เมื่อวันที่ 26 กันยายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “สร้างอนาคตประเทศไทย 2020” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่รัฐบาลเตรียมเดินสายลงพื้นที่ต่างจังหวัด 12 จังหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทางด้านคมนาคมขนส่ง โลจิสติก ตามพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯวงเงิน 2 ล้านล้าน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากกรณีที่มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติ 2 ล้านล้านบาทแล้ว จึงอยากเรียนว่า เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานเป็นพื้นฐานของประเทศไทย จึงอยากเชิญคนไทยมาช่วยกันคิดว่าถ้าพ.ร.บ.มีการดำเนินการจะมีเวลาอีก 7 ปี ถ้ามาร่วมกันวาดภาพอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เพื่อให้ไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน แต่ 7 ปี กว่าจะได้เห็นภาพเหล่านี้ ซึ่งพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านตนขอให้เรียกว่าพ.ร.บ.เพื่อการลงทุน เพื่อให้เห็นว่าอนาคตประเทศไทยหลัง 2020 จะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ปัจจัยที่มีการลงทุนเป็นจุดเริ่มต้นของการที่จะบอกว่าสิ่งที่เราฝันจะเกิดขึ้นจริงตามที่รัฐบาลจะนำเสนอ อย่างไรก็ตามระบบคมนาคม จะมีทั้งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ และด่านที่จะเป็นการเชื่อมประเทศอาเซียนเข้าด้วยกัน คือจิ๊กซอว์อันแรกของการวางโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมเมืองใหญ่
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การลงทุนระบบคมนาคมในประเทศไทยเริ่มต้นมาแล้ว 117 ปี ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ที่มีเปิดการเดินรถไฟสายแรกเส้นทางรถไฟระยะทาง 71 กิโลเมตรที่อยุธยา เป็นมิติใหม่ในการเชื่อมอยุธยากับกทม.เข้าด้วยกัน ทำให้คนสัญจรไปมาหากันได้เร็วขึ้น มีการพัฒนาจนมีการเปลี่ยนแปลง ความเจริญจากกทม.ยังเมืองต่างๆมากขึ้น ทำให้เมืองต่างๆมีความเสมอภาค ไม่มีความเหลื่อมล้ำ เดินทางหากันได้มากขึ้น โดยตลอดเวลามีการพัฒนาระบบคมนาคมมาโดยตลอด แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยจึงขาดความต่อเนื่อง
ส่วนข้อดีของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของไทยที่ไม่ได้พัฒนา ขณะที่เพื่อนบ้านพัฒนา ขีดความสามารถเราก็ลดลง จึงเป็นการยกระดับขีดความสามารถทำให้เกิดความมั่นใจกับนักลงทุน รวมทั้งด้านพลังงานที่ต้องการเห็นการลดใช้พลังงานซึ่งเป็นต้นทุนในการขนส่ง ถ้าไม่ลงทุน ผู้ที่จะมาลงทุนแต่พบว่าต้นทุนสูงขึ้น และเราต้องนำเข้าพลังงาน จะทำให้เราไม่สามารถแข่งขันได้เลย หรือถูกเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน หากโครงสร้างพื้นฐานเราดีกว่า ก็จะดึงดูดนักลงทุนด้วย นอกจากนี้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นการเชื่อมเข้ากับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน แต่ที่จับต้องได้คือเส้นทางคมนาคมและด่าน ที่อนาคตจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากมาย จึงต้องวางระบบที่มีโครงสร้างที่แน่นอนเพื่อไม่ให้กระทบด้านความมั่นคง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อถึงสิ่งที่จะเป็นการตอบโจทย์จากการมีรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ถนน สนามบินว่า สิ่งที่จะได้เรื่องแรกคือ เป็นการส่งเสริมสินค้าเกษตร เพราะหลายประเทศที่มีรถไฟความเร็งสูง สถานีต่างๆจะมีสินค้าเกษตรหรือสินค้าโอท็อปมาขายตามสถานี ให้ผู้ที่เดินทาง นักท่องเที่ยวนำรายได้มาให้ถึงพื้นที่ คนในท้องที่ก็นำสินค้ามาขาย เพราะโอท็อปอยุธยา ไม่เหมือนที่เชียงใหม่ โอท็อปที่เชียงใหม่ก็ไม่เหมือนหาดใหญ่แน่นอน ดังนั้นก็จะได้สะท้อนวัฒนธรรมและทำให้คนในพื้นที่มีรายได้ นอกจากนี้เมื่อเส้นทางคมนาคมลงไปจะมีร้านค้า สถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นสถานที่ให้บริการสาธารณะจะเกิดขึ้น มีความเจริญนักลงทุนก็จะต้องสนใจ
ดังนั้นรถไฟเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเห็นเป็นรูปธรรม รวมทั้งจะแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำที่จะเชื่อมแหล่งผลิตทางการเกษตรเข้ากับโรงงาน ถ้าเชื่อมได้ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำได้ดีขึ้นต้นทุนก็จะลดลง ระยะทางก็เร็วขึ้น สินค้าได้ถึงมือผู้บริโภคเร็วขึ้นสดขึ้น และดึงดูดในการลงทุนมากขึ้น ส่วนในด้านการท่องเที่ยวเราใช้เวลาในการเดินทางยากลำบาก แต่ถ้าเชื่อมเมืองท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน จะทำให้นักท่องเที่ยวอยู่กับเรานานขึ้น ความเจริญก็จะตามมา อย่างไรก็ตามอนาคตอีกอย่าง คือการวางระบบผังเมืองให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ ถ้ามีโครงสร้างพื้นฐานระบบการวางผังเมืองจะเป็นอย่างไร ซึ่งเราต้องสะท้อนการบริหารจัดการน้ำด้วย ที่จะต้องไม่ขัดกับระบบคมนาคม
นอกจากนี้เรากระจายความเจริญไปยังเมืองต่าง ๆ ทั่วถึงขึ้น แต่ที่สำคัญสิ่งที่มองเห็นภาพในปี 2020 คือความอบอุ่นของครอบครัว จะเห็นว่าครอบครัวในต่างจังหวัดโดยเฉพาะครอบครัวต้องเดินทางไปทำงานที่เมืองใหญ่แล้วใช้เวลากว่าจะได้กลับบ้านเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปี แต่โครงสร้างพื้นฐานนี้จะทำให้คนในครอบครัวกลับไปหาครอบครัวได้เร็วขึ้นด้วย
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ