ปชป.อัดแก้พรบ.นิรโทษฯ พท.ระบุหวังแก้ปัญหาชาติ

20 ต.ค. 2556 | อ่านแล้ว 304 ครั้ง

จากกรณีคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เห็นชอบคำแปรญัตติในมาตรา 3 ของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และคณะ ซึ่งเสนอโดยนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย  โดยเนื้อหาคำแปรญัตติของนายประยุทธ์ เสนอให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้กระทำผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำหรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง แต่ไม่รวมถึงการกระทำความผิดตามประมวลอาญามาตรา 112

ซึ่งจะทำให้ทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ พ้นความผิดที่เกิดขึ้นจากการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (ค.ต.ส.) เป็นผลให้คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา และมีอายุความ 20 ปี รวมถึงคดียึดทรัพย์มูลค่า 46,373 ล้านบาท ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินให้ตกเป็นของแผ่นดินไปแล้วต้องสิ้นสุดลงไปด้วย รวมถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กรณีสั่งสลายการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต แถลงถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์กรณีดังกล่าว ว่า  เป็นการออกกฎหมายที่เรียกว่าทะลุซอย และเป็นการทำลายประเทศไทยทั้งประเทศลงอย่างทันที ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายฉบับแรกในโลกที่จะมีการนิรโทษกรรมให้กับคนทุจริตคอร์รัปชั่น และกระบวนการตัดสินคดีของพ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นไปโดยชอบตามกฎหมายทั้งสิ้น ดังนั้นการออกกฎหมายเพื่อล้มล้างกระบวนการยุติธรรมครั้งนี้ เพื่อล้างผิดให้กับคนที่กระทำการทุจริต เป็นการทำลายประเทศไทยลงอย่างยับเยิน เราจะไม่สามารถเรียกประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่ปกครองโดยระบบนิติรัฐ นิติธรรมอีกต่อไป

นายชวนนท์กล่าวว่า การที่มีการปรับถ้อยคำให้มีการนิรโทษกรรมล้างผิดผู้สั่งการเป็นการสะท้อนการเล่นละครของแกนนำคนเสื้อแดงที่เสนอกฎหมายเข้ามาในวาระที่ 1 แล้วพยายามอ้างว่าจะไม่มีการนิรโทษกรรมให้กับคนสั่งการ แต่สุดท้ายเป็นการเตี๊ยมกันไว้ล่างหน้าให้ กรรมาธิการฯ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาปรับแก้ให้แกนนำได้อานิสงส์ในกฎหมายล้างผิด ซึ่งแกนนำในที่นี้หมายรวมถึงคนเสื้อแดง และผู้มีอำนาจในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่คนเสื้อแดงพยายามกล่าวหาก็จะได้รับอานิสงส์จากกฎหมายล้างผิดฉบับนี้ไม่ว่าจะทำผิดหรือไม่ผิด

ถือว่าการแก้กฎหมายครั้งนี้เป็นการหลอกลวงคนเสื้อแดง เพราะสุดท้ายไม่ว่าจะเป็น 91 ศพ หรือ 99 ศพ ก็จะตายฟรีและไม่ว่าจะตายด้วยชายชุดดำ ตายด้วยระเบิดของใคร หรือด้วยฝีมือของเจ้าหน้าที่ จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่สำคัญอีกแล้ว แต่จะทำให้คนเสื้อแดงที่ออกมาบาดเจ็บล้มตาย จะไม่สามารถออกไปเรียกร้องสิทธิหรือขอความยุติธรรมกับใครได้ ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถใช้สิทธิล้างผิดให้กับตนเองและเรียกเงินคืน 4.6 หมื่นล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยได้

            “สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ พี่น้องเสื้อแดงจะได้ตาสว่าง เพราะถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่านออกมา คนที่ทำร้ายประชาชน คนที่สั่งการจะสามารถออกมายืนอย่างสง่าผ่าเผยกลางสี่แยกราชประสงค์แล้วบอกว่าเขาเป็นคนฆ่าประชาชน หรือสั่งฆ่าประชาชน ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือยังที่พี่น้องเสื้อแดงจะตาสว่างแล้วถอดเสื้อแดงออกออกมายืนร่วมกับคนไทยทั้งประเทศในการรักษาระบบยุติธรรมของประเทศ ต่อต้านกฎหมายฉบับนี้ และเรียกร้องสิทธิของตัวเองอย่าให้นักการเมืองเพียงกลุ่มเดียวใช้ชีวิตของประชาชนล้างผิดให้กับตัวเองและถึงเวลาแล้วที่คนไทยทั้งประเทศต้องจับมือกันแล้วออกมาต่อต้านกฎหมายล้างผิดฉบับนี้ โดยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ที่จะเป็นผู้ที่ได้รับอานิสงส์จากกฎหมายฉบับนี้ จะเป็นผู้นำในการต่อต้านกฎหมายล้างผิด” นายชวนนท์กล่าว

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น หัวหน้าพรรคจะมอบหมายให้ส.ส.สมาชิกพรรคทุกคน สาขาพรรคทุกแห่ง ศูนย์ประสานงานทุกพื้นที่ ในการทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความเสียหายของกฎหมายล้างผิดฉบับนี้ และเราจะสะสมกำลังพล เพื่อรอวันที่จะต้องออกมาหยุดกฎหมายล้างผิด และไม่ว่ารัฐบาลจะประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงจนถึงวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งเป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ แต่ถ้ารัฐบาลมีการนำกฎหมายฉบับนี้ผ่านวาระ 3 ออกไปได้ ตำรวจกี่แสนคนก็เอาประชาชนครั้งนี้ไม่อยู่ และขอให้เลือกระหว่างกฎหมายล้างผิดกับประชาชนที่ทนเห็นรัฐบาลปู้ยี่ปู้ยำประเทศไม่ได้ สุดท้ายปลายปีอาจจะเหลืออยู่ฝ่ายเดียว เพราะประเทศไทยไม่สามารถมีกฎหมายล้างผิดอยู่ร่วมกับประชาชนเพื่อรักความเป็นธรรม จะเหลือเพียงสิ่งเดียวและรอดูกันว่าสิ่งที่จะเหลือหลังการเรียกร้องของประชาชนครั้งนี้คืออะไร

ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องออกมาร่วมมือกันและพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันมาตลอดว่า ต่อต้านกฎหมายล้างผิด ดังนั้นเวทีผ่าความจริงฯจะเดินหน้าต่อไป และกลไกลของพรรคจะออกมาขับเคลื่อนต่อต้านอย่างเต็มที่ ขอให้รัฐบาลกลับไปคิดอีกครั้งว่า ท่านกำลังจะพาประเทศเข้าสู่จุดแตกหัก ถ้าคิดว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงกับการล้างผิดให้คนคนเดียว ก็ขอท้าให้เดินหน้าต่อไป แล้วมาเจอกันเมื่อวันนั้นมาถึง

ผู้สื่อข่าวถามว่าการ ที่ระบุว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพจะเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถึงขั้นต้องลาออกจากส.ส.หรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดเรื่องต่าง ๆ เพราะกฎหมายฉบับนี้ยังมีขั้นตอนในการโหวตวาระ 2 และ 3 และพิจารณาในวุฒิสภารวมทั้งจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแน่นอน ฉะนั้นการคงอยู่ในสถานะ ส.ส.ก็เพื่อใช้สิทธิยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความหลังผ่านวาระ3 ว่ากฎหมายฉบับนี้ขัดต่อหลักการของรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน ซึ่งตามหลักการแล้วขัดต่อรัฐธรรมนูญชัดเจน ดังนั้นการต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะไปควบคู่กัน คงไม่ปล่อยให้กฎหมายฉบับนี้ถือกำเนิดในประเทศไทยแน่นอน

 เมื่อถามต่อว่า จะเคลื่อนไหวหลังผ่านวาระ2 หรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า เราจะกำหนดอีกครั้งหนึ่ง คงระบุไม่ได้ว่าจะเป็นช่วงไหน เพราะคงต้องดูหลายองค์ประกอบควบคู่กันในการต่อสู้ครั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าเราจะหุนหันไม่ได้ เพราะรัฐบาลเขาเตรียมตัวมาดี ทำงานเป็นทีมคล้องจองกันหมดทั้งประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงถึง 30 พ.ย.แล้วให้ กรรมาธิการ นิรโทษกรรมแก้ไขกฎหมายทะลุซอย แล้วเอาตำรวจเป็นแสนคนมาล้อมรัฐบาลเพื่อให้ออกกฎหมายล้างผิด ซึ่งขั้นตอนของเขาชัด และพร้อมที่จะต่อสู้กับประชาชนเพื่อล้างผิดให้กับคนคนเดียว ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ใช้ชีวิตประชาชนเพื่อแลกกับการต่อสู้ในครั้งนี้ เราจะเคลื่อนไหวโดยสงบปราศจากอาวุธ ดังนั้นการนำทัพครั้งนี้จึงต้องใช้สติ

ด้าน นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม คนที่1 เปิดเผยว่า ตนเสนอแก้ไขมาตรา 3 ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมในชั้นกรรมาธิการฯ โดยให้นิรโทษกรรมทุกกลุ่มตั้งแต่ผู้สั่งการจนถึงประชาชนที่มาร่วมชุมนุมนั้น เนื่องจากไม่อยากให้ใช้บุคคลเป็นตัวตั้ง แต่อยากให้ใช้เหตุการณ์เป็นตัวตั้ง ยึดแนวทางปฏิเสธการรัฐประหารเป็นหลัก เพราะตามหลักความเสมอภาคทางกฎหมายนั้น ทุกคนต้องได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน จะให้คนใดคนหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ย่อมได้รับอานิสงส์ด้วย

ส่วนกรณีที่ตนถูกมองว่ามีเป้าหมายหลัก คือ เพื่อล้างผิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณในทุกคดีมาตั้งแต่ต้นนั้น ซึ่งในเมื่อเราปฏิเสธการรัฐประหาร ก็ต้องไม่ยอมรับองค์กรที่มาจากการรัฐประหารด้วย ถ้าคิดแค่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์นั้นก็ถือว่าใจแคบ เพราะเรื่องนี้นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพก็ได้ประโยชน์ด้วย

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่มีใบสั่งจากพ.ต.ท.ทักษิณ และคงไม่มีใครสั่งตนได้ เพราะตนไม่ใช่เนติบริกรที่ต้องคอยรับคำสั่งใคร แต่ตนทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อต้องการแก้ปัญหาบ้านเมืองจริง ๆ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการพิจาราณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวหาว่าการแก้ไขร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้เดินหน้าสุดซอยและทะลุซอย ครอบคลุมการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ถือเป็นการทำงานปกติ เมื่อกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากมีมติเช่นนี้ก็ต้องยอมรับ ทั้งนี้ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการแก้ไขเนื้อหาให้ออกมาเช่นนี้ แต่กติกาประชาธิปไตยต้องเคารพเสียงข้างมาก

อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสในวาระ2 ที่เสียงอาจจะยึดตามตามกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย เหมือนกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว. ที่กรรมาธิการฯ เสียงข้างมากให้คงส.ว.สรรหาไว้ 3 ปี แต่ในการโหวตของสภาฯ กลับเอาตามเสียงข้างน้อยที่สงวนคำแปรญัติติไว้ที่ให้ส.ว.สรรหาพ้นหน้าที่หลังจากที่มีการเลือกตั้งส.ว.ครบ 200 คน

นอกจากนี้ แม้แต่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เจ้าของร่าง ก็ยังขอสงวนคำแปรญัติไว้อภิปรายในสภาฯ เพื่อยืนยันเนื้อหาในร่างเดิมที่ให้นิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุมเท่านั้นด้วย ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง คือ ใช้เรื่องนี้เรียกแขก และถ้านิรโทษกรรมจริงๆ นายอภิสิทธิ์ย่อมได้ประโยชน์ด้วย

 

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: