ท้าพาณิชย์ทำข้าวสารถุง คุณภาพให้เหมือนส่งออก

22 ก.ค. 2556 | อ่านแล้ว 770 ครั้ง

 

จากกรณี มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และมูลนิธิชีววิถี แถลงผลการตรวจข้าวสารถุงปนเปื้อน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีผู้เกี่ยวข้องมากมาย ออกมาตั้งคำถาม กล่าวหา และเบี่ยงเบนสาระสำคัญของปัญหาข้าว  ทั้ง ๆ ที่ควรมาช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ช่วยกันคุ้มครองผู้บริโภคและพัฒนาคุณภาพข้าวในประเทศไทย

 

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและมูลนิธิชีววิถี ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและความั่นคงด้านอาหารของทั้งสององค์กรมาเกือบ 30 ปี มีหลักในการทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งเสมอ เราทำงานร่วมกับภาครัฐ ประชาชนและภาคเอกชนมาโดยตลอด ทำงานด้วยหลักวิชาการ เปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ คำกล่าวหาของนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์และนายนิวัติ สุธีมีชัยกุล รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่ว่า “ตรวจหลังบ้าน” เป็นเรื่องที่ดูถูกดูแคลนองค์กรผู้บริโภคและมูลนิธิทั้งสอง ยอมรับไม่ได้ เพราะศูนย์ทดสอบของนิตยสารฉลาดซื้อ ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าทุกเดือน และโดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ไม่ว่าจะขนมปังที่ผสมยากันบูดเกินมาตรฐาน ซึ่งก็พบด้วยว่า ในท้องตลาดมีขนมปังที่ไม่มียากันบูด สารเคมีเกินมาตรฐานในผัก หรือแม้แต่การตรวจความหอมของข้าวหอมมะลิ จนนำมาซึ่งตรารับรองเทพนมของกระทรวงพาณิชย์

 

            “ทุกครั้งของการเปิดเผยข้อมูลต้องผ่านห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐานเท่านั้น และมีนักวิชาการมืออาชีพด้านต่างๆที่ ได้สนับสนุนการทำงานมาโดยตลอด และร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามาอย่างต่อเนื่อง”

 

แถลงการณ์ระบุว่า การตรวจข้าวสารบรรจุถุงครั้งนี้ ข้าวสารถุงทั้งหมดถูกส่งตรวจ ไปตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน ในเวลาใกล้เคียงกับที่หน่วยงานภาครัฐส่งตรวจ แต่ต่างก็ออกมาแจ้งกับประชาชนว่า ไม่มีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐาน จนกระทั่งการแถลงข่าวผลการตรวจสอบของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และมูลนิธิชีววิถีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก็ได้รับการยืนยันจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า มีบางยี่ห้อ ตกค้างเกินมาตรฐานจริง

 

            “ถึงเวลาที่สิทธิของผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการได้รับข้อมูลข้อเท็จจริง สิทธิในการเลือกซื้อ สิทธิในการได้รับความปลอดภัย ประชาชนไทยที่ถูกละเลยและไม่เคยให้ความสำคัญมาเป็นเวลานาน ต้องได้รับการคุ้มครอง”

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ มีข้อเสนอ และการพยายามผลักดันให้ข้าวสารถุงมีตรารับรองของ อย. นี่ไม่ใช่ทางออก เพราะข้าวสารเป็นสินค้าทั่วไป การมีตรา อย.ไม่ได้รับประกันว่าข้าวสารไม่มีสารเคมีตกค้าง และอาจจะทำให้บริษัทขนาดเล็ก ผู้ผลิตรายย่อย ที่ดำเนินการได้มาตรฐานประสบปัญหา แต่การสุ่มตรวจอย่างมีระบบ เปิดเผย โปร่งใส มีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายต่างหาก เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และ สนับสนุนผู้ผลิตที่มีมาตรฐานที่แท้จริง

 

นอกจากนี้ ข้อแนะนำให้ประชาชนดูแลชีวิตของตนเอง  ด้วยการ “ล้างข้าว” สารเหล่านี้ก็จะหายไป เป็นข้อเสนอที่ไม่เพียงพอ แต่ทุกภาคส่วนต้องมุ่งมั่นดูแลประชาชน ด้วยการทำให้ข้าวที่บริโภคในประเทศดีเท่า “ระดับการส่งออก” ลดการใช้สารเคมีอย่างเป็นระบบ ยิ่งกว่านั้น การใช้สารเคมีต้องไม่ตกค้างเกินมาตรฐาน และควรเป็นโอกาสเพิกถอนยกเลิกการขึ้นทะเบียนสารเคมีที่เป็นอันตราย หรือแม้แต่เมทิลโบรไมด์ที่เป็นอันตรายชัดเจนต่อสภาวะแวดล้อม ซึ่งประเทศไทยได้ตกลงยกเลิกการใช้ในปี 2557 หรือปรับปรุงสารเคมีตกค้าง เพื่อมาตรฐานปลอดภัยของการปนเปื้อนสารเคมีของไทย อย่างน้อยให้มีความใกล้เคียงกับประเทศคู่ค้า เช่น จีน

 

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและมูลนิธิชีววิถี ร่วมประชุมกับผู้ประกอบการและสมาคมผู้ค้าข้าวถุง เพื่อพัฒนาคุณภาพข้าวสารเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งนี้ มูลนิธิทั้งสองยินดีที่ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอ่ยปากชวนให้ไปพบ “มีอะไรให้ไปพบ” เราจึงขอรับเกียรตินี้ ขอเข้าพบ ท่านนายกฯ เพื่อเสนอกลไกสำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศ ขณะนี้กำลังติดต่อประสานงานกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สุรนันท์ เวชชาชีวะ

 

หากจะกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว การตรวจสอบสินค้าและรายงานประชาชนนี้ มูลนิธิฯทั้งสองคงไม่จำเป็นต้องทำมาก หากประเทศไทยมีองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็นกลไกที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2540 จนถึงรัฐธรรมนูญปัจจุบัน

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: