คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมแห่งชาติ (กสทช.) ประกาศอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่านความถี่ 2.1 GHz (คลื่น3G) ใหม่ โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการทุกรายลดราคาค่าบริการแพคเกจลงร้อยละ 15 จากราคาค่าบริการ 2Gสำหรับแพคเกจการให้บริการเดิม และสำหรับแพคเกจการให้บริการใหม่ให้มีราคาไม่น้อยกว่าเกณฑ์กลางที่กำหนด ประกอบด้วย[1]
· ค่าโทรศัพท์ จากนาทีละ 0.97 บาท เหลือ 0.82 บาท
· เอสเอ็มเอส จากข้อความละ 1.56 บาท เหลือ 1.33 บาท
· เอ็มเอ็มเอส จากครั้งละ 3.90 บาทเหลือ 3.32 บาท
· อินเตอร์เน็ตต่อ 1เมกะไบต์ จาก 0.33 บาท เหลือ0.28 บาท
อัตราอ้างอิงเป็นรายประเภทบริการไม่สอดคล้องกับความจริงที่ผู้บริโภคซื้อเป็นแพคเกจ
การกำหนดราคาอ้างอิงสำหรับแพคเกจใหม่ข้างต้นของ กสทช. เป็นราคาต่อหน่วยการใช้บริการประเภทต่าง ๆ ในขณะที่ในความเป็นจริงผู้บริโภคต้องเลือกใช้บริการเป็นแพคเกจที่บริการต่าง ๆ ทั้งทางด้านเสียงและด้านข้อมูลถูกผูกรวมกันไว้ (bundle) ซึ่งไม่สามารถแยกราคาออกมาเป็นรายบริการได้ และเป็นการยากต่อผู้บริโภคและผู้กำกับดูแลในการตรวจสอบว่าราคาแพคเกจที่นำเสนอนั้นมีราคาลดลงจริงถึงร้อยละ 15 และเป็นไปตามราคาอ้างอิงที่กำหนดข้างต้นหรือไม่
นอกจากนี้แพคเกจต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการนำเสนอนั้นมีอัตราการคิดค่าบริการที่แตกต่างกันตามปริมาณการใช้บริการ โดยแพคเกจที่เสนอปริมาณการใช้ที่สูงและมีค่าบริการต่อเดือนแพงจะมีอัตราค่าบริการต่อหน่วย (บาทต่อนาที หรือ บาทต่อเมกะไบท์) ที่ต่ำกว่าแพคเกจที่เสนอปริมาณการใช้น้อยกว่าและราคาถูกกว่าหากนำอัตราค่าบริการต่อหน่วยเหล่านี้มาหาค่าเฉลี่ยจะพบว่าแพคเกจที่เสนอปริมาณการใช้มากจะมีอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่แล้ว ดังนั้นการที่ กสทช. กำหนดอัตราค่าบริการต่อหน่วยของ 3G โดยเฉลี่ยให้ต่ำลงตามอัตราอ้างอิงข้างต้นจะส่งผลให้ผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ ได้รับผลประโยชน์ไม่เท่าเทียมกัน โดยผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น ผู้บริโภคที่มีปริมาณการใช้ที่สูงซึ่งใช้แพคเกจที่มีอัตราค่าบริการต่อหน่วยต่ำกว่าอัตราอ้างอิงอยู่แล้ว อาจจะได้รับราคาลดลงไม่ถึงร้อยละ 15 (ในขณะที่ผู้ใช้บริการในแพคเกจที่ให้ปริมาณการใช้น้อยและราคาถูกอาจจะได้รับราคาต่ำลงมากกว่าร้อยละ 15 หรือไม่ก็ได้ เนื่องจากผู้ประกอบการอาจจะเลือกเพิ่มปริมาณการใช้งานในแพคเกจเพื่อกดให้อัตราค่าบริการต่อหน่วยลดลงมากกว่าการลดราคาแพคเกจโดยตรง)
ข้อเสนอการใช้ตะกร้าราคา (price baskets) เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงราคา
การที่บริการเสียงและข้อมูลถูกขายพ่วงรวมกันเป็นแพคเกจทำให้ผู้บริโภคที่ใช้บริการน้อยถูกคิดราคาในอัตราที่แพงกว่าผู้บริโภคที่ใช้บริการมาก การกำหนดราคาอ้างอิงเพียงอัตราเดียวแยกตามประเภทบริการอาจจะไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคบางกลุ่ม กสทช. จำเป็นที่จะต้องกำหนดวิธีการวัดราคาที่สะท้อนลักษณะการใช้งานของผู้บริโภคที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถแน่ใจได้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงและเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาการให้บริการในอนาคต
วิธีหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย คือการสร้าง “ตะกร้าสินค้า” (หรือ “ตะกร้าราคา”)ที่แสดงปริมาณการใช้บริการประเภทต่าง ๆ ที่จะเป็นตัวแทนของผู้บริโภคหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มคนโทรมากใช้อินเตอร์เน็ตน้อย กลุ่มคนโทรปานกลางและใช้อินเตอร์เน็ตมาก หรือกลุ่มคนโทรมากใช้อินเตอร์เน็ตมาก และคำนวณ “ดัชนีราคา” ว่าคนแต่ละกลุ่มจ่าย หรือตะกร้าแต่ละตะกร้ามีราคาเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใดจากแพคเกจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยการติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาผ่านตะกร้าสินค้าเป็นวิธีที่ทุกประเทศใช้คำนวณการเปลี่ยนแปลงราคาของสินค้าและบริการหรืออัตราเงินเฟ้อ วิธีการดังกล่าวยังถูกประยุกต์ใช้เพื่อติดตามและเปรียบเทียบราคาของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกลุ่มประเทศ OECD
เกณฑ์โดยทั่วไปของการสร้างตะกร้าราคาคือการกำหนดตะกร้าหรือรูปแบบการใช้งานที่แทนพฤติกรรมแบบต่าง ๆ ของผู้บริโภคหลายกลุ่ม โดยพฤติกรรมที่จะต้องพิจารณาได้แก่ ปริมาณการใช้งานทั้งเสียงและข้อมูล (จำนวนครั้งการโทร จำนวนนาทีต่อครั้ง และปริมาณอินเตอร์เน็ต), ประเภทการชำระค่าบริการ (รายเดือนหรือเติมเงิน),และ รูปแบบของการใช้งาน เช่น ช่วงระยะเวลาการโทร (โทรในชั่วโมงเร่งด่วนหรือไม่?),หมายเลขปลายทาง (ในเครือข่าย, นอกเครือข่าย หรือโทรศัพท์บ้าน?) ซึ่งตะกร้าจะจำแนกตามลักษณะการใช้งานที่หลากหลายแทนกลุ่มที่ใช้น้อย ปานกลาง และมาก หลังจากนั้นจะนำปริมาณการใช้จากแต่ละตะกร้าไปคำนวณค่าบริการที่ผู้บริโภคซึ่งตะกร้านั้น ๆ เป็นตัวแทนจะต้องจ่าย โดยแพคเกจที่เหมาะสมที่สุด (ค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด) ของผู้ให้บริการทุกรายสำหรับแต่ละตะกร้าจะถูกเลือกเพื่อเป็น “ดัชนีราคา” ที่ผู้ให้บริการคิดราคาให้กับตะกร้านั้น ๆ และเมื่อแพคเกจมีการเปลี่ยนแปลงผลกระทบที่มีต่อผู้บริโภคคือการเปลี่ยนแปลงของ “ดัชนีราคา” ดังกล่าวดังนั้นการใช้ตะกร้าราคาเพื่อเปรียบเทียบ “ดัชนีราคา” ระหว่างแพคเกจ 2G และ 3G จะช่วยบ่งชี้ว่าผู้บริโภคที่มีลักษณะการใช้งานแบบต่าง ๆ ได้ประโยชน์จากการลดราคา 3G อย่างน้อยร้อยละ 15 หรือไม่ เพียงไร
ตัวอย่างการใช้ตะกร้าราคาเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงค่าบริการ 3G สำหรับแพคเกจรายเดือน
ในส่วนนี้จะนำเสนอการทดลองใช้ตะกร้าราคาเพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงค่าบริการ 3G สำหรับแพคเกจแบบรายเดือน โดยข้อมูลแพคเกจจะครอบคลุมบริษัทผู้ให้บริการทั้ง 3 ราย ได้แก่ AIS, TRUE และ DTAC ทั้งแพคเกจในระบบ 2G และ ระบบ 3G
แพคเกจรายเดือนในระบบ 3G ที่ใช้ในการศึกษา
“แพคเกจ 3G” รายเดือนที่ใช้ในการศึกษาคือแพคเกจที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซท์ของบริษัทผู้ให้บริการทั้ง 3 ในวันที่ 10 มิถุนายน 2556 ซึ่งเป็นวันที่ใช้เก็บข้อมูล[1] โดยแพคเกจ 3G รายเดือนของ AIS มีทั้งสิ้น 5 แพคเกจ, TRUE 6แพคเกจและ DTAC 9 แพคเกจ[2]รวมทั้งหมด 20แพคเกจ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ตารางที่ 1 แพคเกจรายเดือนในระบบ 3G ที่ใช้คำนวณ
ผู้ให้บริการ |
แพคเกจ |
ราคา (บาท) |
นาที |
ปริมาณข้อมูล (เมกะไบท์)[3] |
ค่าโทรเกินแพคเกจ (บาท/นาที) |
ราคาการใช้อินเตอร์เน็ตเกินแพคเกจ (บาท/เมกะไบท์)[4] |
AIS |
AIS3G_1 |
299 |
100 |
500 |
1.5 |
1.5 |
AIS3G_2 |
399 |
150 |
750 |
1.5 |
- |
|
AIS3G_3 |
599 |
300 |
1500 |
1.5 |
- |
|
AIS3G_4 |
799 |
400 |
2000 |
1.5 |
- |
|
AIS3G_5 |
999 |
500 |
3000 |
1.5 |
- |
|
TRUE |
TRUE3G_1 |
299 |
100 |
500 |
1.25 |
- |
TRUE3G_2 |
399 |
250 |
1000 |
1.25 |
2 |
|
TRUE3G_3 |
499 |
250 |
1000 |
1.25 |
- |
|
TRUE3G_4 |
599 |
400 |
2000 |
1.25 |
2 |
|
TRUE3G_5 |
699 |
400 |
2000 |
1.25 |
- |
|
TRUE3G_6 |
899 |
500 |
3000 |
1.25 |
- |
|
DTAC |
DTAC3G_1 |
299 |
100 |
500 |
1.5 |
1.5 |
DTAC3G_2 |
399 |
250 |
1000 |
1.5 |
1.5 |
|
DTAC3G_3 |
429 |
250 |
750 |
1.5 |
- |
|
DTAC3G_4 |
529 |
250 |
1500 |
1.5 |
- |
|
DTAC3G_5 |
549 |
400 |
750 |
1.5 |
- |
|
DTAC3G_6 |
649 |
400 |
1500 |
1.5 |
- |
|
DTAC3G_7 |
749 |
400 |
3000 |
1.5 |
- |
|
DTAC3G_8 |
849 |
800 |
1500 |
1.5 |
- |
|
DTAC3G_9 |
949 |
800 |
3000 |
1.5 |
- |
แพคเกจส่วนใหญ่ในตารางที่ 1 จะระบุปริมาณข้อมูลอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3G ว่าสามารถใช้ได้ไม่จำกัดแต่ผู้ให้บริการมักจะกำหนดปริมาณข้อมูลขั้นสูงที่จะได้รับความเร็วในระดับ 3G ซึ่งเป็นข้อกำหนดการใช้งานอย่างเหมาะสม (Fair-use policy) การพิจารณาในบทความนี้จะใช้ปริมาณข้อมูลที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตด้วยความเร็วปกติมาคำนวณเท่านั้นซึ่งวิธีดังกล่าวสอดคล้องกับหลักปฏิบัติจากงานศึกษาของ OECD[1]แต่ละแพคเกจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยเช่น ปริมาณการใช้ Wi-Fi สิทธิ์การดาวโหลด content ต่าง ๆ เช่นเพลง นิตยสารอิเลคโทรนิค ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้จะไม่ถูกนำมาพิจารณาในตัวอย่างการศึกษานี้
แพคเกจรายเดือนในระบบ2Gที่ใช้ในการศึกษา
ในส่วนของแพคเกจ 2G ในระบบรายเดือน ข้อมูลแพคเกจที่นำมาใช้ศึกษามาจากข้อมูลที่รวบรวมโดยบริษัทหลักทรัพย์ CIMB[2]โดยแพคเกจ 2G ของผู้ให้บริการทั้ง 3 รายทั้งสิ้น 12แพคเกจ โดยเป็นของบริษัท AIS 4 แพคเกจ, TRUE 4แพคเกจ และ DTAC 4 แพคเกจ ซึ่งมีรายละเอียดังตารางที่ 2[3]
ตารางที่ 2 แพคเกจรายเดือนในระบบ2G ที่ใช้คำนวณ
ผู้ให้บริการ |
แพคเกจ |
ราคา (บาท) |
นาที |
ปริมาณข้อมูล (เมกะไบท์) |
ค่าโทรเกินแพคเกจ (บาท/นาที) |
ราคาการใช้อินเตอร์เน็ตเกินแพคเกจ (บาท/เมกะไบท์) |
AIS |
AIS2G_1 |
399 |
150 |
500 |
1.5 |
2 |
AIS2G_2 |
599 |
150 |
1000 |
1.5 |
- |
|
AIS2G_3 |
799 |
350 |
1000 |
1.5 |
- |
|
AIS2G_4 |
999 |
500 |
2000 |
1.5 |
- |
|
TRUE |
TRUE2G_1 |
150 |
60 |
100 |
1.25 |
2 |
TRUE2G_2 |
399 |
150 |
200 |
1.25 |
2 |
|
TRUE2G_3 |
649 |
250 |
1500 |
1.25 |
2 |
|
TRUE2G_4 |
899 |
500 |
2000 |
1.25 |
- |
|
DTAC |
DTAC2G_1 |
399 |
200 |
200 |
1.5 |
1.5 |
DTAC2G_2 |
699 |
350 |
1000 |
1.5 |
- |
|
DTAC2G_3 |
899 |
550 |
2000 |
1.5 |
- |
|
DTAC2G_4 |
1199 |
900 |
3000 |
1.5 |
- |
ที่มา: CIMB Securities
ตะกร้าราคา
ตะกร้าราคาคือกลุ่มของปริมาณการใช้บริการแต่ละประเภทที่เป็นตัวแทนพฤติกรรมการใช้งานของคนกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งการสร้างตะกร้าที่เป็นตัวแทนของผู้บริโภคในประเทศไทยจำเป็นต้องทำการสำรวจและศึกษาอย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ดีในบทความนี้จะใช้ตะกร้าราคาจากงานของ OECD ที่ทำการศึกษาไว้เป็นตัวอย่างและจะเพิ่มจำนวนตะกร้าเพื่อความสมบูรณ์ในการวิเคราะห์ในภายหลัง โดยตะกร้าราคาของ OECD[4]มีทั้งสิ้น 5ตะกร้าดังตารางที่ 3[5]
ตารางที่ 3 ตะกร้าราคาอ้างอิงของOECD
ตะกร้า |
ปริมาณการใช้งาน |
|
โทร (นาที/เดือน) |
ข้อมูล (MB/เดือน) |
|
OECD1 |
60 |
100 |
OECD2 |
200 |
500 |
OECD3 |
600 |
1000 |
OECD4 |
2295 |
2000 |
OECD5 |
200 |
2000 |
ตะกร้าทั้ง 5แสดงสัดส่วนของจำนวนการใช้บริการเสียงและข้อมูลที่เป็นตัวแทนของผู้บริโภคเรียงลำดับปริมาณการใช้งานจากน้อยไปมาก[6]ยกเว้นตะกร้า OECD5 ซึ่งเป็นสะท้อนการใช้บริการเสียงระดับปานกลางและบริการข้อมูลในระดับสูง ตะกร้าราคาเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็น “มาตรวัด” การเปลี่ยนแปลงราคาของการให้บริการ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นว่าถึงผลประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงแพคเกจและราคาจากระบบ 2G มาเป็น 3G นั้นส่งต่อไปถึงผู้บริโภค (ตะกร้า) แต่ละกลุ่มอย่างไร โดยในการเปรียบเทียบจะพิจารณาตามเกณฑ์ต่อไปนี้
1. หาแพคเกจที่เหมาะสมที่สุด (ให้ค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด) ตามปริมาณการใช้งานของแต่ละตะกร้า ทั้งในระบบ 2G และ 3G โดยแพคเกจต้องมาจากผู้ให้บริการรายเดียวกัน
2. มิได้จำกัดให้แต่ละตะกร้าต้องใช้แพคเกจราคาเท่าเดิม แต่สามารถเปลี่ยนแพคเกจภายใต้ผู้ให้บริการรายเดิมได้จนได้ค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด[1]
3. การคำนวณราคาจะนำปริมาณการใช้ของตะกร้าที่พิจารณา (ทั้งบริการเสียงและข้อมูล) หักออกจากปริมาณที่ใช้งานได้ตามแพคเกจเสียก่อน หากจำนวนการใช้งานของตะกร้าเกินปริมาณที่แพคเกจกำหนด ส่วนที่เกินนั้นจะคิดราคาตามค่าใช้บริการเกินแพคเกจและนำค่าใช้ส่วนเกินดังกล่าวไปบวกเพิ่มกับราคาแพคเกจ
4. ในกรณีของแพคเกจที่ให้บริการอินเตอร์เน็ตแบบไม่จำกัดแต่ผู้ให้บริการกำหนด “ปริมาณการใช้งานขั้นสูง” (Fair-use policy) ที่ผู้บริโภคจะได้รับความเร็วปกติ การคำนวณราคาจะไม่พิจารณาแพคเกจที่กำหนด“ปริมาณการใช้ขั้นสูง”น้อยกว่าปริมาณการใช้งานตามตะกร้าที่พิจารณา
ผลการคำนวณราคาค่าบริการ 2G และ 3G โดยใช้ตะกร้าราคาของ OECD สำหรับแพคเกจของ AIS, TRUE และ DTAC แสดงตามตารางที่ 4, 5 และ 6 ตามลำดับ
จากตารางที่ 4 การใช้ตะกร้าราคา OECD เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงราคาแพคเกจของบริษัท AIS พบว่า ทุกตะกร้ามีราคาลดลง โดยมีตะกร้าเพียง 2 ใน 5 ที่มีค่าใช้บริการลดลงมากกว่าร้อยละ 15 ตะกร้าที่มีราคาลดลงมากที่สุดได้แก่ OECD1 ซึ่งเป็นตะกร้าที่มีทั้งปริมาณการโทรและการใช้อินเตอร์เน็ตน้อย โดยพบว่าลดลงร้อยละ 25.1 ราคาโดยเฉลี่ยทั้ง 5 ตะกร้าลดลงร้อยละ 12.1
ตารางที่ 5 ซึ่งวัดการเปลี่ยนแปลงราคาแพคเกจของ TRUE พบว่ามี 2 ใน 5 ตะกร้าที่มีราคาลดลงมากกว่าร้อยละ 15 นอกจากนี้เป็นที่น่าตกใจว่าตะกร้า OECD1 ของ TRUE มีราคาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 99.3 โดยสาเหตุเนื่องมาจากการที่ TRUE มีแพคเกจราคา 150 บาท (TRUE2G_1) สำหรับผู้ใช้งานน้อยในระบบ 2G แต่แพคเกจในลักษณะดังกล่าวกลับไม่พบในระบบ 3G ซึ่งแพคเกจราคาต่ำสุดของ TRUE ในระบบ 3G มีราคา 299 บาท (TRUE3G_1) ซึ่งมีราคาสูงกว่ามาก ส่งผลให้ลูกค้า TRUE ในกลุ่มนี้ต้องจ่ายในราคาที่สูงขึ้น แม้ว่าตะกร้า OECD2 ของ TRUE ราคาจะลดลงมาก แต่โดยเฉลี่ยทั้ง 5 ตะกร้าพบว่าราคาไม่ได้ลดลง
สำหรับ DTAC พบว่ามี 3 ใน 5 ตะกร้าที่มีราคาลดลงมากกว่าร้อยละ 15 และค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนแปลงราคาของตะกร้าทั้ง 5ตะกร้ามีค่าลดลงร้อยละ 20.1 ซึ่งถือว่าเป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่มีค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนแปลงราคาทั้ง 5 ตะกร้าลดลงมากกว่าร้อยละ 15 ค่าเฉลี่ยของราคาค่าบริการ DTAC ที่ลดลงได้มากนั้นมีสาเหตุมาจาก การที่ DTAC มีแพคเกจการให้บริการ 3G ที่มีจำนวนมากถึง 9 แพคเกจย่อย ซึ่งสามารถตอบสนองความแตกต่างของพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคได้ดีกว่า
ตารางที่ 4 การเปลี่ยนแปลงราคาค่าบริการรายเดือนของ AIS โดยใช้ตะกร้าราคา OECD
ตะกร้า |
ค่าใช้บริการ 2G (แพคเกจที่เหมาสมที่สุด) |
ค่าใช้บริการ 3G (แพคเกจที่เหมาะสมที่สุด) |
ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแปลง (บาท) |
ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) |
OECD1 |
399 บาท (AIS2G_1) |
299 บาท (AIS3G_1) |
-100 |
-25.1 |
OECD2 |
474 บาท (AIS2G_1) |
449 บาท (AIS3G_1) |
-30 |
-5.3 |
OECD3 |
1149 บาท (AIS2G_4) |
1049 บาท (AIS3G_3) |
-100 |
-8.7 |
OECD4 |
3691.5 บาท (AIS2G_4) |
3641.5 บาท (AIS3G_4) |
-50 |
-1.4 |
OECD5 |
999 บาท (AIS2G_4) |
799 บาท (AIS3G_3) |
-200 |
-20.0 |
ราคาเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยทั้ง 5ตะกร้า (ร้อยละ) |
-12.1 |
ตารางที่ 5การเปลี่ยนแปลงราคาค่าบริการรายเดือนของ TRUEโดยใช้ตะกร้าราคา OECD
ตะกร้า |
ค่าใช้บริการ 2G (แพคเกจที่เหมาสมที่สุด) |
ค่าใช้บริการ 3G (แพคเกจที่เหมาะสมที่สุด) |
ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแปลง (บาท) |
ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) |
OECD1 |
150 บาท (TRUE2G_1) |
299 บาท (TRUE3G_1) |
+149 |
+99.3 |
OECD2 |
649 บาท (TRUE2G_3) |
299 บาท (TRUE3G_1) |
-350 |
-53.9 |
OECD3 |
1024 บาท (TRUE2G_4) |
899 บาท (TRUE3G_2) |
-125 |
-12.2 |
OECD4 |
3142.75 บาท (TRUE2G_4) |
3142.75 บาท (TRUE3G_6) |
0 |
0 |
OECD5 |
899 บาท (TRUE2G_4) |
599 บาท (TRUE3G_4) |
-300 |
-33.4 |
ราคาเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยทั้ง 5ตะกร้า (ร้อยละ) |
0.0 |
ตารางที่ 6การเปลี่ยนแปลงราคาค่าบริการรายเดือนของ DTACโดยใช้ตะกร้าราคา OECD
ตะกร้า |
ค่าใช้บริการ 2G (แพคเกจที่เหมาสมที่สุด) |
ค่าใช้บริการ 3G (แพคเกจที่เหมาะสมที่สุด) |
ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแปลง (บาท) |
ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) |
OECD1 |
399 บาท (DTAC2G_1) |
299 บาท (DTAC3G_1) |
-100 |
-25.1 |
OECD2 |
699 บาท (DTAC2G_2) |
399 บาท (DTAC3G_2) |
-300 |
-42.9 |
OECD3 |
974 บาท (DTAC2G_3) |
849 บาท (DTAC3G_8) |
-125 |
-12.8 |
OECD4 |
3291.5 บาท (DTAC2G_4) |
3191.5 บาท (DTAC3G_9) |
-100 |
-3.0 |
OECD5 |
899 บาท (DTAC2G_3) |
749 บาท (DTAC3G_7) |
-150 |
-16.7 |
ราคาเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยทั้ง 5ตะกร้า (ร้อยละ) |
-20.1 |
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า ตะกร้า OECD4 ของผู้ให้บริการทุกรายจะมีราคาที่ลดลงน้อยที่สุด ซึ่งตะกร้าดังกล่าวเป็นตะกร้าที่มีการใช้บริการเสียงและข้อมูลในระดับที่สูงมาก (โทร 2,295 นาทีและ ข้อมูล 2 GB ต่อเดือน) สาเหตุที่ราคาของตะกร้าดังกล่าวไม่ได้ลดลงมากนักเนื่องจากในทุกแพคเกจ จำนวนนาทีที่รวมอยู่ในแพคเกจนั้นมีจำนวนต่ำกว่าระดับการใช้งานของตะกร้าเป็นอย่างมาก และราคาค่าใช้บริการโทรเกินแพคเกจนั้นมีมูลค่าสูง (1.25 – 1.50 บาทต่อนาที) และมิได้ลดลงตามราคาแพคเกจ 3G ทำให้ค่าใช้จ่ายที่ผู้บริโภคที่มีการใช้บริการเสียงในระดับที่สูงลดลงเพียงเล็กน้อย (กระทั้งไม่ลดลงเลยในกรณีของ TRUE) ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์น้อยที่สุด
ในทางตรงกันข้าม ตะกร้า OECD5 ซึ่งเป็นตะกร้าสะท้อนพฤติกรรมการโทรปานกลางแต่ใช้งานข้อมูลในระดับสูงมาก (โทร 200 นาที และ ข้อมูล 2GB ต่อเดือน) มีราคาที่ลดลงมากกว่าร้อยละ 15 สำหรับผู้ให้บริการทุกราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการปรับแพคเกจของผู้ให้บริการที่มีการลดราคาเฉลี่ยโดยการเพิ่มปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตในแพคเกจให้สูงขึ้น โดยกลุ่มผู้ใช้บริการด้านข้อมูลในระดับสูงมากน่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลดราคาค่าบริการ 3G ในขณะที่กลุ่มอื่น ๆ ยังไม่เห็นแนวโน้มชัดเจนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงราคาตะกร้ายังมีความแตกต่างระหว่างผู้ให้บริการ
อย่างไรก็ตาม การใช้งานบริการด้านเสียงและข้อความของผู้บริโภคอาจจะจำเป็นต้องแปรผันไปในทิศทางเดียวกัน ตามข้อสมมติของตะกร้าราคาจากงานศึกษาของ OECD ดังนั้นเพื่อให้การวิเคราะห์มีความครบถ้วนและครอบคลุมพฤติกรรมการใช้งานที่หลากหลายของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ในส่วนต่อไปจะขยายจำนวนตะกร้าเพิ่มขึ้น โดยจะมีตะกร้าที่เป็นการผสมของระดับการใช้งานเสียงและข้อมูลที่แตกต่างกันไป ซึ่งในบทความนี้จะแบ่งปริมาณการใช้งานเสียงเป็น 6 ระดับ และปริมาณการใช้งานข้อมูล 4 ระดับ เพื่อสร้างตะกร้าราคาแสดงปริมาณการใช้งานทั้งสิ้น 24 ตะกร้าดังต่อไปนี้
ตารางที่ 7 ส่วนประกอบของตะกร้าราคา 24 ตะกร้าที่ใช้ศึกษา
โดยผลของการเปลี่ยนแปลงราคาแพคเกจจากระบบ 2G มาเป็น 3G ของบริษัท AIS, TRUE และ DTAC ส่งผลกระทบต่อค่าใช้บริการของแต่ละตะกร้าดังแสดงในตารางที่ 8 – 10 ตามลำดับ (ตารางแสดงค่าใช้จ่ายรายตะกร้าของผู้ประกอบการทุกรายในระบบ 2G และ 3G แสดงในภาคผนวก)
จากตารางจะพบว่ามีเพียง DTAC เท่านั้นที่แพคเกจรายเดือนในระบบ 3G ส่งผลให้ราคาโดยเฉลี่ยทั้ง 24 ตะกร้ามีการเปลี่ยนแปลงลดลงมากกว่าร้อยละ 15 (ลดลง 17.7%) ในขณะที่ค่าเฉลี่ยตะกร้าราคาทั้ง 24 ตะกร้าของแพคเกจจากบริษัท AIS และ TRUE มีการเปลี่ยนแปลงลดลงเท่ากับ 7.8% และ 8.5% ตามลำดับ นอกจากนี้หากวัดจำนวนตะกร้าที่มีราคาลดลงมากกว่า15%ซึ่งจะสะท้อนความหลากหลายของกลุ่มผู้บริโภคที่จะได้รับประโยชน์จากการลดราคาค่าบริการ พบว่า DTAC มีจำนวนสูงสุดที่ 10 ตะกร้า ตามด้วย TRUE (9 ตะกร้า) และ AIS (5 ตะกร้า)หากพิจารณาจำนวนตะกร้าที่มีราคาลดลงน้อยกว่า 5%พบว่า AIS มีจำนวนมากที่สุดถึง 13 ตะกร้า ในขณะที่ TRUE มีจำนวน 11 ตะกร้า และ DTAC มีจำนวนน้อยที่สุดคือ 2 ตะกร้า ความสำเร็จในการลดราคาค่าบริการของ DTAC น่าจะมีสาเหตุมาจากการแบ่งการคิดราคาเป็นรายบริการ (unbundled) และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเลือกส่วนผสมของบริการเสียงและข้อมูลที่ต้องการอย่างยืดหยุ่นซึ่งแพคเกจ 3G ของ DTAC สามารถแบ่งย่อยลงได้ถึง 9 แพคเกจ (ดูตารางที่ 1)
หากพิจารณาในภาพรวมจะพบว่ากลุ่มผู้ใช้บริการที่มีปริมาณการใช้งานบริการเสียงในระดับสูงจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลดราคาแพคเกจน้อยที่สุด ซึ่งผลสอดคล้องกันในทุกผู้ให้บริการ เหตุผลเนื่องจากว่าผู้บริโภคในกลุ่มนี้มีแนวโน้มการใช้บริการเสียงเกินจำนวนนาทีที่แพคเกจกำหนด แต่ราคาค่าโทรเกินแพคเกจสำหรับผู้ให้บริการทุกรายยังมีค่าสูงกว่าอัตราขั้นสูงที่ กสทช. กำหนดและราคาค่าโทรเกินแพคเกจในระบบ 3G ดังกล่าวไม่ได้ลดลงจากราคาในระบบ 2G ดังนั้นต้นทุนในส่วนนี้ของผู้บริโภคกลุ่มโทรมากนั้นไม่ได้ลดลง[1]
ในทางตรงกันช้ามผู้บริโภคในกลุ่มที่มีการโทรน้อยแต่ใช้งานอินเตอร์เน็ตมากมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์เต็มที่จากการลดราคาแพคเกจ 3G ของผู้ประกอบการ ซึ่งข้อมูลตะกร้าราคาจากแพคเกจผู้ให้บริการทุกรายให้ผลที่ค่อนข้างสอดคล้องกัน ผลดังกล่าวบ่งชี้ว่าผู้ประกอบการมีแนวโน้มการลดราคาแพคเกจผ่านการปรับเปลี่ยนลักษณะแพคเกจโดยการเพิ่มปริมาณข้อมูลซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคกลุ่มที่เน้นการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ
ผู้บริโภคในกลุ่มใช้บริการด้านข้อมูลน้อย (ตะกร้าที่มีการใช้งานข้อมูล 100 MB) จะเป็นกลุ่มที่อาจจะไม่ได้ประโยชน์มากนัก โดยราคาค่าบริการจะลดลงไม่มากนัก แม้กระทั้งเพิ่มขึ้นในกรณีของ TRUE โดยการเพิ่มขึ้นของตะกร้าราคาของ TRUE เนื่องมาจากแพคเกจราคาต่ำที่สุดของบริการ 2G (ราคา 150 บาท โทร 60 นาที ข้อมูล 100 MB) นั้นไม่ถูกนำมาใช้ในบริการ 3G โดยแพคเกจราคาต่ำที่สุดของ TRUE ในระบบ 3G มีราคาสูงกว่าเดิมถึงเท่าตัว (ราคา 299 บาท โทร 100 นาที ข้อมูล 500 MB)
อย่างไรก็ดีการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงลดลงหรือเพิ่มขึ้นของราคาโดยเปรียบเทียบระหว่างระบบ 2G และ 3G แต่เพียงอย่างเดียวอาจมีข้อจำกัดอยู่บ้างเนื่องจากเป็นการวิเคราะห์ระดับการเปลี่ยนแปลงของราคามิใช่ระดับราคา ดังนั้นผู้ประกอบการที่ลดราคาค่าบริการลงในสัดส่วนที่สูงที่สุดอาจจะมิได้ผู้ประกอบการที่คิดค่าบริการการใช้งานตามตะกร้าที่ต่ำที่สุด สัดส่วนร้อยละของราคาที่ลดลงมากอาจเนื่องมาจากราคาแพคเกจเดิมในระบบ 2G ของผู้ประกอบการมีราคาสูงกว่าคู่แข่งรายอื่น เพื่อให้ภาพที่ครบถ้วน ตารางที่ 11 แสดงราคาค่าบริการรายเดือน 3G ที่ต่ำที่สุดในตลาดสำหรับแต่ละตะกร้า และผู้ให้บริการรายเดือนที่คิดค่าบริการต่ำที่สุดนั้น
จากตารางพบว่าจาก 24 ตะกร้าราคาที่ใช้ในการพิจารณาTRUE เป็นผู้ให้บริการที่มีค่าบริการเสียงและข้อมูลต่ำที่สุด โดยจำนวนตะกร้าที่ TRUE คิดค่าบริการต่ำที่สุดมีทั้งสิ้น 16 ตะกร้า ตามด้วย DTAC และ AIS ซึ่งมีจำนวนตะกร้าที่ตนเองคิดค่าบริการต่ำสุดเท่ากับ 12 ตะกร้าและ 2 ตะกร้าตามลำดับ โดยทั้ง 24 ตะกร้า ไม่มีตะกร้าใดที่ AIS คิดราคาค่าบริการต่ำสุดแต่เพียงรายเดียว
บริษัท DTAC คิดราคาต่ำที่สุดสำหรับกลุ่มที่โทร 1000 นาที ในขณะที่ TRUE คิดราคาต่ำที่สุดสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่โทรน้อย (60 นาที และ 200 นาที) นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่า 4 ใน 5 ตะกร้าของกลุ่มผู้ใช้ข้อมูลน้อย (100 MB) TRUE เป็นผู้ประกอบการที่คิดค่าบริการสำหรับตะกร้าเหล่านี้ต่ำที่สุด แม้ว่าข้อมูลจากตารางที่ 9 บ่งชี้ว่าราคาค่าบริการ 3G ของ TRUE ที่คิดกับผู้บริโภคกลุ่มนี้มีค่าสูงขึ้นจากราคาในระบบ 2G
บทสรุป
ความพยายามในการลดราคาค่าบริการในระบบ 3G ลงร้อยละ 15 ของ กสทช. โดยการกำหนดราคาอ้างอิงของบริการต่าง ๆ เพียงอัตราเดียวนั้นไม่สอดคล้องกับสภาพความจริงที่ผู้ประกอบการให้บริการโดยผูกบริการต่าง ๆ เข้าด้วยกันในรูปของแพคเกจ ทำให้เกิดความยากลำบากในการตรวจสอบและการแยกคำนวณราคาแพคเกจออกเป็นรายบริการ ส่งผลให้นโยบายการลดราคาไร้ประสิทธิภาพ บทความนี้นำเสนอวิธีการใช้ตะกร้าราคาเพื่อติดตามและวัดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงแพคเกจการให้บริการและการลดราคาต่อค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างทางด้านพฤติกรรมการใช้บริการด้านเสียงและข้อมูล วิธีการดังกล่าวมีข้อดีที่สามารถแสดงผลกระทบต่อผู้บริโภคได้หลายกลุ่ม และการคำนวณคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงที่บริการหลายประเภทถูกขายพ่วงเป็นแพคเกจ ซึ่งมีราคาต่อหน่วยที่แตกต่างกัน บทความนี้แสดงตัวอย่างการใช้วิธีดังกล่าวในการวัดการเปลี่ยนแปลงค่าบริการ 3G แบบรายเดือนของผู้ให้บริการ ผลการวิเคราะห์พบว่าในขณะที่ผู้บริโภคกลุ่มที่โทรน้อยแต่ใช้อินเตอร์เน็ตมากมีแนวโน้มได้รับประโยชน์ ค่าใช้จ่ายรายเดือนของผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจจะลดลงไมถึงร้อยละ 15 สาเหตุหลักมาจากค่าโทรในส่วนที่เกิดแพคเกจที่ราคายังสูงกว่าอัตราขั้นสูงที่ กสทช. กำหนดและไม่ลดลง รวมถึงการปรับแพคเกจเพื่อลดราคาค่าบริการเฉลี่ยโดยเน้นไปที่การเพิ่มปริมาณข้อมูลซึ่งเหมาะสมกับผู้บริโภคเพียงบางกลุ่ม
ภาคผนวก: ราคาค่าบริการ 2G และ 3G รายตะกร้า ของผู้ประกอบการแต่ละราย
[1]มีความเป็นไปได้ว่าผู้บริโภคในกลุ่มที่มีการโทรมากอาจจะมีการซื้อแพคเกจบริการเสริมเพื่อใช้โทรเพิ่มเติม ซึ่งบทความนี้ไม่ได้วิเคราะห์ครอบคลุมไปถึง กระนั้น หากแพคเกจบริการเสริมเหล่านั้นไม่ได้มีราคาลดลงจากระบบ 2G ราคาที่ผู้บริโภคจ่ายก็จะไม่ลดลงเช่นกัน
[1]นั่นหมายความว่าการวิเคราะห์สมมติให้ผู้บริโภคจากตะกร้าต่าง ๆ มีเหตุมีผลสามารถเลือกแพคเกจที่ดีที่สุดได้
[1] OECD (2012), Methodology for Constructing Wireless Broadband Price Basket(DSTI/ICCP/CISP(2011)5/FINAL). หน้าที่ 5 (http://search.oecd.org/officialdocuments/publicdisplaydocumentpdf/?cote=DSTI/ICCP/CISP(2011)5/FINAL&docLanguage=En )
[3]ราคาแพคเกจ 2G หมายถึงราคาค่าบริการแพคเกจรายเดือนที่ผู้ให้บริการคิดกับผู้บริโภคก่อนวันที่ 27 พฤษภาคม 2556 ซึ่งเป็นวันที่ กสทช. ประกาศให้ผู้ให้บริการลดราคา และอัตราค่าบริการอ้างอิงมีผลบังคับใช้
[4]ดูงานศึกษาที่อ้างอิงใน footnote6 และ http://www.oecd.org/sti/broadband/48242089.pdf
[5]OECD กำหนดตะกร้าสินค้าสำหรับบริการทางด้านเสียงโดยแบ่งปริมาณการใช้ในลักษณะของจำนวนครั้งในการโทร (calls) ต่อเดือน ซึ่งสามารถแปลงจำนวนครั้งในการโทรเป็นจำนวนนาทีได้ โดยการแปลงดังกล่าวจะมีตารางแสดงการแจกแจงของสัดส่วนของการโทรไปสู่โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์เคลื่อนที่นอกเครือข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ในเครือข่าย รวมถึงจำนวนนาทีโดยเฉลี่ยที่ผู้ใช้โทรไปยังปลายทางเหล่านั้น ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างมากต่อการคำนวณค่าใช้จ่ายในแพคเกจแบบเติมเงินที่ราคาค่าโทรต่อนาทีแปรผันตามเวลา เลขหมายปลายทาง และระยะยาวนานของการโทรแต่ละครั้ง แต่เนื่องจากแพคเกจรายเดือนหลักที่ใช้ในการศึกษาในกรณีของประเทศไทยไม่ได้มีแบ่งโปรโมชั่นจำแนกตามลักษณะการโทรดังกล่าว การนำเสนอตะกร้าสินค้าในรูปของจำนวนนาทีรวมจึงเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์
[6]ตะกร้า OECD ยังมีการรวมการใช้บริการ SMS ไว้ด้วย แต่เนื่องจากว่าแพคเกจที่นำมาพิจารณาส่วนใหญ่มิได้รวม SMS ไว้ในแพคเกจ และผู้ให้บริการแต่ละรายคิดราคา SMS ใกล้เคียงกันและไม่มีความแตกต่างกันระหว่างระบบ 2G และ 3G ดังนั้นเพื่อความง่ายต่อการนำเสนอ บทความนี้จึงไม่รวมการใช้ SMS ไว้ในตะกร้าราคาที่ใช้คำนวณ
[1]ผู้เขียนใช้ข้อมูลแพคเกจที่ปรากฏในเว็บไซท์ของผู้ให้บริการณ วันที่ 17 มิถุนายน 2556 เป็นตัวแทนของค่าบริการ 3G ซึ่งเป็นระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์หลังจาก กสทช. กำหนดให้ราคาของผู้ให้บริการต้องลดลง
[2]แพคเกจ 3G ที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ แพคเกจ iSmartของ AIS: http://www.ais.co.th/3g-postpaid/th/package-detail/1/แพ็กเกจiSmart
แพคเกจ iSmart phone ของ TRUE: http://truemoveh.truecorp.co.th/3g/packages/ismart/entry/594
แพคเกจ smart phone ของ DTAC: http://www.dtac.co.th/postpaid/trinetpackage
[3]ปริมาณข้อมูลอินเตอร์เน็ต ใช้ข้อมูลตามข้อกำหนดการใช้งานอย่างเหมาะสม (Fair-use policy) แม้ว่าบางแพคเกจจะระบุว่าใช้ได้ไม่จำกัด เนื่องจากผู้ให้บริการจะลดความเร็วการให้บริการลงหากมีการใช้ข้อมูลเกินกำหนดดังกล่าว
[4]แพคเกจที่ไม่ระบุราคาค่าใช้บริการข้อมุลเกินแพคเกจคือแพคเกจที่ระบุว่าผู้ใช้สามารถใช้งานบริการด้านช้อมูลได้ไม่จำกัด แต่จะปรับความเร็วลงหลังจากใช้งานถึงระดับการใช้งานอย่างเหมาะสม (Fair-use policy) ตามที่กำหนด
[1]รายละเอียดและบทวิเคราะห์เพิ่มเติ่มเกี่ยวกับการลดค่าบริการ 3G ดูที่ http://www.nbtcpolicywatch.org/press_detail.php?i=1019
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ