวว่า พบแมงกะพรุนกล่องในไทยเกือบทุกจังหวัดที่มีการสำรวจ พบทั้งชนิดที่มีรายงานความเป็นพิษ และยังไม่มีรายงานความเป็นพิษ รวมทั้งชนิดที่คาดว่าเป็นชนิดใหม่ของโลก ซึ่งแมงกะพรุนชนิดนี้เป็นแมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก สามารถทำให้เสียชีวิตภายใน 2-10 นาที ทั้งนี้แมงกะพรุนกล่องทั่วโลกมีทั้งหมด 36 ชนิด มีทั้งชนิดที่พบรายงานความเป็นพิษและไม่เป็นพิษ แมงกะพรุนส่วนใหญ่จะพบในเขตร้อนหรืออบอุ่น ดำรงชีวิตในทะเลน้ำตื้น มีประมาณ 9,000 สายพันธุ์และมากกว่า 100 สายพันธุ์ มีพิษต่อมนุษย์

 

นอกจากนี้แมงกะพรุนกล่อง ยังสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วมาก และว่ายน้ำได้เร็วถึง 5 ฟุตต่อวินาที จึงสามารถจับสัตว์ทะเลด้วยกันกินเป็นอาหารได้อย่างง่ายดาย มักอาศัยอยู่ตามทะเลในเขตอุ่น เช่น ตามชายฝั่งของประเทศออสเตรเลียตอนเหนือ ปาปัวนิวกินี ฟิลิปปินส์ หมู่เกาะฮาวาย ฯลฯ ช่วงที่พบได้มากคือ เดือนตุลาคม - เมษายน และหลังช่วงพายุฝนที่จะถูกน้ำทะเลพัดพาเข้ามาจนใกล้ฝั่ง

 

 

พิษร้ายถึงทำให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน

 

 

ถึงแม้ว่า แมงกะพรุนกล่องไม่ได้เป็นอันตรายทุกชนิด บางชนิดอาจทำให้เกิดอาการเจ็บหรือคันเพียงเล็กน้อย หรือเป็นตะคริว กล้ามเนื้อหดเกร็งและเป็นเหตุให้จมน้ำได้ง่ายขึ้น มีเพียงบางชนิดเท่านั้นที่มีอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากหัวใจหรือระบบหายใจล้มเหลว โดยเข็มพิษมีกว่าล้านเซลล์ในบริเวณหนวดที่ยืดออกมาของแมงกะพรุน พิษนี้จะสร้างความทรมาน เจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้เซลล์ผิวหนังบริเวณที่สัมผัสตายได้ โดยพิษสามารถเข้าสู่กระแสเลือดไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง และเมื่อเข้าสู่ระบบประสาท ก็จะกดทับระบบประสาททำให้หยุดหายใจ และยังมีผลต่อระบบหัวใจ โดยทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นเฉียบพลัน เช่น แมงกะพรุนชนิด Chironex Fleckeri  หนวดมีความยาว 3-5 เมตร หรือมีขนาดความสูง 8-10 เมตร (วัดจากส่วนบนสุดของร่มจนถึงขอบร่ม) ซึ่งแมงกะพรุนกล่องชนิดดังกล่าวสามารถทำให้ผู้ใหญ่เสียชีวิตได้ และที่มีขนาดความยาวหนวด 1- 2 เมตร สามารถทำให้เด็กเสียชีวิตได้

 

 

ในไทยพบเสียชีวิตแล้ว 4 ราย

 

 

จากสถิติของสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ.2542-2553 รายงานผู้ป่วยที่สงสัยว่าเสียชีวิตจากแมงกะพรุนพิษ 4 ราย และผู้ป่วยที่สงสัยว่าเกือบเสียชีวิตและบาดเจ็บรุนแรงจากแมงกะพรุนพิษอีก 4 ราย มีอาการและรอยแผลตามาร่างกายคล้ายการได้รับพิษจากแมงกะพรุนกล่อง ซึ่งเป็นแมงกะพรุนชนิดที่มีพิษร้ายแรงที่สุด สามารถทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 2-10 นาที

 

 

          “แมงกะพรุนที่มีรายงานการเสียชีวิตบ่อยที่สุด คือ แมงกะพรุนกล่อง ซึ่งพบรายงานการเสียชีวิตในอเมริกา ตอนเหนือของออสเตรเลีย ประเทศฟิลิปปินส์ เกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ในขณะที่ยังไม่พบรายงานการเสียชีวิตจากแมงกะพรุนกล่องในประเทศไทย” นางสาวจรัสศรี กล่าว

 

 

หาดท่องเที่ยวสำคัญ เป็นพื้นที่เสี่ยงทั้งสิ้น

 

 

ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง, กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เกี่ยวกับชนิดของแมงกะพรุนพิษ และที่สงสัยว่ามีพิษในน่านน้ำไทยรวมทั้งการพยาบาลเบื้องต้น เมื่อสัมผัสแมงกะพรุนพิษ โดยได้ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์และท่อบรรจุน้ำส้มสายชูในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน ครอบคลุมพื้นที่ชายหาดท่องเที่ยว อุทยาน รวมทั้งพื้นที่เสี่ยง

 

 

จังหวัด

พื้นที่เสี่ยง

ตราด

เกาะหมาก เกาะกูด

ชลบุรี

หาดพัทยา

เพชรบุรี

หาดชะอำ

ประจวบคีรีขันธ์

หัวหิน

สุราษฏร์ธานี

เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า

นครศรีธรรมราช

อ่าวขนอม

พังงา

เขาหลัก

ภูเก็ต

หาดกะตะ เกาะราชาใหญ่

กระบี่

เกาะลันตา เกาะห้อง หาดพระนาง

 

นอกจากนี้ ยังติดตั้งท่อบรรจุน้ำส้มสายชู เพื่อใช้รักษาพยาบาลเบื้องต้น จากการสัมผัสแมงกะพรุนพิษและที่สงสัยว่าจะมีพิษ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตโดยแมงกะพรุนดังกล่าว ในพื้นที่

 

ระนอง : อุทยานแห่งชาติแหลมสน (หาดบางเบน หมู่เกาะกำ (อ่าวเขาควาย) หาดประพาส) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง (เกาะช้าง) และเกาะหยาม (อ่าวใหญ่)

พังงา : อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง (หาดท้ายเหมืองและเขานายักษ์) เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะระ-เกาะพระทอง (หมู่เกาะระ) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ (อ่าวช่องขาดและอ่าวไม้งาม เกาะสุรินทร์เหนือ) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน (เกาะสิมิลัน (เกาะแปด) เกาะเมียง (เกาะสี่) และเกาะตาชัย) อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ (หาดเขาหลัก) เกาะไข่ใน เกาะไข่นอก หาดบางสัก และหาดป่าทราย

ภูเก็ต : อุทยานแห่งชาติสิรินาถ หาดในยาง หาดในทอน หาดบางเทา หาดสุรินทร์ หาดกมลา หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน หาดในหาน และเกาะราชาใหญ่

กระบี่ : หาดบากันเตียง หาดคลองดาว หาดพระแอะ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา (แหลมโตนด เกาะไหง และเกาะรอก) และอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี (เกาะปอดะ ทะเลแหวก ถ้ำพระนาง หาดไร่เลย์ หาดนพรัตน์ธารา อ่าวนาง เกาะไม้ไผ่ และอ่าวมาหยา)

ตรัง : อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม (หาดฉางหลาง หาดเจ้าไหม หาดหยงหลิง หาดสั้น หาดปากเมง เกาะลิบง และเกาะกระดาน

สตูล : เกาะสาหร่าย และอุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา (เกาะหลีเป๊ะ เกาะหินงาม เกาะอาดัง เกาะราวี และเกาะตะรุเตา)

 

ตราด : เกาะหมาก เกาะกูด และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง (เกาะช้าง เกาะหวาย)

ระยอง : หาดแหลมแม่พิมพ์ และอุทยานแห่งชาติเข้าแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด (หาดแม่รำพึง)

จันทบุรี : หาดเจ้าหลาวและหาดคุ้มลิมาน

 

 

แนะ 7 ข้อ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากพิษร้ายแมงกะพรุน

 

 

ส่วนขั้นตอนการปฐมพยาบาลจากการสัมผัสแมงกะพรุน ที่สงสัยว่ามีพิษและไม่มีพิษ  ให้สังเกตจากลักษณะของบาดแผล ถ้าถูกแมงกะพรุนกล่องบาดแผลจะลึกและเป็นเส้นๆ ให้ปฐมพยาบาล ดังนี้

1.นำผู้บาดเจ็บขึ้นจากน้ำ หรือไปยังบริเวณที่ปลอดภัย

2.เรียกให้คนช่วยหรือเรียกรถพยาบาล (โทร.1669) และไม่ให้ผู้บาดเจ็บอยู่ตามลำพัง

3.ให้ผู้บาดเจ็บอยู่นิ่งๆ เพื่อลดการแพร่กระจายจากแมงกะพรุน

4.ไม่ให้ผู้บาดเจ็บและผู้อื่น สัมผัสหรือขัดถูบริเวณที่สัมผัสแมงกะพรุน

5.ถ้าหมดสติและไม่มีชีพจร ให้ปั้มหัวใจทันที

6.นำน้ำส้มสายชูราดบริเวณที่ถูกแมงกะพรุนให้ทั่วอย่างน้อย 30 วินาที (ห้ามราดด้วยน้ำเปล่า)

7.รถจนกว่ารถพยาบาลจะมาถึงหรือาการดีขึ้น

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: