'ศาลรัฐธรรมนูญ'แถลง 'วสันต์' ลาออกจากปธ.

17 ก.ค. 2556 | อ่านแล้ว 630 ครั้ง

 

 

เมื่อวันที่ 17 กรกรฎาคม นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงยืนยันว่า นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ มีความประสงค์ที่จะลาออกจากการประธานศาลรัฐธรรมนูญและการเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้มีผลเป็นทางการในวันที่ 1 สิงหาคม 2556 เป็นต้นไป หลังจากปฏิบัติภารกิจที่ตั้งใจไว้ คือ การเร่งรัดการพิจารณาคดีที่ค้างในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้คดีที่เข้าสู่การพิจารณาต้องแล้วเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งในต้นปี 2555 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีคดีที่ยังคงค้างอยู่ถึง 123 คดี แต่เราพิจารณาคดีเสร็จสิ้นไปแล้วถึง 109 คดี ซึ่งปัจจุบันยังมีคดีที่ค้างอยู่ในการพิจารณาเพียง 30 คดีเท่านั้น การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ให้รองรับภารกิจ เช่น ให้มีระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการจัดการงานคดี เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถจัดการงานคดีให้มีประสิทธิภาพ การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพัฒนาภาพลักษณ์ขององค์กร และให้ประชาชนมีความเข้าใจ การทำความร่วมมือกับศาลรัฐธรรมนูญในต่างประเทศ โดยงานบางส่วนได้เสร็จสิ้นแล้ว ตามที่นายวสันต์ ได้ให้สัญญาไว้กับคณะตุลาการ เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.54 ว่าจะอยู่ปฏิบัติภารกิจดังกล่าวให้แล้วเสร็จไม่เกิน 2 ปี โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือแจ้งไปยังประธานวุฒิสภา ถึงการลาออกของนายวสันต์เรียบร้อยแล้ว

 

           “การลาออกของนายวสันต์ ไม่ได้เกี่ยวกับแรงกดดันทางการเมือง ซึ่งหลังจากนี้นายวสันต์จะใช้เวลาในการเขียนพ็อคเก็ตบุ๊ค เกี่ยวกับชีวิตการเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าภายใน 2-3 เดือนนี้จะแล้วเสร็จ ส่วนงานคดีที่สำคัญในขณะนี้ เช่น คำร้องที่ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และการพิจารณาสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นั้น คณะตุลาการทั้ง 8 คนที่เหลือ ก็จะดำเนินการพิจารณาต่อไป โดยคาดว่าคณะตุลาการจะเห็นชอบให้นายจรูญ อินทจาร ตุลาการผู้อาวุโสสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่ประธานในที่ประชุมไปจนกว่าจะมีประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่” นายพิมลกล่าว

 

 

นายพิมลกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามการวินิจฉัยคดีต่อจากนี้ ไม่อยากให้สังคมกังวลว่าตุลาการจะไม่สามารถหามติที่เด็ดขาดได้ เพราะตุลาการที่เหลือมี 8 เสียง เนื่องจากที่ผ่านมาหากการพิจารณามีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถหาเสียงที่เด็ดขาดได้ คณะตุลาการจะทำการอภิปรายต่อจนกระทั่งแน่ใจว่า ได้เสียงที่เด็ดขาดจึงจะลงมติ รวมทั้งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากที่จะเกิดกรณีดังกล่าว

 

              “การลาออกของท่านวสันต์ เป็นความประสงค์ส่วนตัว ของท่านจริง ๆ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพราะปกติศาลรัฐธรรมนูญก็เจอแรงเสียดทานทางการเมืองอยู่แล้ว ซึ่งท่านประสงค์ที่จะลาออกตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เห็นว่าขณะนั้นมีสถานการณ์การเมืองภายนอกศาล จึงได้ผ่อนคลายจนกระทั่งมายื่นลาออกในครั้งนี้ จึงชัดเจนว่า แรงเสียดทานที่ผ่านมาไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจ และตุลาการที่เหลือ ก็ไม่ได้กังวล ต่อแรงกดดันทางการเมืองที่เกิดขึ้นนับจากนี้ เนื่องจากการพิจารณาของคณะตุลาการจะยึดหลักผลประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ประชาชน และประชาธิปไตย” นายพิมลกล่าว

 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การพิจารณาของคณะตุลาการที่เหลือจะเป็นปัญหาหรือไม่ เพราะในคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 นั้น มีผู้ที่เตรียมจะคัดค้านตุลาการบางคนไม่ให้เป็นองค์คณะ นายพิมลกล่าวว่า ประเด็นยังไม่เกิด จึงคาดการณ์และตอบในขณะนี้ไม่ได้

 

นายพิมลกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ทางวุฒิสภาจะต้องดำเนินการสรรหาให้ได้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ให้ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ที่จะเข้ามานั้น จะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี แม้ว่าตุลาการ 8 คนที่เหลือ จะเหลือวาระการดำรงตำแหน่งเพียง 3 ปีเศษ เนื่องจากเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 พ.ค.51 โดยเมื่อวุฒิสภามีมติเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่แล้ว ก็จะมาร่วมกับ 8 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมพิจารณา เพื่อคัดเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ก่อนที่จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าในคราวเดียวกัน

 

ขอบคุณข่าวจากคมชัดลึก

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: