ผ่านไปกับยกแรกของการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีอ๊อคชั่น แท็บเล็ตในโครงการคอมพิวเตอร์พกพา(แท็บเล็ต) จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง ประจำปีการศึกษา 2556 ที่จัดสรรให้นักเรียนชั้นป.1 ม.1 และครู หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประกาศผลบริษัทผู้ชนะ ได้แก่ บริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด ที่เสนอราคาแท็บเล็ตต่ำสุดและชนะไป ทั้งโซน 1 ได้ราคาเครื่องละ 1,953.12 บาท และโซน 2 ได้ราคาเครื่องละ 2,103.54 บาท ส่วนบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ชนะไปในโซน 3 ได้ราคาเครื่องละ 2,908.24 บาท
แต่การแข่งขันยังไม่จบ เพราะยังเหลือการอีอ๊อคชั่นโซน 4 ให้ได้ฟาดฟันกันครั้งสุดท้าย ซึ่ง สพฐ.กำหนดจะดำเนินการในเดือนกรกฎาคมนี้ วิเคราะห์วงในคาดว่าสังเวียนครั้งสุดท้ายจะเป็นการฟาดฟันเอาคืนระหว่าง 2 บริษัท สัญชาติจีน ระหว่างบริษัท เสิ่นเจิ้น อิงถัง ฯ หรือแชมป์ใหม่หลายสนาม กับบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดิเวลลอปเม้นต์ จำกัด แชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ เพราะเป็นคู่ปรับใหญ่แห่งเมืองเสิ่นเจิ้นที่ยอมกันไม่ได้ แข่งขันกันรุนแรงขณะที่ว่า “ยอมขาดทุน” แต่แพ้ไม่ได้ เหตุฝ่ายหนึ่งแพ้ไม่ได้ เพราะเป็นแชมป์เก่า อีกฝ่ายเดิมพันต้องชนะเพื่อรักษาชีวิต ดังนั้นถึงแม้เสียแขนข้างหนึ่งเพื่อรักษาชีวิต คงเป็นเรื่องจำเป็นกว่า
ส่วนคู่แข่งจากไทยอย่าได้หวังสู้ เพราะชัดเจนแล้วว่าเราแข่งสู้กดราคาต่ำกับบริษัทจีนไม่ได้ เราทำธุรกิจเพื่อหวังผลกำไร ไม่ได้แข่งขันเพื่อเอาความสะใจ และเดิมพันสูงอย่างเขา และสุดท้ายไม่ว่าใครจะชนะ แท็บเล็ตก็เป็นสัญชาติจีนผลิตที่เมืองเสิ่นเจิ้นอยู่ดี ขณะที่บริษัท สุพรีมฯ ที่คว้าชัยในโซน 3 ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า จะถูกกดราคาเครื่องแท็บเล็ตจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อีกเท่าใด เพราะราคาที่ชนะยังถือว่าสูงอยู่ หากเทียบกับโซนอื่น ๆ ส่วนจะต่อรองราคาได้ดั่งใจหรือไม่นั้น ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป เพราะอย่างร้ายที่สุดก็ยกเลิกแล้วจัดอีอ๊อคชั่นใหม่ ซึ่งมีกระแสมาจากสพฐ.ว่า จะต่อราคาลงอีก 300 ล้านบาทให้ได้
ดังนั้นการเผชิญหน้าในโซน 4 ผลอาจคือ ได้ราคาแท็บเล็ตราคาถูกจากราคาตั้งต้นระดับ 20 เปอร์เซนต์ ขึ้นไปเหมือนโซนแรก ๆ ทว่าแท็บเล็ตราคาถูกเกินไปอาจมีความเสี่ยง เพราะต้องอย่าลืมว่านอกจากแท็บเล็ตที่รัฐบาลจัดซื้อแล้ว ตามทีโออาร์ยังกำหนดให้บริษัทคู่สัญญาต้องออกค่าใช้จ่ายด้านบริการส่วนอื่น ๆ ด้วย เช่น ต้องส่งมอบเครื่องแท็บเล็ตไปยังสำนักงานเขตพื้นที่ทั่วประเทศ ต้องจัดอบรมเชิงปฏิบัติการทั้งการใช้งาน การบำรุงรักษา เป็นต้น
ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นบริษัทจากจีนอาจอยู่ในภาวะเข้าเนื้อ เพราะคิดไม่ถึงว่า ค่าใช้จ่ายตามสถานการณ์จริงจะสูงกว่าที่ตั้งไว้ สุดท้ายของดีราคาถูก เครื่องละ 1,900-2,100 บาท อาจไม่ดีเสมอไปก็ได้ ทั้งเครื่องมีปัญหา เปราะบาง ชำรุดง่าย จนเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปในที่สุด ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่รัฐบาลต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเช่นกัน โดยเฉพาะขั้นตอนการสุ่มตรวจรับเครื่อง การบริการหลังการขาย อย่างไรก็ตาม ราคาแท็บเล็ตที่จดซื้อได้ถูกนั้น ถือเป็นทุกขลาภของรัฐบาลอีกเช่นกัน เพราะหากจัดซื้อในปีต่อ ๆ ไปแล้วราคาจัดซื้อแพงกว่านี้ จะอธิบายให้ประชาชนฟังอย่างไร
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ