น.ส.ประพีร์ อังกินันทน์ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กรณีเงินอุดหนุนวัดภายในจังหวัด วงเงินกว่า 800 ล้านบาท โดยมี นายณรงค์ รัฐอมฤต เลขาธิการป.ป.ช. เป็นผู้รับหนังสือ
น.ส.ประพีร์กล่าวว่า เงินที่อบจ.สมุทรปราการ อุดหนุนวัดนั้น เริ่มมีตั้งแต่ปี 2554 ด้วยงบ 111 ล้านบาท ในปี 2555 อีกกว่า 200 ล้านบาท และในปี 2556 จำนวนกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งสตง.ทราบเรื่องก็ไปติดตาม ว่ามีการจ่ายเงินถูกต้องหรือไม่ พบว่า ในปี 2556 มีการจ่ายเงินให้วัดไปแล้ว 8 วัด พร้อมทั้งตรวจสอบว่าวัดได้นำไปใช้ในการก่อสร้างแล้วเสร็จหรือไม่ พบว่ามีบางวัดยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2554 แต่เงินที่ได้จ่ายกับทางวัดไปแล้ว เหลือไม่พอกับค่าก่อสร้างที่จะต้องดำเนินการต่อไป ทั้งยังมีการทิ้งงานก่อสร้างอีกด้วย
อย่างไรก็ตามทางเราก็ขอไปที่อบจ.สมุทรปราการให้ทบทวนการจ่ายเงินอุดหนุนก่อนแล้ว ทั้งนี้จากการไปตรวจสอบยังพบว่า สัญญาที่ทางวัดทำร่วมกับผู้รับเหมามีการจ่ายเงินล่วงหน้า 50 เปอร์เซนต์ โดยที่ยังไม่ได้ลงมือก่อสร้างแต่อย่างใด และวันที่ทางวัดจ่ายเงินนั้น ยังเป็นวันเดียวกับที่อบจ.จ่ายงบประมาณมา และยังพบว่าผู้รับเหมาในการก่อสร้างต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นรายเดียวกัน
“ผู้จ่ายเงินอุดหนุนต้องติดตามผลด้วยว่า สำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ไม่ใช่ไม่ติดตามผลและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของวัด ซึ่งจากที่ได้ตรวจสอบพบอบจ.ไม่ได้ดำเนินการติดตามแต่อย่างใด ทัั้งนี้ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการตั้งงบประมาณหมวดเงินอุดหนุน ว.74 มีเกณฑ์ชัดว่า การให้เงินอุดหนุนวัดต้องไม่เกิน 5 เปอร์เซนต์ ของรายได้อบจ. แต่ขณะนี้งบประมาณกว่า 400 ล้านบาทในปี 2556 ก็เกินที่กำหนดแล้ว ซึ่งทางสตง.ก็จะไปดูตรงนี้ด้วย และจากการที่ได้ไปสอบถามเจ้าอาวาสวัดทราบว่า ถ้าอบจ.ไม่จ้างผู้รับเหมารายนี้ ทางวัดก็จะไม่ได้เงิน ซึ่งคำพูดของเจ้าอาวาสชัดเจนดูได้จากที่ผู้รับเหมาส่วนมากเป็นรายเดียวกัน” น.ส.ประพีร์กล่าว
น.ส.ประพีร์กล่าวอีกว่า หลักฐานที่เอามาให้ป.ป.ช.ก็คือ หลักฐานเงินอุดหนุน ที่ทางอบจ.ไม่ได้ให้เงินวัดตามความจำเป็น โดยเป็นการให้เงินในจำนวนที่เท่ากันทุกวัด ซึ่งในแต่ละวัดใช้งบประมาณไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามใน 3 ปีมีวงเงินอุดหนุน 800 กว่าล้านบาท
ทางด้าน นายณรงค์กล่าวว่า ป.ป.ช.จะเร่งดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเรื่องของงบประมาณเงินแผ่นดิน ทั้งนี้คณะกรรมการป.ป.ช.มีแนวทางความเห็นร่วมกันว่า จะตั้งคณะอนุกรรมการร่วมกัน เพื่อให้การทำงานของป.ป.ช.กับสตง.มีประสิทธิภาพมากขึ้น และรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามการที่ได้ทำงานร่วมกันก็เป็นนิมิตหมายที่ดี ที่เข้ามาช่วยกันให้ปลอดคอร์รัปชั่น ทั้งนี้ต้นเดือนส.ค.นี้จะมีการนัดหารือพูดคุยกันทั้ง 3 หน่วยงานคือ ป.ป.ช. สตง. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งในการประชุมร่วมกัน ก็หวังว่าการทำงานจะใช้เวลาน้อยลง ลดการทำงานซ้ำซ้อน ทั้งยังประหยัดงบประมาณด้วย และในอนาคตจะประสานให้องค์กรตรวจสอบทำงานร่วมกันเพื่อความรวดเร็ว อย่างไรก็ตามในวันที่ 18 กรกฎาคม นี้ จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ด้วย
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ