เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการคณะที่ 1 ในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการคณะที่ 1 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เชิญผู้บริหารวิทยาลัยเทคนิคในภาคตะวันออกแห่งหนึ่งมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับงบประมาณ ในการจัดอบรมประชาสัมพันธ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่ใช้งบประมาณปี 2554 สูงถึง 400 ล้านบาท โดยจากข้อมูลที่ได้รับฟังถือว่าเป็นประโยชน์มาก และทำให้เห็นช่องทางของการดำเนินการที่ส่อต่อการทุจริตที่ชัดเจนมาก เพราะมีการตั้งคณะกรรมการจัดทำคุณลักษณะ หรือ ทีโออาร์ การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ และการลงนามในการดำเนินการภายในวันเดียวเสร็จ

              “จากข้อมูลพบข้อพิรุธในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวที่ชัดเจนมาก โดยผู้บริหารวิทยาลัยเทคนิคได้แฉออกมาอย่างหมดเปลือกว่า มีบุคคลใดบ้างที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ในการสั่งการให้ดำเนินการดังกล่าว ทั้งที่รู้ว่าเข้าข่ายการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ต้องทำเพราะถูกบังคับ ถ้าไม่ทำก็จะเดือดร้อน ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำหนดมาจากส่วนกลาง โดยเฉพาะทีโออาร์ และบริษัทที่เข้ามาจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษล้วนมีการกำหนดมาแล้วทั้งสิ้น โดยที่คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างในระดับวิทยาลัยไม่รู้เรื่อง บางคนยังไม่ทันได้เซ็นชื่อรับทราบ ว่าเป็นคณะกรรมการด้วยซ้ำ แต่ทางวิทยาลัยกลับมีการลงนามจัดซื้อจัดจ้างกับบริษัทเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนที่ถูกมองว่าเป็นคนดี ซึ่งเท่าที่ได้รับข้อมูลใครว่าคนดีไม่โกงผมคงต้องเถียง” นายพร้อมพงศ์กล่าว

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า จากข้อมูลที่คณะอนุกรรมาธิการคณะที่ 1 สอบปากคำจากผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงได้รับจากหลายหน่วยงานมีความชัดเจน มากกว่าการจัดซื้อจัดจ้างของ สอศ.ในเรื่องดังกล่าวส่อทุจริตชัดเจน โดยคณะอนุกรรมการฯ จะสรุปผลเรื่องนี้ภายใน 30 วัน เพื่อเสนอให้ กมธ.ป.ป.ช.ชุดใหญ่ได้พิจารณา ดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งทางแพ่งและอาญา อีกทั้งจะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการตามกฎหมายอีกทางหนึ่งด้วย